ของขวัญจาก คาเซฯ

ของขวัญจาก คาเซฯ

ถึงแม้แข้งอาร์เซนอลเล่นไม่เหมือนเป็นตัวเองแต่หลักๆแล้วบรรลุเป้าที่วางไว้คือบุกชนะ แมนฯยูฯ เพื่อการันตีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ แมนฯซิตี้ ในวันสุดท้ายของซีซั่น

มองในแง่ดีอย่างน้อยมีอะไรให้พวกเราได้ลุ้นหลังได้ 3 ทีมตกชั้นในเกมที่ 37 ไปก่อนหน้านี้แล้ว

จริงๆแล้วเราจะเห็นได้ว่าทันทีที่ “ปืนใหญ่” ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 priority คือเกมรับแทบจะทันที ส่วนเกมสวนกลับเอาพอเป็นพิธี ความมันส์ในเกมนี้เรียกว่าดิ่งลงอย่างช่วยไม่ได้

ทุกๆการคว้าบอลเข้ามือของ ราย่า ช่วงท้ายเกมมีแต่อาการ “โล่งใจ” ของผู้เล่นทีมเยือน (แฟนบอลด้วย)

ตรงกันข้ามกับ แมนฯยูฯ นอกจากจะแจกประตูเดียวของเกมให้ อาร์เซนอล แล้วต้องเปลี่ยนจากผู้รับ (ตอนยังไม่โดนนำ) เป็นผู้รุก

ซึ่งแน่นอนไม่ใช่เวย์ที่ลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก ถนัด การต้องมาวิ่งเพรสไล่จากเดิมคุมโซนทำให้กลางโบ๋

แต่ก็อย่างที่บอก “ปืนใหญ่” ไม่กล้าสวนบ้าคลั่งเพราะตราบใดที่ได้ประตูที่ต้องการมาแล้วมันไม่มีความจำเป็นต้องทิ้งหลังบ้านตัวเอง

น่าคิดนะว่าเราอาจได้เห็นเกมที่มันกว่านี้หากสกอร์ยังเสมอกันอยู่จนกระทั่งครึ่งหลังไม่ใช่โดนตั้งแต่นาที 20

ความผิดพลาดของ “ปีศาจแดง” ในประตูนี้เกิดขึ้นหลายจุดเริ่มตั้งแต่การที่ คาเซมิโร่ “จ๊อกกิ้ง” แทนที่จะวิ่งเพื่อดันไลน์หลัง โอนาน่า เตะเปิดยาวขึ้นมา

เราจะเห็นบ่อยๆเวลาเตะมุม หากมีการเคลียร์บอลขึ้นหน้าทุกๆคนในแนวรับจะวิ่งดันไลน์ให้สุงและเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามเลี้ยงไลน์อยู่ใกล้หน้าประตูมากที่สุด

ไหวพริบของ “ไค” ดีไม่แพ้กันด้วยครับ สื่อนอกมีการฟรีซภาพแล้ววงไปที่อดีตแช้ง เชลซี ที่หันมามอง คาเซมิโร่ ก่อนยกมือขอบอลจากเพื่อนทันที

คาเซมิโร่ ซึ่งรับบทกองหลังจำเป็นจะเหม่อ, ประมาทหรืออะไรก็ตามทีแต่ผลลัพท์มันทำให้ทีมแพ้จากประตูนี้

นอกจาก คาเซฯ แล้ว จอนนี่ อีแวนส์ รับผิดชอบเป็นคนต่อไป

พักครึ่งมีการวิเคราะห์กันโดยผมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงใคร (ก้มหน้าไถรูปครูดิวอยู่) ระหว่าง ไมเคิ่ล โอเว่น, ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และ เอียน ไรท์

1 ใน 3 คนนี้บอกว่า อีแวนส์ “shoud do something” หลังเอาแต่ถอยในขณะที่บอลยู่ในพื้นที่อันตราย

ท้ายที่สุดการไม่เลือกทำอะไรซักอย่างจน “ไค เชื่อมจิต” กับ ทรอสซาร์ มีเวลาคอนเนคหาจุดเข้าฮอร์ตง่ายดาย

ครับเราเคยพูดกันถึงว่าการชนะเกมที่เหลือคือสิ่งที่ อาร์เซนอล พึงจะทำได้ ๊ณ เวลานี้เพื่อยื้อ แมนฯซิตี้ ไปจนถึงนัดสุดท้าย

แม้ใจลึกๆผมเชื่อว่าแฟน “ปืนใหญ่” เองหรือแม้กระทั่ง อาร์เตต้า รวมถึงผู้เล่นไม่อยากนึกถึง “ฉากทัศน์” ที่ไม่มีการพลิกโผใดๆในวันสุดท้ายของซีซั่น

