‘หงส์’ แผนใหม่+รับรั่ว ชนะ 4 นัดติดก็ “โอ” นะ

ดราม่าทดเจ็บที่ แอนฟิลด์ เป็นเหตุผลว่าทำไม ลิเวอร์พูล จึงเป็นทีมที่ขายคอนเทนท์ดีที่สุดในลำดับต้นๆของโลกโซเชี่ยล

กลบกระแสการขึ้นจ่าฝูงของ แมนฯซิตี้ ที่เตะน้อยกว่า 1 นัดและกำลังจะเข้าเบรกม้วนเดียวจบ

รวมถึงการแบกสังขารสภาพร่างกายที่กรอบเป็นข้าวเกรียบของ แมนฯยูฯ จนครึ่งหลังเจียนอยู่เจียนไปก่อนเข้าวินเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ทีมมาแรงจัดที่ชนะถึง 8 จาก 10 นัดหลังสุด

ครับ 3-0 ใน 15 นาที เชื่อว่าทุกๆคนมองไปถึงวันที่ นิวคาสเซิ่ล ไล่กระซวก สเปอร์ส 6-1 กันหมดแล้ว

“หงส์แดง” แสดงตัวจัดเต็มกะขยี้ให้ตายทั้ง assist 5 เกมติดของ TAA, ประตูแรกของ ดิอาซ หลังหายหน้าหายตาไปตั้งแต่เดือนตุลาคมหรือ 6 เดือนที่แล้วและจุดโทษ “โล่งอก” ของ ซาลาห์ หลังพลาด 2 หนติดต่อกัน

นักเตะ สเปอร์ส แสดงสีหน้าถอดใจอย่างชัดเจน คือภาพเก่าครึ่งโหลกำลังถูกรีรัน แฟน “หงส์” ทางบ้านบางคนลุกชิวจัดเดินไปปลอกมะม่วงเขียวเสวยเคี้ยวเล่นกันแล้ว

แม้กระทั่งแฟน “คลับไก่” ที่อัฒจันทร์ฝั่ง แอนฟิลด์ โร้ด รู้ชะตากรรมทีมรักไม่คิดดูใจบางส่วนเดินกลับบ้านตั้งแต่หัววัน!!

เห็นได้ชัดว่า 3 เกมหลังสุดช่วงต้นเกมทีมเยือนขาดสมาธิ ถูกคู่แข่งที่เปิดเกมบุกใส่ก่อนยิงเร็วทุกทีม

โดน “สาลิกา” จัดตั้งแต่นาทีที่ 2,​ แมนฯยูฯ นาทีที่ 7 และ ลิเวอร์พูล นาทีที่ 3

เกมกับ “ปีศาจแดง” พอเข้าใจได้มีเสียงเชียร์กระตุ้นในบ้านแต่ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ต้านไม่อยู่จริงๆ

ตรงกันข้ามกับ “หงส์แดง” พอนำ 3-0 กลับกลายเป็นเชื้อเชิญให้ความหวัง สเปอร์ส ที่ละสเต็ป เริ่มจากทั้งทีมเริ่มออกลูกเนือยและแนวรับทยอยพลาดกันอย่างต่อเนื่อง

คู่แข่งเห็นแผลพวกนี้ก็เริ่มมีลูกฮึดขึ้นมาทันที ไม่ว่า โรเบิร์ตสัน จับบอลลั่นถูก แฮร์รี่ เคน ฉก โชคดีลูกยิงของ ซอน ไม่เป็นประตู เป็นสัญญาเตือนแรก

จากนั้นภาพ VvD กระดูกหลังขาดทุกท่อนจากการเข้าพรวดและเตรียมเป็น “มีม” ถูกล้อแน่ๆและนำมาสู่การเสียประตูตีไข่แตก 3-1

โรเบิร์ตสัน พลาดคำรบที่ 2 ออกบอลช้าถูก คูลูเซฟสกี้ ฉกไปล่อเป้าติดเซฟ อลิสซอน

ทั้งหมดทั้งมวลมาจากความสะเพร่าเผลอเรอ ค่อยๆปล่อยให้คู่มีกำลังใจไม่ได้เล่นด้วยความหวั่นวิตกเหมือนช่วง 15-20 นาทีแรก

การยืนต่ำที่สุดในไลน์ของ “สายควัน” (ทั้งๆที่ตัวเองเป็นตัวไกล) ตอกย้ำว่าเกมนี้เจ้าตัวเน่าจัดจริงๆ

สกอร์ 3-2 ที่หลายคนแอบคิดเกิดขึ้นจริงก่อนที่ “ท่านรอง” ลงมาทำฟาว์ลโง่ๆเสียฟรีคิก 3-3

ความชอกช้ำจากการถูกตีเสมอถูก x2 เข้าไปอีกเมื่อคนยิงดันเป็น ริชาร์ลิซอน ตัวแสบแข้งเก่า เอฟเวอร์ตัน ที่ทั้งฤดูกาลเพิ่งมายิงนี่แหละ

“หงส์แดง” โชคดีเหลือเชื่อครับที่ มูร่า เลือกช็อตเพลย์เซฟ back pass กลายเป็นบอลย้อนตัดหลังแทงให้ โชต้า ซึ่งผมมั่นใจว่าถ้าเป็นคนอื่นในทีมไม่มีใครยิงเท้าซ้ายมุมแคบได้ดีเท่าหอกโปรตุกีสอีกแล้ว

หลายๆคนมองอาจมองหาแง่มุมเนกาทีฟจากเกมนี้แต่สิ่งดีๆคือความผิดพลาดเล็กน้อยๆที่โดนยิงถึง 3 ลูกแต่ยังกลับมาชนะที่แม้คู่ต่อสู้จะมอบโชคให้ก็ตาม

แต่ประเด็นคือระบบเกมรุกที่ใช้หลัง 3 (VvD, อิบู, สายควัน) เพื่อดัน TAA ขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 6 มีช่องโหว่ที่เกมนี้เห็นชัดเจน

โรเบิร์ตสัน มีช็อตเล่นเสี่ยงและยังดู awkward ตามธรรมชาติฟูลแบ็ค

และในระบบ 3-4-3 ต้องมีตัวที่เด็ดขาดและไวอย่าง โกนาเต้ ที่วันนี้เป็นอีกเกมที่ได้รับคำชมจากการตามเก็บตำแหน่งแบ็คของ เทรนต์ ได้อย่างหมดจด

มีคำถามจากทางบ้านว่าเอ๊ะ ทำไมไม่หาคนเล่นแบ็คขวา (ในที่นี้คือ โกเมซ) และดัน เทรนต์ ไปยืนกลางไม่ต้องห่วงเกมรับ

มาเดือดร้อนให้ อิบู มาคอย cover แบ็คซึ่งเป็นเหตุทำให้ต้องเสี่ยงทิ้งตำแหน่งตัวเอง

คำตอบคือถ้าเล่นระบบนั้นก็จะเป็น 4-3-3 normal ซึ่งจำนวนผู้เล่นในแดนกลางแค่ 3 คน ที่ “หงส์” แสดงให้เห็นมาตลอดทั้งฤดูกาลแล้วว่าสภาพขุมกำลังเป็นรองชาวบ้านแค่ไหน

กล่าวคือระบบ 3-4-3 ตอนเซ็ตเกมรุกจะเหมือนมีตัวพิเศษเพิ่มขึ้นแต่ก็ต้องแลกมาด้วยความแน่นอนของกองหลัง 3 ตัวซึ่งวันนี้ โรเบิร์ตสัน และ VvD ยังติดล่กให้เห็นอยู่เรื่อยๆ

แผนใหม่ที่ลองมาร่วมเดือนของ JK นอกจากต้องการเวลาให้นักเตะเข้าใจเต็ม 100 แล้วจำเป็นต้องมีผู้เล่นที่ตอบโจทย์และรักษามาตรฐานหาไม่แล้วปัญหานึงได้รับการแก้ไขแต่จะงอกใหม่ที่จุดอื่นแทน

ซึ่งผมมองว่าหากได้กองหลังตัวใหม่ที่จะมาแน่ๆแล้ว 1 ยังมีแดนกลางอีกอย่างน้อย 2 รวมถึงปรีซีซั่นนี้เต็มๆซักเดือนแผนนี้น่าจะเขี้ยวขึ้นกว่านี้ชัดเจนแน่นอน

ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่การนำคู่แข่งขาด 3 ลูกแบบนี้ต้องปิดเกมสถานเดียวและไม่ควรเกิดเหตุการณ์อะไรเช่นนี้อีก

ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าซีซั่นนี้ “หงส์แดง” มีขีดจำกัดในการจัดตัวผู้เล่นแค่ไหนกับแดนกลางและแนวรับจนครั้งนึงมีคุยถึงประเด็นที่ว่ามิดฟิลด์อ่อนที่สุดในบรรดา 20 ทีมในลีก

หากมองย้อนกลับไปจนถึงวันนี้การยกระดับฟอร์ม+การแก้ปัญหาของทีมงานในระบบหลัง 3 และ TAA จุติในตำแหน่งใหม่นับตั้งแต่เสมอกับ อาร์เซนอล 2-2 เมื่อวันที่ 9 เมษายนเป็นอะไรที่ “เซอร์ไพรซ์” และ “ว้าว” สุดๆ

ถึงแม้ 5 นัดหลังสุดไม่มีคลีนชีตเลยแถมโดนยิงถึง 10 ประตูแต่ก็แลกมากับเกมรุก 17 ประตู ได้อย่างเสียอย่างซึ่งก็ดีกว่าช่วงที่ยิงได้ลูกเดียวจาก 4 นัดนับตั้งแต่ชนะ แมนฯยูฯ 7-0

เปรียบเหมือนเราได้โบนัสไปกินชาบูซักมื้อสองมื้อทั้งๆที่บริษัทแจ้งขาดทุนล่วงหน้าหลายเดือน

ดังนั้นการเก็บชัย 4 เกมติดในสภาพทีมแบบนี้สำหรับผมไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ประตูของ ดิโอโก้ โชต้า เป็นหนที่ 6 ภายใต้การทำทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แล้วที่ “ตัวสำรอง” ลงยิงประตูนาที 90 ในพรีเมียร์ลีกมากกว่าทีมอื่นๆในประวัติศาสตร์รายการนี้ (เทียบเท่า โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ 6 ประตูเท่ากัน)

ประตูตีเสมอ 3-3 ของ ริชาร์ลิซอน กับประตูชัย 4-3 ของ โชต้า ห่างกันเพียงแค่ 99 วินาทีเท่านั้น

โม ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 184 ประตูจากการลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล 300 นัดแซงหน้า ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (183 ประตู 369 นัด) ขึ้นไปอยู่ที่ 6 ในตารางดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรเรียบร้อยแล้ว

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แอสซิต 5 เกมติดต่อกันเป็นหนที่ 2 ในอาชีพค้าแข้ง (ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2019) และกลายเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ที่ทำได้ 2 หน

สเปอร์ส เสียถึง 13 ประตูใน 15 นาทีแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้โดยมีเพียง 3 ทีมเท่านั้นที่โดนยิงเยอะกว่าพวกเขาในช่วงเวลา “นาทีทอง” ที่ว่านี้คือ วูลฟ์ ฤดูกาล 2011-12 (16 ลูก), อิปสวิช 94-95 (15 ลูก) และ เชฟฯยูฯ 93-94 (14 ลูก)

แมนฯซิตี้ (ชนะ 14 ทำได้ 43 แต้ม) เป็นเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่ชนะเกมในบ้านมากกว่าและโกยแต้มในบ้านมากกว่า แมนฯยูฯ (ชนะ 12 ทำได้ 39 แต้ม) ในฤดูกาลนี้

แมนฯซิตี้ ชนะในลีกมา 8 เกมติดต่อกันซึ่งนับเป็นชัยชนะต่อเนื่องที่สุดเหนือทุกทีมในฤดูกาล 2022-23 และแซงหน้า อาร์เซนอล เจ้าของสถิติเก่าที่เคยชนะไว้ 7 เกมรวดระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงให้ แมนฯซิตี้ ในฤดูกาล 2022-23 ไปแล้ว 50 ประตู มากกว่านักเตะคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีกถึง 21 ลูกแถมมากกว่าอีก 7 ทีมในพรีเมียร์ลีกที่ทำได้ในทุกรายการอีกด้วย

นับเฉพาะนักเตะที่ลงตัวจริง 10 เกม+ ในฤดูกาลนี้มีเพียง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ (67%) เท่านั้นที่มีเปอร์เซนต์ทำประตูสูงกว่า จูเลียน อัลวาเรซ (61% 11 ประตูจาก 18 เกม)

นิวคาสเซิ่ล กวาด 65 แต้มจาก 33 เกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มีเพียงปี 1995-96 (67 แต้ม) เท่านั้นที่พวกเขาทำได้มากกว่าในจำนวนเกมที่เท่ากัน

ตลอดเดือนเมษายน คัลลัม วิลสัน ยิงถึง 8 ประตู ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะ “สาลิกา” ที่ยิงมากที่สุดใน 1 เดือนปฏิทินแซง อลัน เชียร์เรอร์ ที่เคยทำไว้ 7 ลูกในเดือนกันยายน 1999

ลีดส์ ยูไนเต็ด เสีย 20 ประตูในเดือนเมษายนทาบสถิติโดนยิงใน 1 เดือนในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกโดยเจ้าของแชมป์เดิมไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือพวกเขาเองที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: