Ghost goal “ค้อน” เล่นใหญ่ล้มปืน
ทุกๆปัญหาจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง คำๆนี้ยังใช้ได้เสมอจากเหตุการณ์ “Ghost goal” ที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้พลิกล็อกวินาศสันตะโรคาบ้านของ อาร์เซนอล
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!!
ในระหว่างที่ “ปืนใหญ่” กำลังสนุกกับการขึงเกมเล่นบอลครึ่งเดียวในแดน เวสต์แฮม แต่การบุกหนแรกของทีมเยือนนำมาซึ่งประตูขึ้นนำในนาทีที่ 13
ลูกนี้ต้องเช็ก VAR อยู่นานหลายนาทีเนื่องจากจังหวะที่ โบเว่น ตวัดบอลจากเส้นหลังเข้ามาก่อนที่ ซูเซ็ค จะซัด 1-0 นั้นก้ำกึ่งสุดๆที่บอลจะออกไปแล้ว
ประเด็นคือการ “ฟรีซ” ภาพที่ โบเว่น แตะบอลในเสี้ยววินาทีสุดท้ายดันอยู่ในมุมอับที่ขาขวาของพรี่เขาบังลูกบอลพอดี ออกหรือไม่ออกตอนนี้เลิ่กลั่กทั้งคนดูทางบ้านและทีมงาน VAR
หลังเล่นภาพเดินหน้าถอยหลังไปๆมาๆอยู่พักนึง ท้ายที่สุดหลักฐานไม่แน่นหนาพอว่าบอลมันออกไปหรือยังก่อนที่ห้อง VAR จะยกประโยชน์ให้ฝ่ายรุกทำประตูในที่สุด
หลังจบเกม มาร์ค แคลทเทนเบิร์ก อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์แนะนำให้มีการฝังชิพในลูกบอลเพื่อแก้ปัญหาลักษณะนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าเทคโนโลยีเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้วควรฝังชิพเพื่อกำจัด “Bug” ที่ว่านี้ให้หมดไปเลย 100%
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “ปืนใหญ่” มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรแบบนี้เนื่องจากเดือนพฤศจิกายนที่ โจ วิลล็อค เด็กเก่าครอสบอลที่ป่านนี้ยังไม่รู้ว่าออกหรือไม่ออกก่อนที่ กอร์ดอน ยิงประตูและเป็นลูกเดียวที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ชนะในเกมนี้
แต่ความเห็นผมหลังดูภาพรีเพลย์ไฮท์ไลท์ทรูวิชั่นในช่วงนาที 2.22 เป็นจังหวะที่ โบเว่น ปล่อยบอลออกมาแล้วปรากฏว่าเศษเสี้ยวของลูกฟุตบอลคาบเส้นแบบบางจ๋อย
ถ้าคำนวณด้วยตาเปล่าวัดจากเท้าซ้ายของ โบเว่น (ที่อยู่นอกเส้น) จนมาถึงเส้นสนามระยะมันน่าจะเท่าๆกับลูกบอลลูกนึงมาวางได้พอดิบพอดี
นั่นหมายความว่าถ้าดึงภาพกลับไปให้เป็นตอนเท้าโดนบอลจังหวะสุดท้ายบอลต้องเลยเส้นออกไปแล้ว ถ้าอ่านแล้วไม่เห็นภาพ (เพราะผมพิมพ์ไปก็ยังงงตัวเอง) ลองหาดูได้ที่ยูทูปครับ
ครับนั่นคือส่วนแรกของเหตุการณ์ “ปริศนา” ที่มีการตัดสินเกิดขึ้นไปแล้วและ “ปืนใหญ่” แพ้ 2 จาก 4 นัดหลังสุดเสียจ่าฝูงให้ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ
แต่ใน part ต่อมาที่ต้องกล่าวชมคือ เวสต์แฮม ได้ใช้ศักยภาพและแนวทางการเล่นที่ชัดเจนของตัวเองตักตวงผลการแข่งขันได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
1. ซื้อเกมรับและหวังพรสวรรค์ฝีเท้าของ โบเว่น, ปาเกต้า และ คูดุส เสกประตูขึ้นมา
2. รอคอยสารพัดลูกตั้งเตะจาก เจมส์ วอร์ด เพราส์ ก่อนได้ประตูจากลูกเตะมุม
ที่กล่าวมานั้น “ขุนค้อน” ยิงเข้ากรอบ 2 หนในเกมนี้และเป็นประตูทั้งหมด
ทีมของ “อีที” มีวัฏจักรวนลูปขึ้นๆลงๆตามวิถีบอลพเนจรแต่ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าเป็นช่วง “ขึ้น” โดยที่ เวสต์แฮม เข้าเบรกสวยมากชนะ 3 นัดรวดยิง 7 ลูกไม่เสียเลยแถมปราบทั้ง แมนฯยูฯ และ อาร์เซนอล โดยที่เปิดหัวชนะ วูลฟ์แฮมป์ตัน เป็นทีมแรก
ชัยชนะเกมนี้มาพร้อมหยาดเหงื่อหลัง “เดอะ แบก” อย่าง ปาเกต้า เจ็บตั้งแต่นาที 33
ต้องบอกว่าแข้งแซมบ้าผู้นี้มีส่วนสำคัญกับประตูขึ้นนำเป็นอย่างมาก จากจังหวะที่โดน เบน ไวท์ เพรสให้หันหลังเล่นซึ่งถ้าเป็นนักเตะทั่วไปผมเชื่อว่า 9 จาก 10 คนจะส่ง back pass ให้เซนเตอร์ 2 ตัวสุดท้ายแน่นอน
แต่ ปาเกต้า ม้วนบอลกลับก่อนแทงทะลุให้ เอแมร์สอน early cross ที่โค้งไปยังจุดอันตรายสะเทือนไปถึงแนวรับ “ปืนใหญ่” 2 คนแย่งกันเคลียร์ก่อนไปเข้าทาง โบเว่นและเกิดลูก “Ghost” ขึ้นในที่สุด
การเล่นกับ “ขุนค้อน” สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างแรกเลยคือคุณต้องอย่าถูกขึ้นนำครับ แท็คติกส์รับต่ำเป็นทุนเดิมจะยิ่งแออัด 2-3 ชั้นเจาะลำบากมากเข้าไปอีก
บอลยิ่งเล่นมากจังหวะพื้นที่ยิ่งบีบให้น้อยลงและหากคุณต้องพึ่งการครอสบอลวัดดวงเข้าเขตโทษก็ยิ่งเสียเปรียบ “สรีระ” แนวรับ เวสต์แฮม เข้าไปอีก
จุดเปลี่ยนลูกแรกไม่เกิดขึ้นซักทีแม้กระทั่งลูกโหม่งโล่งๆ 6 หลาของ เชซุส ที่ดันข้ามคานไปซะอย่างงั้น
ดังนั้นปริมาณที่ยิงมากถึง 30 ครั้งไม่มีคุณภาพซักลูกเป็นเหตุทำให้ “ปืนใหญ่” ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมกันไป
ถ้าไม่นับความกระจอกของผู้ตัดสิน การที่ทุกทีมชนะและแพ้กันได้ตลอดคือความมันของบอลอังกฤษที่แท้ทรู…
สถิติ สถิติ สถิติ
อาร์เซนอล สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษ เวสต์แฮม มากถึง 77 ครั้ง กลายเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีกที่สัมผัสบอลมากขนาดนี้แต่กินไข่หลังจบ 90 นาที (นับตั้งแต่ปี 2008-09)
เดวิด มอยส์ คว้าชัยชนะที่บ้าน อาร์เซนอล เป็นหนแรกในชีวิต (รวมทุกรายการ) หลังก่อนหน้านั้นพยายามมากมายถึง 23 ครั้ง (เสมอ 4 แพ้ 18)
เจมส์ วอร์ด เพราส์ เป็นหนึ่งใน 2 คนของแข้งพรีเมียร์ลีกที่แอสซิสต์ 10+ ในทุกรายการฤดูกาลนี้ ( บูกาโย่ ซาก้า แอสซิสต์ ไปแล้ว 11)
ที่มา: soccersuck