บอล 10 ตัวรอแพ้ “หนูน” เปิดการ์ดทองถูกเวลา
จริงๆแล้วผมตั้งธีมคอลัมน์คู่ นิวคาสเซิ่ล กับ ลิเวอร์พูล เอาไว้แบบเบาๆตั้งแต่เกมยังไม่จบเพราะบอล 10 ตัวและลงเอยด้วยความพ่ายแพ้การเขียนด่ามัน tocix ทั้งกับตัวเองและคนอ่าน
แต่นี่มาไกลถึงขั้นพลิกชนะปรับอารมณ์กันไม่ทันทั้งๆที่แฟน “หงส์” ขอแค่เสมอพรุ่งนี้ก็ไปทำงานแบบไม่อายใครแล้ว
ครับปฏิบัติการที่ไม่มีใครคาดคิดจาก 2 ประตูของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ลงสนามนาที 77 ใช้เวลา 4 นาทียิงลูก 1-1 และนาที 90+3 เป็นประตูชัยเป็นโมเมนท์บ้านแตกของเดอะ ค็อป ทุกคนทั่วโลก
หากเรามองกันในอีกมุมนึงการเหลือ 10 ตัวทำให้ทีมเยือนไม่มีทางเลือกต้องเล่นแบบเจียมเนื้อเจียมตัวอาจเป็นข้อดีที่ทำให้เกมรับดูแน่นขึ้น
เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนมองแบบเดียวกันว่าจะโดนเม็ด 2 เมื่อไหร่มากกว่าจะมีโอกาสยิงคืนตอนไหน
เกมรับเป็นงานหลักและรุกเป็นงานรอง บวกกับโชคดีที่ในระหว่างที่ “สาลิกา” กำลังนวดอย่างสนุกสนานทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลังประตูยังค้างอยู่ที่ 1-0
ต้องขอบคุณลูกเซฟ “ระดับโลก” ในครึ่งแรกของ อลิสซอน ที่ผมยกให้เป็นน้องๆการเซฟลูกโหม่ง เปเล่ ของ กอร์ดอน แบงส์ ในฟุตบอลโลก 1970
โจ โกเมซ ตัวสำรองที่แฟนๆไม่เคยไว้ใจวันนี้ทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติโดยเฉพาะการถูไถเบียดแย่งโหม่งกับ คัลลั่ม วิลสัน ซะอยู่หมัด
แม้กระทั่ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ผมเห็นตอนจะลงสนามก็คิดว่าเรียบร้อยเหลือ 9 ตัวแต่กลับเป็นคนที่ “ดักบอล” ของ บรูโน่ กีมาเรส กลางสนามจนนำมาสู่ประตูชัย
สำหรับประตู 1-1 มีการวิเคราะห์จากฝรั่งครับ เขาขึ้นกราฟฟิคให้เห็นชัดเจนว่าก่อนที่ TAA จะเปิดบอลจากแดนหลัง โม ซาลาห์ รีบชี้ว่าไม่ต้องเปิดโด่งขึ้นหน้าแต่ให้จ่ายเลียดมาที่กลางสนาม
เป็นการสื่อสารที่มาได้ถูกเวลามากกว่าจะวิ่งควายเสียโอกาสไปเปล่าๆ เป็นเพลย์ที่ฉลาดของทั้งคู่
ทำให้ตัวประกบตามไม่ทันและนำมาสู่การเคาะบอลให้ โชต้า และไปเข้าตีน นูนเญซ แบบมีโชคนิดหน่อย (บอลไต่ขา บอตแมน)
ผมไม่รู้ว่านี่คือความซวยของชาว “สาลิกา” หรือเปล่านะเพราะปกติ นูนเญซ ยิงบอลมุมแบบนี้มักจะแป๊กปลิ้นออกเสาไกลแทบจะทุกครั้งเลยด้วยมั๊งแต่นี่คมกริบราวกับเพิ่งได้บังลงดอร์มาเมื่อวาน
เครดิตชัยชนะครั้งนี้มอบให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่กล้าเปลี่ยนลูกรักอย่าง กัคโป ที่สไตล์พักบอลล้วงต่ำแต่ “หนูน” นี่วิ่งหาช่องเก่ง ทำให้ทั้ง โม และ โชต้า ไม่ต้องเก็บบอลนาน เห็นเป็นแทง เกมเปลี่ยนดีขึ้นชัดเจน
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ มีโจทย์ใหญ่ๆให้ขบคิดคือจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ได้เห็นจากเกมนี้
1. จะให้โอกาส นูนเญซ เป็นตัวจริงได้หรือยัง?
ในระหว่างที่เขียนถึงบรรทัดนี้ JK โผล่ขึ้นมาหน้าจอให้สัมภาษณ์พอดีและคำถามก็อันเดียวกับที่ผมจั่วข้อ 1 ไว้
ผมพอจับใจความได้นิดหน่อย (ฟังอังกฤษไม่ค่อยเก่ง) คือบอสบอกว่ามีคนถามเขาถึงเรื่องนี้เยอะมากกก (ทำเสียงสูง) แต่ขอ “เวลา” ในการคลำระบบการเล่นอีกหน่อย ต้องให้ผู้เล่นจับจังหวะอีกพักใหญ่ๆและย้ำด้วยว่าอย่าลืมว่าเพิ่งเตะกันมาแค่ 3 เกมเท่านั้น
โดยส่วนตัวผมมองว่า “หนูน” เป็นรองคนอื่นๆตรงที่ยังเล่นไม่ได้ตามใบสั่งและยังมีเรื่อง language barrier ที่ป่านนี้แล้วยังต้องให้ อลิสซอน คอยเป็นล่ามให้ในระหว่างสัมภาษณ์ก่อนมอบ MOM ให้หลังจบเกม
ซึ่ง คล็อปป์ ดันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับ details ในสนามซึ่งการสื่อสารสำคัญ เวลาต้อง “เคาะ” line up ก็มักจะเลือกคนที่คุยและสั่งงานได้ตรงๆมากกว่า
อีกจุดอ่อนที่ผมอยากให้ นูนเญซ ซ้อมเยอะๆหน่อยคือ first touch ที่ยังดูกระเด้งกระดอน บอลจังหวะแรกสำคัญมากเหมือนที่ผมพูดถึง โบเว่น ของ เวสต์แฮม เมื่อวานนี้ที่มันสำคัญถึงขนาดผลิตประตูได้ถึง 2 ลูกเลยนะนั่น
2. คล็อปป์ จะทำอย่างไรกับ TAA เพราะความผิดพลาดเกิดขึ้น 2 เกมติดมันไม่ปกติแล้ว ซึ่งเราสรุปได้ว่า เทรนต์ “ขี้ตกใจ” เมื่อถูกฝั่งตรงข้ามเพรสไว
เอาจริงๆผมสงสารน้องมันนะ พี่แต่ละคนจ่ายให้ 2 เกมยัดใส่ทั้งๆที่มีฝั่งตรงข้ามอยู่ใกล้ๆซึ่ง ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนาน สโต๊ค และ แมนฯยูฯ วิเคราะห์ช่วงพักครึ่งว่า โม จ่ายยัดเข้าเท้าซ้ายทำให้ TAA “เน็ตค้าง” ต้องพยายามคอนโทรลแบบฝืนๆก่อนรั่วตีน
อันนี้ส่วนตัวผมนะถ้าจังหวะนี้ TAA ถ่างออกมาด้านข้าง กอร์ดอน จะตามมาประกบและ มาติ๊ป จะรับบอลจาก ซาลาห์ ได้แบบสบายๆ
การหุบ เทรนต์ เข้าไปมันเกะกะครับ space มันใกล้กันเวลาผู้เล่นฝั่งตรงข้ามไล่พื้นที่มันแคบถึงตัวไว
และเราก็ต้องไม่ลืมว่า VvD ก็วางบอลยาวได้ มี TAA ในระยะหน้าปากประตูตัวเองมันไม่ได้เสกความมหัศจรรย์อะไรขนาดนั้น
ถ้า JK ยัง “หลงใหล” การให้ เทรนต์ เป็นคนตั้งบอลเพื่อแลกกับวิชั่นการจ่ายควรเป็นตอนที่คู่แข่งคุมโซนแน่นๆและต้องการตัว extra ตรงกลางสนามมากกว่า ผมเชื่อว่า “รองกัปตัน” จะเล่นเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด
มาถึงตรงนี้เหมือนปัญหาของ ลิเวอร์พูล ยังไม่จบสิ้นแต่หากเรามองถึงคู่แข่งที่ 2 ใน 3 เป็น เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล และจบลงด้วยการได้มา 4 แต้ม ผมว่าเกินคาดด้วยซ้ำ
กับ “สาลิกา” นี่คือแต้มที่ใหญ่โคตรๆเทียบเท่าบุกไปชนะ แมนฯซิตี้ ก็ว่าได้เพราะคุณเห็นกันชัดๆว่า เอ็ดดี้ ฮาว, นักเตะและทูนอาร์มี่อยากล้างแค้นและก้าวข้ามผ่านทีมอย่าง ลิเวอร์พูล มากแค่ไหน
ปมใหญ่ที่ คล็อปป์ ต้องคอยแก้ต่อไปคือการติดโทษแบนของ VvD ในเกมหนักนัดต่อไปกับ แอสตัน วิลล่า ที่บอกได้เลยว่าน่ากลัวมาก กลางเก็บบอลเป็นขนมกรุบแถมเอาตัวรอดเก่ง (แมคกิน, ดิยาบี้) ก่อนเอาชนะ เบิร์นลีย์ เฟี้ยวเงาะ 3-1
ครับเชื่อได้เลยว่ารถไฟเหาะสีแดงขบวนนี้จะพาเราซิ่งแหกโค้งอีกนับไม่ถ้วนแต่ตอนนี้ขอตัวไปนั่งดูไฮท์ไลท์เก็บบรรยากาศที่ เซนต์เจมส์ พาร์ค อีกซัก 4-5 รอบก่อนเข้านอนนะครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
ลิเวอร์พูล ยังสร้างสถิติไร้พ่ายเมื่อเจอ นิวคาสเซิ่ล เป็นเกมที่ 14 ติดต่อกันแล้ว
นอกจากนี้ “หงส์แดง” ไม่เคยแพ้ใคร 7 เกมหลังสุดในยามที่ถูกใบแดง
เยอร์เก้น คล็อปป์ ชนะ เอ็ดดี้ ฮาว ในพรีเมียร์ลีก 11 เกมติด นับเป็นตัวเลขเข้าเบรกยาวนานที่สุดที่ผู้จัดการทีมทำได้กับคู่แข่ง (ไม่ว่าใคร)
ประตูในนาที 90 ของ ดาร์วิน นูนเญซ เป็นลูกที่ 42 ที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ในช่วงเวลานี้ มากกว่าทีมไหนๆในประวัติศาร์พรีเมียร์
ลิเวอร์พูล ถูกใบแดง 2 เกมติดเป็นหนแรกนับตั้งแต่ มีนาคม/เมษายน 2015 ในเกมพบ แมนฯยูฯ และ อาร์เซนอล โดยก่อนหน้านี้ตลอด 139 เกมในลีกพวกเขาถูกใบแดงไปแค่ 2 ใบเท่านั้น
ที่มา: soccersuck