1 more to go 3 แชมป์ที่รอคอย
One more เหลืออีกก้าวเดียว หลังจบเกมเราเห็นภาพชูนิ้วของทั้งนักเตะและสต๊าฟบางคนของ แมนฯซิตี้ ในระหว่างที่กำลังฉลองแชมป์เอฟเอ คัพ
“เทรปเปิ้ล แชมป์” คือหมุดหมายและเป้าหมายที่เหล่าสาวก “Citizens” ต้องการให้เกิดขึ้นในยุคเรืองรองของ เป๊ป กวาดิโอล่า
กล่าวคือแชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นการอัดฉีดแรงจูงใจและแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ที่ทำให้ ณ บัดนี้ทางออกเดียวที่ อิสตัลบูล ไม่มีทางเป็นอื่นได้อีกแล้ว
ครับ “เรือใบ” ประกาศให้โลกรู้เสียงดังๆกับดับเบิ้ลแชมป์รายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก 152 ปีพร้อมประตูที่เร็วที่สุด 12 วินาทีของ อีกาย กุนโดกาน
ต้องขอบคุณจุดโทษที่ แจ็ค กรีลิช แฮนด์บอลทำให้ แมนฯยูฯ กลับสู่เกมและไม่ใช่เกมที่ไล่ยำอยู่ข้างเดียวเหมือนก่อนหน้านี้ที่เด็กๆของ เอริค เทน ฮาก ดูเสียขวัญกับประตูที่มาไวจนตั้งตัวไม่ทัน
ทั้ง 2 ประตูที่ “ซิตี้” ได้นั้นมาจาก class ความสุดยอดของแข้ง underrated อย่างกุนโดกาน ที่นอกจากจะสวยสดงดงามแล้วดันมาถูกจังหวะทั้งต้นครึ่งแรกและครึ่งหลังเป็น timing ที่เพอร์เฟคสุดๆ
ปกติระบบกับความเขี้ยวของผู้เล่นเป็น “แต้มต่อ” ที่เหนือชาวบ้านอยู่แล้วแต่นี่ดันมีติด “คริ” แบบภาษาเกมด้วยแล้วใครจะไปสู้ไหว
“ปีศาจแดง” งัดทั้งตำราและพลังกายเต็มที่แล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าการหยุดยั้งหรือโค่น ซิตี้ ณ เวลานี้มันต้องมีอะไรที่พิเศษจริงๆเท่านั้น
คุณดูนักเตะอย่าง จอห์น สโตน จากเซนเตอร์โบราณสมัยอยู่ เอฟเวอร์ตัน และเหมือนจะมาแค่โกยค่าเหนื่อยที่ เอติฮัด
แต่ความจีเนียสของ เป๊ป ที่มีพิมพ์เขียว formation เอามาดัดแปลงจนเกิดแผนต่างๆก่อนสร้าง monster ขึ้นมาทีละคนสองคน
การพลิกบอลอย่างใจเย็นในกรอบเขตโทษตัวเองทั้งๆที่มีนักเตะ ยูไนเต็ด พร้อมจะฉกแย่งเป็นช็อต “ด้นสด” ที่ใครเห็นต้องร้องว้าว
นักเตะเทคนิคดีๆคนอื่นทำคงเฉยๆแต่นี่ดันเป็น สโตน ที่เคยเกือบหมดอนาคตและไม่เคยฉายแววว่าจะมาเอาดีทางนี้ได้เลย
มีใครจะบ้าพอเอาเซนเตอร์ดาดๆมายืนเป็นมิดฟิลด์จนโหดสัสพัดพริกขิงคู่กับ โรดรี้ ได้อีกล่ะครับ
ผมและทุกๆคนยังเชื่อว่า เป๊ป จะไม่หยุดการ DIY แผนแปลกๆเอาไว้แค่นี้แน่ แกรู้ว่าจะต้องมีคนเจริญรอยตามและหาทางแก้ลำทุกๆปีอยู่แล้ว
ในขณะที่ “ปีศาจแดง” จะยกระดับกลับมาได้ในซีซั่นหน้าได้อีกคงต้องอยู่ที่ เทน ฮาก ว่าจะให้ทีมเล่นไปในทิศทางไหน
ถ้ายึดการตั้งบอลจากหลังขึ้นมาหน้าอย่างเป็นระบบเพื่อให้ บรูโน่ หรือ กลางตัวใหม่ที่มีเทคนิคเอาไปทำต่อก็ต้องหาผู้รักษาประตูใหม่เช่นเดียวกับหน้าเป้าที่ตอนนี้ แฮร์รี่ เคน ตอบโจทย์ที่สุดแต่ถามว่ากล้าบ้าดีเดือดพอไหมที่จะทุบเงินท้องพระคลังเพื่อนักเตะที่กำลังอายุ 30 ในเดือนหน้านี้
ทีมอย่าง แมนฯยูฯ, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และ เชลซี รวมทั้ง นิวคาสเซิ่ล เมื่ออยู่ในยุค เป๊ป ต้องทำใจอย่างนึงคือมาตรฐานมันสูงในแบบที่ไม่เคยสูงเช่นนี้มาก่อน
การเสริมทัพถลุงเงินอย่างเดียวคงไม่พอ ในเมื่อ เป๊ป ใช้โปรแกรมอีดิทอัพ patch ทุกปี
บอลวิ่งควายในช่วงที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ หยุดยั้ง ซิตี้ (ได้แค่ปีสองปี) มันใช้ไม่ได้แล้วครับ เฟิร์มแวร์ไปไกลแล้ว
ซิตี้ กำลังสร้างประวัติศาตร์และความสำเร็จของตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆแต่สม่ำเสมอซึ่งว่ากันตามตรงต้นทุนในอดีตจากรุ่นคุณปู่คุณย่าพวกเขาเสียเปรียบ แมนฯยูฯ, อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล แบบคนละเบอร์
ถ้าใครจำกันได้ตอนที่ “เรือใบ” กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ยุคทองพวกเขาจัดแข่ง legend match แต่กลับมีนักเตะอย่าง ฌอน โกเตอร์ หรือ ริชาร์ด ดันน์
เรียกเสียงหัวเราะจากแฟนบอลที่เอามาแซวในโลกโซเชี่ยลกันสนุกปากแต่ด้วยความอดทนสร้างความสำเร็จหันมาดูตอนนี้ ซิตี้ กำลังทำให้ฝั่งตรงข้ามกำลังท้อกับความโหดที่ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงเลย
การขอแบ่ง Fan base ฐานแฟนบอลมันก็ต้องใช้เวลาพอสมควรหลังก่อนหน้านี้ทั้งคนรุ่นเก่ารุ่นกลางเป็นเด็กผีและหงส์กันค่อนประเทศหรือทั่วอังกฤษ
การชิงพื้นที่หน้าสื่อ สมัยก่อนยุคอนาล็อกเป็นนสพ.ซึ่งเด็กๆหรือวัยรุ่นเป็นช่วงอายุที่เปลี่ยนทีมชาติเชียร์ได้ตลอดเวลา
เขาก็ย่อมเลือกเชียร์ทีมที่ผ่านหูผ่านตาพาดหัวทุกวัน ทีมที่ได้แชมป์บ่อยๆชนะบ่อยๆมีผู้เล่นเก่งๆ
ยิ่งยุคโซเชี่ยลด้วยแล้วยิ่งหายห่วงเข้าถึงได้แค่ปลายนิ้วดังนั้นผมเชื่อว่า “เรือใบ” ในยุค เป๊ป จะสร้างมรดกที่จะมีค่ามหาศาลในอนาคตข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
1 more to go ขอเป็นอีกแรงใจให้ แมนฯซิตี้ เถลิงบิ๊กเอียร์ที่ไม่ใช่แค่ปลดล็อกประวัติศาสตร์สโมสรแต่คือการประกาศตัวเป็นเบอร์ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการอีกด้วยครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
ประตูภายใน 12 วินาทีของ อีกาย กุนโดกาน ถือเป็นประตูที่เร็วที่สุดในเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศโค่นแชมป์เก่าที่ยืนยงมานาน 14 ปีอย่าง หลุยส์ ซาฮา ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2009 ที่ 25 วินาที
แมนฯซิตี้ ยิงแตะ 150 ประตูในทุกรายการฤดูกาลนี้ นับเป็นหนที่ 4 ที่ทีมจากลีกสูงสุดอังกฤษยิงได้มากขนาดนี้ต่อซีซั่นโดย 3 ครั้งที่เหลือเป็น “เรือใบ” ที่ทำได้คนเดียวทั้งหมด (156 ประตูฤดูกาล 2013-14, 169 ประตูฤดูกาล 2018-19 และ 150 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้ว)
อีกาย กุนโดกาน ในวัย 32 ปีและ 222 วันกลายเป็นนักเตะอายุมากที่สุดที่ยิง 2 ประตูในเอฟเอ คัพรอบชิงนับตั้งแต่ แนท ลอฟท์เฮาส์ เคยทำไว้เมื่อปี 1958 (32 ปี 249 วัน)
เป๊ป กวาดิโอล่า เป็นกุนซือคนที่ 3 ในฟุตบอลอังกฤษที่ได้แชมป์ลีกและเอฟเอ คัพ พร้อมกันมากกว่า 1 ฤดูกาล (ก่อนหน้านี้เคยทำได้เมื่อปี 2018-19) โดย 2 คนก่อนหน้านั้นคือปรมาจารย์อย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ (1997-98 และ 2001-02) และคนแรก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (1993-94,1995-96 และ 1998-99)
แมนฯยูฯ แพ้ในรอบชิง เอฟเอ คัพ มากกว่าทีมไหนๆในประวัติศาตร์รายการนี้ (9) และในการเข้าชิง 5 ครั้งหลังสุดพวกเขาแพ้ถึง 4 เลยทีเดียว
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์รอบชิง เอฟเอ คัพ ที่กัปตันทีมทั้ง 2 ทีมยิงประตูได้
ที่มา: soccersuck