ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องเร่งซื้อมิดฟิลด์แน่ แต่มิดฟิลด์แบบไหน ใช่เบลลิงแฮมหรือ?
#SSxKMD | ลิเวอร์พูลชนะวิลลา 3-1, ชนะเลสเตอร์ 2-1 แล้วมาแพ้เบรนท์ฟอร์ด 1-3 เรียกว่าอยู่ในฟอร์มไม่สม่ำเสมอหรือสามวันดีสี่วันไข้ ซึ่งเป็นสถานการณ์น่าหนักใจกระอักกระอ่วนใจสำหรับทีมต้นตารางในกลุ่มลุ้นท็อป-4 บางทีฟอร์มตกไปเลยอาจพบจุดที่แก้ไขปรับปรุงง่ายกว่าด้วยซ้ำ
ช่วง 1-2 เดือนแรกของซีซัน มีการพูดถึงอย่างหนักเรื่องที่ลิเวอร์พูลต้องเร่งซื้อมิดฟิลด์เข้ามาเสริมทีมในตลาดฤดูหนาว แต่กลับกลายเป็น โคดี กัคโป แนวรุกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เซ็นสัญญาย้ายเข้าถิ่นแอนฟิลด์เป็นรายแรก เพื่อทดแทนดีโอโก โชตา และลุยซ์ ดิอาซ ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนดาร์วิน นูนเญซ ก็มีปัญหาใช้โอกาสเปลือง ขณะที่ข่าวกับจูด เบลลิงแฮม เริ่มซาๆไปเพราะนักข่าวเริ่มหมดมุกหาประเด็นใหม่ๆมาเล่น แถมกระแสย้ายทีมเริ่มเอนเอียงเข้าหาเรอัล มาดริด ที่พร้อมทุ่มเงินในตลาดซัมเมอร์กลางปี อย่างไรก็ดี บรรดาเดอะค็อปยังหวังจะได้เห็นภาพชูเสื้อของมิดฟิลด์ตัวใหม่ก่อนสิ้นเดือนมกราคม
หลังจากขุมกำลังแดนกลางของลิเวอร์พูลถูกหยิบขึ้นมาถกอย่างแพร่หลายนานหลายเดือน ก็มีเริ่มมีการตกผลึกความคิดว่า สไตล์การเล่นของเบลลิงแฮมอาจไม่ช่วยให้ทีมฟื้นฟูกลับมาแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว แถมสนนราคาอาจสูงเกินกว่าที่กลุ่มเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป จะอนุมัติปล่อยเงินออกมาง่ายๆในสภาพการขายหุ้นสโมสรยังคลุมเคลือ
ตลอดสี่ปีครึ่งที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลลงทุนซื้อผู้เล่นกองกลางเข้ามาใหม่แค่คนเดียวที่ฝีเท้าอยู่ในระดับติดทีมชุดใหญ่ทันทีคือ ติอาโก อัลคันตารา จากบาเยิร์น มิวนิก ในเดือนกันยายน 2020 โดยเจมี คาราเกอร์ อดีตกองหลังวัย 44 ปี ซึ่งเล่นให้ลิเวอร์พูลระหว่างปี 1996–2013 แสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์สกายสปอร์ตส์ว่า
“ติอาโกไม่ใช่ปัญหาเลยหากมิดฟิลด์อีกสองคนมีพละกำลังพอที่จะหยุดเคาน์เตอร์-แอทแท็คของฝ่ายตรงข้ามได้ ผู้คนพูดถึงแต่จูด เบลลิงแฮม แต่ลิเวอร์พูลไม่ได้มีปัญหาการขับเคลื่อนเกมไปข้างหน้า พวกเขาต้องการผู้เล่นที่สามารถหยุดการทะลวงผ่านแดนกลางเข้ามาของคู่แข่งมากกว่า”
“ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และฟาบิโอ คาร์วัลโญ เป็นนักเตะเทคนิคยอดเยี่ยมแต่ทั้งคู่ไม่ใช่นักเตะในแบบเยอร์เกน คล็อปป์ ฟาบินโญก็อายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ไม่มีพลังเหมือนเดิม เจมส์ มิลเนอร์ ก็เช่นเดียวกัน”
ในแมตช์ล่าสุดที่จีเทค คอมมูนิตี สเตเดียม คล็อปป์วางเอลเลียต์, ฟาบินโญ และติอาโก เป็นกองกลางตัวจริงในระบบ 4-3-3 ก่อนส่งนาบี เกอิตา แทนเอลเลียตต์เมื่อเริ่มครึ่งหลัง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในซีซันนี้ ลิเวอร์พูลมักเล่นไม่ออกเมื่อแข่งขันกับทีมที่เน้นพละกำลัง เบรนท์ฟอร์ดเป็นอีกหนึ่งประจักษ์พยานที่ยืนยันมุมมองนี้
คาราเกอร์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ลิเวอร์พูลจะกลับไปขึ้นลุ้นท็อป-4 ของพรีเมียร์ลีกได้ก็ต่อเมื่อเสริมมิดฟิลด์เข้าไป ซึ่งไม่ใช่แค่คนเดียวแต่มากถึงสาม และต้องเริ่มตั้งแต่ตลาดที่กำลังเปิดอยู่ด้วย สโมสรอาจจำเป็นต้องจ่ายเงินอย่างน้อย 40-50 ล้านปอนด์ต่อคน ต้องเน้นเป็นพิเศษคือมิดฟิลด์แบบจอร์จินโย ไวจ์นัลดุม ซึ่งสามารถหยุดยั้งและปกป้องไม่ให้คู่ต่อสู้ทะลวงเข้ามาเล่นงานแบ็คโฟร์ และอย่าลืมว่า เกอิตา, อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และมิลเนอร์ กำลังจะหมดสัญญา อายุของติอาโกที่บาดเจ็บบ่อยเช่นเดียวกับเฮนเดอร์สันและฟาบินโญ
ครั้งหนึ่งลิเวอร์พูลเคยภาคภูมิใจกับประโยคที่ว่า intensity is our identity แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คู่ต่อสู้ได้ใช้ความเข้มข้นหนักหน่วงของเกมมาทำร้ายลิเวอร์พูล ซึ่งคาราเกอร์มองว่า ดูเหมือนลิเวอร์พูลจำเป็นต้องดึงเกมให้ช้าลงเพราะทันทีที่สปีดเกมถูกเร่งเร็วขึ้น นักเตะหงส์แดงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นได้อีกแล้ว
เริ่มมีทรรศนะจากกูรูหลายคนที่ไปในทิศทางเดียวกันว่า การทุ่มเงินกว่าร้อยล้านปอนด์เพื่อกระชากเบลลิงแฮมมาจากดอร์ทมุนด์เป็นการลงทุนที่อาจไม่คุ้มค่า มีความพยายามโน้มน้าวแฟนบอลให้นึกถึงลิเวอร์พูลในยุคที่มีนักเตะแบบ workhorse สามคนอยู่ในแดนกลางที่วิ่งกดดันเล่นงานฝ่ายตรงข้าม นี่อาจเป็นสไตล์ของมิดฟิลด์ที่ลิเวอร์พูลต้องการจริงๆ
เรียบเรียง: KMD Content Team
ภาพ: This is Anfiled England
ที่มา: soccersuck