10 ตัวเกมเปลี่ยน “หงส์” โกงตายอีกแล้ว
กระเช้าไหว้สวยๆต้องส่งถึงมือ จอร์แดน อาร์ยิว แล้วล่ะครับสำหรับเกมที่ขอแค่เสมอก็เป็นพระคุณแล้วแต่นี่กลับพลิกแซงเอาชนะขึ้นนำจ่าฝูงหน้าตาเฉย
จากเกมที่แทบไม่มีที่ให้แนวรุกยืนหายใจ ขยับตัวตามเกาะติดตลอดเวลากลายเป็นได้ขึงเกมรุกหาช่องเจาะง่ายขึ้น ที่สำคัญประตูตีเสมอมาเร็วมากไม่ถึงนาที
นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ “หงส์แดง” ชนะและพลิกขึ้นนำจ่าฝูงแบบงงๆในที่สุด
เกมที่ เซลเฮิร์ต พาร์ค อาจจะเป็นฟอร์มที่ห่วยที่สุดในฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล เลยก็ว่าได้
เป็นเกมที่ลุ้นไม่ขึ้น, เชียร์ไม่ขึ้น พร้อมยอมรับความพ่ายแพ้จนกระทั่ง คริสตัล พาเลซ เหลือ 10 ตัวนั่ีนแหละครับ
แท็คติกส์ “ปู่รอย” ทำให้ “หงส์แดง” กลายเป็นทีมเมาหมัดซึ่งเราแทบไม่เคยเห็นบอลตันๆและจนแต้มอะไรขนาดนี้
เจอบอลตั้งรับ แนวรับยืนกันแออัดไปหมด 3 ตัวรุกถูกคุมแจ ขยับหนีไปทางไหนมีตัวตามตลอด
ดาร์วิน นูนเญซ ไปไม่เป็นแทบหายไปเลยโดยในเกมลักษณะนี้ทีมเวิร์คต้องมา บอลต้องเล่นจังหวะให้น้อยที่สุดและถ้าพูดถึงทีมเวิร์คไม่ต้องสืบเลยว่า หลุยส์ ดิอาซ ก็ตายเช่นกัน
เป็นเกมที่อาวุธสงครามมือครบกว่าแต่เหมือนอเมริกาบุกเวียดนาม บอลกลับเข้าทาง คริสตัล พาเลซ ที่คลิกกับการเล่นบอล direct เคลียร์โด่งวางโด่งรอเก็บจังหวะ 2 มากกว่า
รอให้ “หงส์แดง” พาบอลขึ้นมานวดแล้วรอสวนกลับ สถิติตัวเลขการผ่านบอลของเจ้าถิ่นเป็นหลักฐานชิ้นดีเพราะครึ่งแรกส่งบอลสำเร็จแค่ 53 ครั้ง น้อยที่สุดในครึ่งแรกไปเรียบร้อยแล้ว
สัญญาณเตือนการเลือกเล่นวิธีนี้มาตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วหลัง เลอมา ได้ยิงเหน่งๆติดเซฟ อลิสซอน
เคยคิดว่าลูกที่ อัลเมรอน ในเกมชนะ นิวคาสเซิ่ล คือเซฟที่เป็นไปไม่ได้แล้วลูกที่ เซลเฮิร์ตปาร์ค สุดกว่าตรงที่ระยะใกล้แทบไม่มีเวลามองบอลใดๆ สัญชาตญาณและปฏิกริยาล้วนๆ
รวมถึงลูกทดเจ็บที่เซฟบนเส้นทั้งๆที่แว่บแรกคิดว่าไม่รอดแน่ๆ (แต่จากภาพช้าผมมองว่าลูกนี้ล้ำหน้า แอนเดอร์สัน ก่อนแล้ว)
นี่คือข้อแตกต่างของการมีโกล์ระดับโลกดังที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าวเอาไว้ว่าประตูเก่งๆจะช่วยทำให้คุณได้ 15 แต้มต่อซีซั่น ไม่เกินเลยจริงๆ
วาตารุ เอนโด เป็นเป้าอีกคนที่ถูกตามแซะตามแย่งบอลอย่างไวเพื่อให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นบอลยากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง
เท่าที่ดู เอนโด มาตลอดคือแกไม่ใช่คนที่ออกบอลเร็วแต่มักเลือกจับก่อน 1 จังหวะ (แม้จะมีการเหลือบมองด้านหลังล่วงหน้าแล้ว) ซึ่งเล่นตำแหน่งนี้มันไม่ทันกิน
แต่ด้วยความสัตย์จริงการเล่นของ พาเลซ วันนี้ “ครอบงำ” นักเตะ ลิเวอร์พูล แทบทุกคนดังนั้นผมว่า เอนโด แค่เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ดันตัวเล็กเบียดบังสู้ไม่ได้แค่นั้นเอง
อีกจุดสังเกตคือ พาเลซ พยายามตัดเกม “หยุมหยิม” ทุกจุดของสนามมาเกือบตลอดทั้งเกมเพื่อให้เกมดีเลย์และได้ผลอย่างมากแต่ก็ส่งผลทำให้ อายิว โดน 2 เหลืองใน 15 นาทีสุดท้าย
แม้กระทั่งตอนตามหลังและเข้าสู่ทดเจ็บก็ยังไม่วายที่นักเตะเจ้าถิ่นยังจะดึงให้เกมหยุดเสียเวลาเข้าทาง ลิเวอร์พูล ไปอีก
คือถ้าต้นเกมหรือครึ่งแรกตัดเกมหน้าด้านๆแบบนี้ผู้ตัดสินเขาก็ให้แค่ฟาว์ลแต่อย่างที่ผมบอกมาตลอดถ้ามันมาถึงช่วง “ได้เสีย” 10-20 นาทีสุดท้าย ต่อให้ตัดเกมที่ไม่รุนแรงอะไรใบเหลืองมันมาง่ายกว่านี้อยู่แล้ว มันมีค่าเสียหายที่ต้องแลก
มีการย้อนรีเพลย์ให้ดู 2 ใบเหลืองของ อาร์ยิว ที่ใบแรกบอกได้ว่า “เสียของ” ไปยืนขวางบอลไม่ให้ ฟาน ไดคจ์ เล่นเร็วแล้วในแดน “หงส์” ด้วยนะนั่น
ครับไม่ถึงนาทีหลังตัวมากกว่า “หงส์” ได้ประตูตีเสมอทันที ส่วนนึงเป็นเพราะ พาเลซ ยังเมาๆไม่ทันแบ่งหน้าที่จัดระเบียบเกมรับตอน 10 ตัว
คือถ้าประตูนี้มาช้ากว่านี้อีกซักหน่อย “ปู่รอย” คงมีเวลาปรับหมากได้ทันเวลา น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั๊งครับที่เจ้าถิ่นคุมตัวห่างจนลูกทีม JK พาบอลไปตบจากเส้นหลังได้สบายๆ
เช่นเดียวกับประตูชัยของ “เจ้าจุก” ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ต้องบอกว่าซีซั่นนี้ฟอร์มดีแบบเงียบๆ มีส่วนกับชัยชนะหลายนัดแล้ว ที่เห็นๆก็เกมบุกชนะ นิวคาสเซิ่ล ที่ขวางสกัดจนได้โต้กลับและมานัดล่าสุด
โดยส่วนตัวผมมองว่าน้องมันกล้าเล่นกล้าพลิกและยิงมากกว่าแต่ก่อน เอาเป็นว่าจากที่พวกเราเคยมองว่าตัวเล็กไม่มีอนาคต ลองให้น้องมันอายุมากกว่านี้ เป็นซีเนียร์เต็มตัวผมว่าน่าจะมีอะไรเด็ดๆกว่านี้
ครับ เป็นอีกเกมที่ “โกงตาย” พลิกแซงจากสถานการณ์กำลังจะแพ้เป็นเกมที่ 2 จาก 3 เกมหลังสุด
เล่นห่วยก็ส่วนนึงแต่ถ้าถอดใจไม่มีลูกฮึดไม่มีความพยายามผมก็เชื่อว่าชัยชนะมันไม่ถวายมาให้คุณถึงหน้าประตูเช่นกัน
สรุปทิ้งท้ายในขณะที่ฟอร์มเหมือนไม่สุดแต่ “หงส์” เก็บ 9 แต้มเต็มกับทีมเล็กๆอย่าง ฟูแล่ม, เชฟฯยูฯ และ พาเลซ ครบถ้วนไม่ตกไม่หล่น
ถือเป็นการเตือนสติตัวเองและเพิ่มความมั่นใจเพื่อเร่งยกมาตรฐานให้สูงกว่านี้ก่อนทำศึกแดงเดือดกับ แมนฯยูฯ ในวันอาทิตย์หน้านี้ครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
ลิเวอร์พูล ยิงประตูชัยในนาที 90 หรือนานกว่านี้มากกว่าทุกๆทีมในประวัติศาตร์พรีเมียร์ลีกโดย 40% เกิดขึ้นภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ (17 จาก 43 เกม)
43 เกม – ลิเวอร์พูล
32 เกม – อาร์เซนอล
21 เกม – สเปอร์ส
29 เกม – แมนฯยูฯ
26 เกม – เชลซี
3 ใน 4 ตัวสำรองที่ยิงประตู “ชัย” ในนาที 90 ในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นกับสโมสร ลิเวอร์พูล
โชต้า vs สเปอร์ส เดือนเมษายน
นูเญซ vs นิวคาสเซิ่ล เดือนสิงหาคม
เอเลียตต์ vs พาเลซ วันนี้ (9 ธันวาคม)
โม ซาลาหื ยิงประตูที่ 150 ในพรีเมียร์ลีกโดยติดอันดับ 5 นักเตะที่ยิงครบ 150 ลูกเร็วที่สุด
212 เกม – อลัน เชียร์เรอร์
217 เกม – แซร์คิโอ อเกวโร่
218 เกม – แฮร์รี่ เคน
220 เกม – เธียร์รี่ อองรี
247 เกม – โม ซาลาห์
“โม” ยิงประตูที่ 200 ให้ ลิเวอร์พูลในทุกรายการโดยกลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
คริสตัล พาเลซ จ่ายบอลสำเร็จในครึ่งแรกเพียงแค่ 53 ครั้ง ถือเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดเฉพาะครึ่งแรกในพรีเมียร์ลีก (นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติหนแรก 2003-04)
ที่มา: soccersuck