กล่าวอำลาทางการ! ‘สมยศ’ ชูผลงาน 8 ปี เพื่อรากฐานฟุตบอลไทย

“บิ๊กอ๊อด” กล่าวอำลาตำแหน่งประมุขลูกหนังไทยอย่างเป็นทางการ ชูผลงาน 8 ปี เพื่อรากฐานฟุตบอลไทย

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. ณ อาคาร HOUSE OF THAI FOOTBALL สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 โดยมี พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เป็นประธาน

หนึ่งในวาระคือ นายกสมาคมฯ กล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยชูผลงาน 8 ปี เพื่อรากฐานฟุตบอลไทย

“สวัสดีสโมสรสมาชิกทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเพื่อฟุตบอลไทย และเดินทางมาร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่ปีละครั้ง

การประชุมในวันนี้ จะมี 2 ประชุมสำคัญ คือ ในช่วงเช้าจะเป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 เพื่อรายงานผลการดำเนินกิจกรรมฟุตบอล ในรอบปีที่ผ่านมา และเรื่องของงบดุลต่างๆ หรือ แผนงานต่างๆ ส่วนช่วงบ่าย จะเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกตั้งสภากรรมการ ครั้งที่ 1/2567 โดยจะเริ่มขึ้นในเวลา 13.00 นาฬิกา เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็น วันสำคัญของวงการฟุตบอลไทยอีกครั้งหนึ่ง

ผมมารับตำแหน่ง “นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล” ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 และในครั้งที่สองในปี พ.ศ.2559 รวม 8 ปี จะครบวาระในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ในวันนี้จึงได้มีการกำหนดการเลือกตั้ง สภากรรมการชุดใหม่เพื่อมาสานต่องานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อไป ในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณสภากรรมการ คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สมาคม สโมสรสมาชิก ตลอดจนบุคลากรฟุตบอลทุกคน ที่เสียสละ มุ่งมั่น ทุ่มเทกำลังกาย และกำลังทรัพย์ ทำงานหนักอยู่เคียงข้างฟุตบอลไทย

ตลอดระยะเวลา 8 ปี สมาคมฯ พยายามผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อวางรากฐานให้กับฟุตบอลไทย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ 1.การพัฒนาโครงสร้างองค์กร 2.การยกระดับและพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทยทุกชุด 3.การพัฒนาฟุตบอลลีกอาชีพ และ 4.การพัฒนาด้านเทคนิค ต่างๆ

การพัฒนาโครงสร้างองค์กร ที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถ ต่อยอดเพื่อยกระดับให้ฟุตบอลไทยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราพร้อมส่งมอบให้ คณะผู้บริหารชุดใหม่สามารถเข้ามาสานงานต่อได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงาน HOUSE OF THAI FOOTBALL แห่งนี้ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ออฟฟิศสำหรับทำงานฝ่ายต่างๆ ,ห้อง VAR, สนามฟุตซอลขนาดมาตรฐาน ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสูงสุด

การยกระดับและพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทยทุกชุด นโยบายหลัก คือ การดูแลนักกีฬา การเดินทาง อาหาร และที่พัก ทีมแพทย์ ทีมโภชนาการ ทีมกายภาพ ทีมวิทยาศาสตร์การกีฬา และทีมประสานงาน ช่วยอำนวยความสะดวกตลอดตั้งแต่ต้นจนจบทุกทัวร์นาเมนท์” “โปรแกรมฟีฟ่าเดย์ จะต้องเป็นเกมระดับ FIFA International ‘A’ Match และทีมที่อุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ต้องมีลำดับแรงกิ้งสูงกว่าเรา เพื่อให้เกิดการยกระดับและพัฒนาของนักกีฬาฟุตบอล ทีมชาติไทย

การพัฒนาฟุตบอลลีกอาชีพของไทย ปัจจุบัน ฟุตบอลไทยลีกมีมาตรฐานและคุณภาพ อยู่อันดับที่ 8 ของทวีปเอเชีย และอยู่อันดับที่ 4 ของเอเชีย ฝั่งตะวันออก และเป็นอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการจัดลำดับของ AFC Club Competitions Ranking

ซึ่ง สมาคมฯ นำ “คลับไลเซนซิ่ง” เข้ามาบังคับใช้ ถือเป็นการวางรากฐานให้กับสโมสรที่จะก้าวขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด และสามารถจัดการแข่งขันฟุตบอลในระดับนานาชาติได้ กำหนดให้ทุกสโมสรต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และขึ้นทะเบียนเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพตามกฎหมาย กับการกีฬาแห่งประเทศไทย ทุกสโมสร

นำเทคโนโลยี VAR ช่วยการตัดสิน เข้ามาใช้ในฟุตบอลลีกอาชีพ เป็นชาติแรกในอาเซียน มีการฝึกอบรม ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทบทวนกติกาให้แก่ผู้ตัดสิน ตลอดในทุกสัปดาห์ เพื่อเพิ่มเติมประสบการณ์และยกระดับผู้ตัดสิน สร้างผู้ตัดสินสายเลือดใหม่ขึ้นมา แต่บุคคลากรเหล่านี้ยังคงต้องใช้เวลาและประสบการณ์อีกมากในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ตัดสินชั้นนำได้

สำหรับ ฟุตบอลลีกหญิงอาชีพ เราจัดการแข่งขัน ระดับดิวิชั่น 1 และ ดิวิชั่น 2 ต่อเนื่องทุกฤดูกาล ด้วยงบประมาณของสมาคมฯ เอง โดยมีระเบียบให้ทุกสโมสรต้องเป็นนิติบุคคล และขึ้นทะเบียนสโมสรฟุตบอลอาชีพ กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย เช่นกัน ถือเป็นการเริ่มต้นในการวางรากฐานสร้างนักกีฬาฟุตบอลหญิงสายเลือดใหม่จากรุ่นสู่รุ่น

การพัฒนาด้านเทคนิค สมาคมฯ ดึง การ์เลส โรมาโกซา เข้ามาเป็นผู้อำนวยการเทคนิค เพื่อวางรากฐานการพัฒนาฟุตบอลขั้นพื้นฐาน และช่วยยกระดับฟุตบอลเยาวชนให้มีมาตรฐานและสอดคล้องกับ เอเอฟซี และ ฟีฟ่า ซึ่งกลยุทธ์และแผนพัฒนาฟุตบอลต่างๆ ทุกโครงการสามารถนำมาต่อยอดเพื่อยกระดับในการพัฒนาฟุตบอลไทยในแต่ละด้านได้อย่างต่อเนื่องทันที

สมาคมฯ จัดให้มีการอบรมโค้ชทุกระดับ ตลอด 8 ปี และมีผู้ฝึกสอน ระดับต่างๆ กว่า 4,700 คน แบ่งเป็น โปร ไลเซนส์ 39 คน, เอ ไลเซนส์ 155 คน, บี ไลเซนส์ 291 คน, ระดับ ซี ไลเซนส์ 1,247 คน, ผู้ฝึกสอนเบื้องต้น 2,861 คน , AFC GoalKeeper Level 1 จำนวน 108 คน GK และ AFC GoalKeeper Level 2 จำนวน 8 คน

นอกจากนี้ยังมีโครงการต่างๆ ที่ทำร่วมกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ( SAT) การวางกลยุทธ์และแผนพัฒนาฟุตบอลไทย ตั้งแต่ระดับพื้นฐานและสมัครเล่น (Grassroots และamp; Amateur football) การวิเคราะห์ระบบนิเวศฟุตบอลทั่วโลก, โครงการ Grow Together จัดแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 12,14,16 ปี ทั้งชายและหญิง เพื่อเฟ้นหาผู้เล่นเยาวชนสู่ฐานข้อมูลทีมชาติ โครงการต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลไทย ที่เราเริ่มไว้และพร้อมที่จะส่งมอบต่อให้กับคณะผู้บริหารชุดใหม่ได้สานต่อได้ทันที”

สุดท้ายนี้ อยากฝากถึงคณะผู้บริหารชุดใหม่ และคนฟุตบอล ร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ซึ่งประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดงานสำคัญ คือ เจ้าภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปี FIFA Congress ครั้งที่ 74 ในช่วงเดือน 17 พฤษภาคม 2567 โดยงานดังกล่าวจะมีคนฟุตบอลจากทั่วโลก 211 ชาติ เดินทางมาเข้าร่วมงาน”

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายจะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมฯคนใหม่ ต่อไป

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด