ไม่ยิงประตู พับสนามไปก็เท่านั้น
วันนี้ผมไปงานแข่งบอลและถูกถามเยอะมากเหลือเกินว่า ลิเวอร์พูล ยิงกี่ลูกดี ผมบอกทุกคนเหมือนกันหมดคือมันไม่ซ้ำรอยอะไรง่ายๆขนาดนั้นหรอก
หากใครก็ตามที่เคยบุกมาแพ้ที่นี่ 7-0 และยังมีนักเตะเจ็บแบนร่วม 10 กว่าคน
แน่นอนครับเป็นใครก็ต้องระวังตัวเล่นรับไว้ก่อน เรื่องเสียหน้าไว้ทีหลัง มันมีเหตุผลที่ฟังได้ไม่น่าเกลียด
หรือจะมองในอีกมุมนึงไม่เคยมีครั้งไหนที่ก่อนแข่ง “แดงเดือด” ทั้งฟอร์มและรายชื่อผู้เล่นห่างชั้นกันขนาดนี้มาก่อน
แม้ในใจผมคิดๆว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีเบียด 1-2 ลูกแต่ในความเป็นจริงสถานการณ์อะไรแบบนี้มันไม่ง่ายเหมือนกระแสของแฟนบอลที่ยิงๆกันมาก่อนเกมร่วมอาทิตย์
ข้อเสียของการเป็นต่อฝั่งตรงข้ามมากเกินไปก็คือเมื่อสกอร์แรกไม่มาซักทีคุณเป็นจะเป็นผู้แบกรับความกดดันและสูญเสียความเป็นตัวเองไปทันที
เท่ากับว่าวันนี้ ลิเวอร์พูล ไม่ต่างจากการต้องมาเจอรูปแบบการเล่นแท็คติกส์ที่หลายทีมมักใช้กันเมื่อต้องมาเยือนแอนฟิลด์จนไม่มีพื้นที่หน้าปากประตู
หากมองให้ดีๆ 3-4 นัดที่ผ่านมา “หงส์แดง” ไม่ได้เล่นเฉียบขาดอะไรแต่เป็นการพลิกแซงโกงตายมาแทบทั้งนั้น
โซบอสไลซ์ คือคนแรกที่ไปก่อนใครเพื่อน เล่นเหมือนคนไม่รู้จักกัน สับขาหลอกบอลแป๊กลอดดากตัวเอง, จ่ายข้ามฟากแป๊กซะงั้นแถมเล่นบอลคร่อมจังหวะเกือบทั้งเกม
เล่นเหวอแค่ไหนสังเกตได้จากกล้องถ่ายทอดสด “ฟ้องประชาชน” ด้วยการซูมจับใบหน้าไม่ต่ำกว่า 3 หนก่อนโดนเปลี่ยนออกหลังครบ 1 ชม.
พอ ลิเวอร์พูล ต้องฝืนรีบเร่ง การขึ้นเกมจ่ายบอลกลายเป็นเล่นบอลล่กกันไปเอง ทั้งหมดทั้งมวลมาจากอาการเกร็งที่ประตูแรกไม่เกิดขึ้นซักที
ยูไนเต็ด ขาดตัวผู้เล่นร่วม 10 คน ตัวสร้างสรรค์เกมแทบไม่เหลือกลายเป็นบอลวันเวย์แต่ถามว่าตราบใดที่สกอร์ 0-0 คนเดือดร้อนคือ ลิเวอร์พูล อยู่แล้ว
ก่อนหมดครึ่งแรกสถิติสัมผัสบอลในเขตโทษของ “หงส์” สูงถึงเกือบ 20 หนในขณะที่ทีมเยือนแค่ 1 แต่ฉวยโอกาสไม่ได้เลยโดยเฉพาะ นูนเญซ เด่นมากในจังหวะล้ำหน้า!!
หลุยส์ ดิอาซ มิติบอลบอดสนิท เลี้ยงจี้และก็ตัดเข้าใน มีแค่นี้จริงๆ ดาโลท์ กับ แอนโธนีย์ ที่แฟนผีร้องยี้ดักกินนิ่มคนละทีสองที
การพาบอลไปยังพื้นที่อันตรายและแหย่ความ “เหวอ” ใส่ โอนาน่า ถือว่าน้อยมาก มีแค่จังหวะต้นเกมที่ชกบอลว่าวแล้ว ซาลาห์ ยิงไม่เข้า นอกนั้นตรงตัว/ติดบล็อกกองหลังกับส่องนกกันไปเองทั้งนั้น
นี่ถือว่าโชคดีที่เจ้าถิ่นรถผ้าป่าไม่คว่ำหลังจังหวะสวนกลับ การ์นาโช่ และ ฮอยลุนด์ ได้หลุดไปล่อเป้าแต่รอดตัวหวุดหวิด หาไม่แล้วมีคาบ้านแน่นอน
ครับต้องยอมรับว่าโอกาสมากมายถึง 34 ครั้งในเกมนี้สะท้อนแค่ตัวเลขแต่เนื้อแท้แล้วเกมรับ ลิเวอร์พูล ไม่มีประสิทธิภาพเองด้วย
“หงส์แดง” จะได้แก้ตัวและพิสูจน์ตัวเอง 2 สัปดาห์ติดกับการตัดแต้มแย่งบัลลังก์ “จ่าฝูง” กับ อาร์เซนอล ที่ได้รับผลประโยชน์จากเกมนี้ไปเต็มๆ
คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ ลิเวอร์พูล ควรต้องยกระดับมาตรฐานเพื่อแสดงตัวเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ในเกมสำคัญแบบนี้ซักที…
สถิติ สถิติ สถิติ
ลิเวอร์พูล มีโอกาสส่อง แมนฯยูฯ ถึง 34 ครั้งในเกมนี้ กลายเป็นตัวเลขมากที่สุดของสโมสรที่จบลงด้วยการเสมอ 0-0 (นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติเมื่อฤดูกาล 2003-04) ส่วนทีมที่ครองแชมป์เหนือทุกทีมคือ แมนฯยูฯ ที่เคยส่อง เบิร์นลีย์ 38 หนเมื่อปี 2016 แต่ยิงประตูไม่ได้เลย
4 จาก 8 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯยูณ ที่แอนฟิลด์จบลงด้วยผลเสมอ 0-0
อังเดร โอนาน่า จ่ายบอลสำเร็จมากที่สุดเหนือเพื่อนร่วมทีม แมนฯยูฯ ด้วยกันในเกมนี้ (30 ครั้ง) ในขณะที่เซฟ 8 ครั้งก็กลายเป็นตัวเลขมากที่สุดของบรรดาโกล์ “ปีศาจแดง” ในพรีเมียร์ลีกไปแล้วเช่นกันโดยเท่ากับ ดาบิด เด เกอา ในเกมพบ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนธันวาคม 2014
ที่มา: soccersuck