ที่ด่าเพราะหวังดี!ซูเนสส์ เศร้าใจ ‘ป็อกบา’ โดนแบน 4 ปี

แกรม ซูเนสส์ กูรูฝีปากกล้า ยอมรับว่าเขารู้สึกเศร้าใจที่ ปอล ป็อกบา โดนแบนจากวงการฟุตบอลเป็นเวลานานถึง 4 ปี หลังตรวจพบสารกระตุ้นต้องห้าม

กองกลางของ ยูเวนตุส ถูกตัดสินติดโทษแบนเป็นเวลา 4 ปี โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งเขาเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนามในเกมกับอูดิเนเซ่ แข้งวัย 30 ปีถูกสุ่มตรวจโด๊ปและผลออกมาเป็นบวก ซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบซ้ำ ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

ซูเนสส์ พูดถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมอธิบายเหตุผลที่เขามักวิจารณ์ ป็อกบา สมัยค้าแข้งในอังกฤษกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด:

“ผมวิจารณ์ ปอล ป็อกบา หลายครั้งในอาชีพการค้าแข้งของเขา ซึ่งก็มีบางคนที่ได้รับความสุขจากสิ่งนั้นด้วย แต่มันมีเพียงแค่ความเศร้าที่ผมรู้สึกในสัปดาห์นี้ ตอนที่ผมได้รู้ข่าวว่าเขาโดนแบนจากฟุตบอลเป็นเวลา 4 ปี จากข้อหาการใช้สารกระตุ้น”

“สำหรับผมนะ ผมไม่เคยมีความเคลือบแคลงใจในเรื่องความสามารถของ ป็อกบา สิ่งที่ผมเห็นในตัวเขาคือนักเตะที่มีทักษะยอดเยี่ยม และมีสภาพร่างกายที่มีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดที่วงการฟุตบอลเคยมีมา”

“มันคือการขาดซึ่งความเที่ยงตรง และระดับของความพยายามอันย่ำแย่ที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจเสมอ พูดตามตรงคือเขาขี้เกียจ ใครบางคนที่มีระดับพรสวรรค์สูงสุดแบบเขา ควรทำผลงานในแนวทางที่หมายความว่าเขาจะได้รับการจดจำเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก จดจำไปแบบยาว ๆ หลังจากที่แขวนสตั๊ดไปแล้วด้วย”

“แต่กลับกัน เขาโยนอาชีพการค้าแข้งของเขาทิ้งไป หลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่รัสเซียเมื่อปี 2018 เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ และไม่เคยแสดงความมุ่งมั่นของการเป็นนักเตะที่ทำเพื่อทีม”

“ผมวิจารณ์เขาในระดับที่สำคัญ ผมไม่ได้รู้สึกพอใจที่จะบอกว่าสิ่งที่ผมพูดมันถูกต้อง เพราะว่าผมมองเห็นศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของเขา ผมมองเห็นว่าเขาสามารถกลายเป็นนักเตะแบบไหนได้”

“มันเหมือนกับตอนที่ผมเป็นผู้จัดการทีมหรือโค้ช และผมมักจะด่านักเตะคนหนึ่งของผมอยู่เสมอ พวกเขาจะพูดว่า ‘ทำไมตามด่าผมตลอดเลยล่ะ?’ ผมจะบอกพวกเขาว่า: ‘เวลาที่นายควรกังวลคือตอนที่ฉันเลิกพูดถึงนายและเลิกด่านาย เพราะนั่นมันหมายความว่าฉันยอมแพ้ในตัวนายไปแล้ว’

“ป็อกบา อยู่ในหมวดหมู่นั้น คุณพยายามกับเขา แต่ผมขอโทษที่จะบอกว่า ผมคิดว่าเขาหลงทางไปตั้งแต่จบศึกฟุตบอลโลก เขาคือตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่ได้รับมากเกินไปและเร็วเกินไปในอาชีพการค้าแข้ง”

“ทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง การคว้าแชมป์รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณจะทำได้ในโลกฟุตบอล สิ่งดังกล่าวหมายความว่าเขาได้ผ่อนปรนความพยายามของเขาลง”

“เขาควรจะแขวนสตั๊ดไปด้วยเกียรติยศหลายอย่าง ควรถูกจดจำในฐานะหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของยุคเขา แต่กลับกัน เขากลายเป็นคนที่ใช้พรสวรรค์และร่างกายที่พระเจ้ามอบให้อย่างสิ้นเปลือง”

“ผมยังจำได้ตอนที่ไปดูเขาเล่นให้ยูเวนตุสในเกมที่เบอร์นาเบว โดยยูเวนตุสแข่งขันกับเรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ นัดที่สองเมื่อปี 2015 เจมี่ เร้ดแนปป์ คืออวยเขาหนักมาก”

“เขาบอกผมว่า: ‘เฮียรอดูเขาเล่นนะ’ นัดนั้นผมทำหน้าที่วิเคราะห์เกมกับ เธียร์รี่ อองรี และเจมี่ ซึ่งแม้ว่า ป็อกบา จะไม่ได้โชว์ฟอร์มให้ผมเห็นในคืนนั้น แต่ผมก็เห็นเด็กหนุ่มที่มีศักยภาพล้นหลาม ซึ่งสามารถกลายเป็นหนึ่งในแข้งที่ยิ่งใหญ่ได้”

“เราได้เห็นฟอร์มของเขาใน 3 ปีหลังจากนั้น ผลงานของเขากับทีมชาติฝรั่งเศสในรายการฟุตบอลโลก 2018 เขาได้ลงเล่นแทบจะตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ โดยพลาดลงสนามในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายของฝรั่งเศสแค่นัดเดียว ซึ่งผมต้องบอกเลยว่าเขาทำให้ผมประหลาดใจด้วยระเบียบวินัยและความขยันของเขา”

“อยู่ดี ๆ เขาก็ไม่ได้เล่นเพื่อ ปอล ป็อกบา แต่เขากลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการเล่นของทีม มันมีจังหวะที่เราได้เห็นเขาวิ่งไล่บอลกลับไปด้วยความเข้มข้นเหมือนกับที่เขาแสดงออกมาเวลาเติมเกมไปข้างหน้า การยิงประตูที่ 3 ให้ฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศใส่โครเอเชีย คือการการันตีถ้วยแชมป์โลกให้กับทีม”

“ผมยังแอบเซอไพรส์ตอนที่เขามีข่าวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในช่วงซัมเมอร์เดียวกันนั้น ตอนนั้นผมบอกว่า ผมรู้สึกว่า ป็อกบา อาจมีพรสวรรค์ทางธรรมชาติมากกว่า แบร์นาร์โด้ ซิลวา หรือเควิน เดอ บรอยน์ด้วยซ้ำ”

“แต่นักเตะคนไหนที่คุณหวังพึ่งพาให้ทำตามคำสั่งของผู้จัดการทีมเป็นเวลา 90 นาทีเต็ม? นี่คือคำถามเชิงโวหารนะ นั่นคือจุดที่ละครเศร้าเรื่องนี้อยู่ติดตัวนักเตะมาเสมอ”

“เราไม่เคยได้พบกันในช่วงปีที่ผมทำงานเป็นนักวิเคราะห์ในเกมใหญ่ ๆ ที่เขาลงเล่นให้ทั้งยูเวนตุสและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าอยากจะเจอกับผม ซึ่งผมก็บอกว่าผมนี่แฮปปี้มาก ๆ ที่จะทำแบบนั้น แต่ว่ามันก็ไม่เคยเกิดขึ้นหรอกนะ”

“มันน่าเศร้าที่ได้รู้ว่าการทดสอบพบว่าระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระบบของเขาสูงขึ้น คือเหมือนกับว่าเขาไม่มีสภาพความเป็นนักกีฬามากพอยังงั้นละ ยาแบบนั้นจะทำให้เขามีพลังมากขึ้น มีระดับพลังงานสูงขึ้น และยังทำให้เขาเป็นคนขี้โมโหมากขึ้นเมื่ออยู่ด้วย”

“เขาอายุ 30 ปี และเราจะไม่ได้เห็นเขาในระดับสูงสุดอีกแล้ว ถือเป็นจุดจบที่น่าเศร้าสำหรับใครสักคนที่กุมโลกทั้งใบไว้ที่เท้า และอาจถูกพูดถึงไปอีก 20, 30 หรือ 40 ปีต่อจากนี้”

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด