3 ยักษ์ใหญ่ลาลีกา พร้อมลุยศึกยูซีแอล รอบ 8 ทีม
#SSxLaLiga | ในศตวรรษที่ 21 หรือนับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา สโมสรในลีกลูกหนังสเปน คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมกัน 10 ครั้ง จากเกมชิงชนะเลิศรายการนี้ทั้งหมด 23 ครั้ง มากที่สุดในยุโรป
และถ้านับเฉพาะ 10 ซีซั่นหลังสุด ทีมจากแดนกระทิงดุ คว้าแชมป์ได้ถึง 6 ครั้ง เป็นของเรอัล มาดริด 5 ครั้ง และบาร์เซโลน่าอีก 1 ครั้ง ขณะที่แอตเลติโก้ มาดริด เคยเข้าชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง แต่ได้เพียงรองแชมป์
กลางสัปดาห์นี้ รวมถึงกลางสัปดาห์หน้า 3 ยักษ์ใหญ่ตัวแทนของลาลีกา เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และแอตเลติโก้ มาดริด จะมีโปรแกรมสำคัญรออยู่ ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ
ราชันชุดขาว ชนเรือใบสีฟ้า 3 ซีซั่นติดต่อกัน
เรอัล มาดริด จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเก็บ 18 คะแนนเต็ม จากคู่แข่งที่แข็งแกร่งทั้งนาโปลี, บราก้า และยูนิโอน เบอร์ลิน ก่อนที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะแอร์เบ ไลป์ซิก ของเยอรมนี สกอร์รวม 2 นัด 2 – 1
อย่างไรก็ตาม ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ ต้องโคจรมาพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอดทีมจากอังกฤษ แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเป็นการดวลกับคู่แข่งหน้าเดิมเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน
รอบรองชนะเลิศ ซีซั่น 2021/22 เลกที่สอง ราชันชุดขาวเปิดซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ได้ประตูสำคัญช่วงต่อเวลาพิเศษ เอาชนะ 3 – 1 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 6 – 5 และคว้าแชมป์สมัยที่ 14 ในท้ายที่สุด
ขณะที่ซีซั่นถัดมา ทั้งคู่พบกันในรอบ 4 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง คราวนี้เป็นเรือใบสีฟ้าที่ล้างแค้นได้สำเร็จ ด้วยการเปิดบ้านถล่ม 4 – 0 หลังจากในเลกแรกที่มาดริด เสมอ 1 – 1 และได้ไปจนสุดทางกับแชมป์สมัยแรก
ความพ่ายแพ้ในบ้านครั้งล่าสุดของเรอัล มาดริด คือเกมที่แพ้บาร์เซโลน่า 0 – 1 ในศึกโกปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ เมื่อเดือนมีนาคม 2023 นับเป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว ที่ยังไม่มีทีมใดบุกมาคว้าชัยได้เลย
เจ้าบุญทุ่ม จะเผชิญหน้ากับอดีตกุนซือเก่า
บาร์เซโลน่า ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ถ้วยใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะนาโปลี ของอิตาลี สกอร์รวม 2 นัด 4 – 2 ได้ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 2020
รอบก่อนรองชนะเลิศ ทีมของชาบี้ เอร์นานเดซ จะต้องเผชิญหน้ากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส ซึ่งมีหลุยส์ เอ็นริเก้ อดีตเฮดโค้ชบาร์ซ่า ชุดคว้าเทรบเบิลแชมป์เมื่อซีซั่น 2014/15 เป็นผู้จัดการทีม
เมื่อปี 2017 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอ็นริเก้ กุนซือบาร์ซ่าในขณะนั้น บุกมาแพ้ที่ปารีสก่อนในเลกแรก 0 – 4 แต่เลกสองที่คัมป์ นู สร้างปรากฎการณ์คัมแบ็กครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยชัยชนะ 6 – 1 พลิกเข้ารอบแบบเหลือเชื่อ
แต่อีก 4 ปีต่อมา ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเช่นเดียวกัน เปแอสเช เป็นฝ่ายที่ล้างแค้นคืนบ้าง บุกมาถล่มที่สเปนก่อนในเลกแรก 4 – 1 ก่อนไปเก็บผลเสมอในฝรั่งเศส 1 – 1 ซึ่งนั่นคือหนล่าสุดที่ทั้งคู่พบกันในยูซีแอล
หากอาซุลกราน่า สามารถโค่นเปแอสเชได้สำเร็จ ก็จะเป็นการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2018/19 และขยับเข้าใกล้เป้าหมายการคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ไปอีกขั้นหนึ่ง
ตราหมี ลุ้นเข้าตัดเชือกดวลกับบาร์เซโลน่า
แอตเลติโก้ มาดริด คว้าอันดับที่ 1 ของรอบแบ่งกลุ่มแบบไร้พ่าย ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับอินเตอร์ มิลาน เลกแรกบุกไปแพ้ที่อิตาลี 0 – 1 แต่เลกสองเปิดบ้านคว้าชัย 2 – 1 ก่อนเอาชนะในการดวลจุดโทษ
ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แอตเลติโก้ถูกจับสลากพบกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมแกร่งจากเยอรมนี ซึ่งหนล่าสุดที่ทั้งคู่พบกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก คือรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2018/19 ต่างฝ่ายต่างชนะในบ้านทีมละ 1 นัด
สำหรับ 8 เกมที่ผ่านมา ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ อองตวน กรีซมันน์ และอัลบาโร่ โมราต้า คือ 2 คีย์แมนสำคัญในแนวรุกของแอตฯ มาดริดอย่างแท้จริง ซึ่งทั้งคู่ยิงรวมกันได้ 11 จากทั้งหมด 19 ประตูของทีม
ทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ มีสถิติเกมในบ้านที่ยอดเยี่ยม ชนะ 19 จาก 22 นัด รวมทุกรายการ หากผ่านเข้ารอบต่อไป ก็มีโอกาสที่จะดวลกับบาร์เซโลน่า หลังเคยพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อปี 2014 และ 2016
หนล่าสุดที่มี 3 ทีมจากสเปน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1999/2000 ซึ่งในซีซั่นนี้ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และแอตเลติโก้ มาดริด ก็มีโอกาสที่จะทำแบบนั้นอีกครั้ง
ที่มา: soccersuck