หลายคนสัมผัสกลิ่นแปลกๆตั้งแต่นักเตะและสต๊าฟโค้ชของ สเปอร์ส เดินขอบคุณแฟนบอลพร้อมลูกเมียทั้งๆที่ปกติแล้วต้องเป็นเกมในบ้านนัดสุดท้ายซึ่งนั่นก็คือกับ “เรือใบ”

เป็นภาพที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจนมีการตั้งข้อสังเกตว่า “คลับไก่” ซึ่งมีโปรแกรมตกค้างกับ ซิตี้ ในวันอังคารนี้กำลังคิดอะไรอยู่

ยอมแพ้เพื่อให้ศัตรูเบอร์ 1 ตลอดกาล “เป็นแชมป์ว่าว” เลยไม่อยากเดินขอบคุณแฟนบอลในวันที่คิดว่าตัวเองแพ้แน่ๆ

สถานการณ์คล้ายๆปีสองปีก่อนที่แฟน เอฟเวอร์ตัน บอกขอแพ้ แมนฯซิตี้ เพื่อให้ ลิเวอร์พูล ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

ด้วยความสัจจจริงพวกผู้เล่นเขาไม่รับรู้อะไรด้วยแน่ ระดับอาชีพจะมาเล่นเพื่อแพ้ย่อมเท่ากับกิน “อาจม” ตัวเองแต่อาจมาในรู้แบบกองเชียร์ที่พร้อมจะส่งเสียงซัพฝั่งตรงข้าม

ถ้าไม่คิดมากจนเกินไปอีกความเป็นไปได้ก็คือเกมกับ ซิตี้ มันกลางสัปดาห์กว่าจะคิกออฟก็ 20.00 น. บรรยากาศไม่ดีเท่าช่วงบ่ายวันเสาร์

อย่างไรก็ตามเชื่อเหลือเกินว่า “ไก่” ของบิ๊กแอนจ์ ณ เวลานี้หยุด แมนฯซิตี้ ไม่ไหวแน่นอน บอลหน้าเดียวบุกแหลกโดนขยี้เละแน่นอน

ถ้าแฟน “ปืน” อยากฝากความหวัง “ขุนค้อน” ที่เล่นสไตล์คุมโซนรับและรอสวนกลับยังพอมีโอกาสมากกว่า (แม้สุดท้ายน่าจะต้านไม่อยู่ก็ตาม)

ไม่ต้องคาดเดาหรือวิเคราะห์ให้เสียเวลาดีกว่า การต่อสู้อันยาวนาน 9 เดือนเต็มกำลังจะรู้ผลในวันอาทิตย์หน้านี้แล้วครับ

สถิติ สถิติ สถิติ

อาร์เซนอล เก็บคลีนชีตเกมเยือนเป็นนัดที่ 11 ในซีซั่นนี้ซึ่งเป็นรองแค่ เชลซี ในปี 2008-09 (12) ที่ทำได้มากที่สุดในพรีเมียร์จนกระทั่งตอนนี้

“ปืนใหญ่” ชนะเกมที่ 27 ในซีซั่นนี้ มากที่สุดเป็นสถิติของพวกเขาและมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970-71 (29 เกม)

มีเพียง โคล พัลเมอร์ (19) เท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับประตูในพรีเมียร์ลีกปี 2024 มากกว่า ไค ฮาแวรตซ์ (14 – 8 ประตู,6 แอสซิสต์) เป็นสถิติใหม่ที่ “ไค” ทำได้มากที่สุดใน ปฏิทิน (ก่อนหน้านี้ปี 2022 ทำได้ 13)

อาหมัด ดิยาโล่ ลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเป็นหนแรกนับตั้งแต่พฤษภาคม 2021ในเกมพบ วูลฟ์ (ทิ้งช่วง 2 ปีกับอีก 355 วัน) มีเพียง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ (12 ปี 118 วัน) และ จอนนี่ อีแวนส์ (8 ปี 203 วัน) และ ทิโมธีย์ โฟซู เมนซาห์ (3 ปี 56 วัน) ที่ทิ้งช่วงนานกว่าเจ้าหนูจอมเลื้อยผู้นี้

นี่เป็นความพ่ายแพ้เกมที่ 9 ในบ้านของ แมนฯยูฯ ในฤดูกาลนี้ (รวมทุกรายการ) พวกเขาไม่เคยแพ้คาบ้านในซีซั่นเดียวมากขนาดนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ (เทียบเท่าปี 1920-21, 1930-31, 1933-34, 1962-63 และ 1973-74 แพ้ 9 เท่ากัน)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: