คำทำนาย “คอนหยอง” แข้งไก่ไร้ใจใครคุมก็พัง

เชื่อได้เลยว่ามีเยอะไม่น้อยที่ไม่ใช่แฟนทั้ง นิวคาสเซิ่ล หรือ สเปอร์ส ทำธุระส่วนตัวเพิ่งเสร็จก่อนเปิดมาดูสกอร์ต่างมึนงงนึกว่าดูเวลา kick off ผิด

ส่วนผมกำลังจ้วงไก่ kfc อย่างเมามัน มือหงิกครับ จะลุกไปล้างก็ไม่กล้ากลัวพลาดอดเห็นเทศกาลวันไหล!!

เราเห็นการวลีล้อเลียน “ยิงเป็นเข้า” แต่บอกได้เลยว่าไม่มีใครเกมไหนบอลออกจากเท้าเป็นประตูเท่า “สาลิกา” ไล่ถล่ม “คลับไก่” 6-1 อีกแล้วครับ

ภายใน 9 นาที เจ้าถิ่นนำ 3-0, 19 นาที 4-0 และ 21 นาที 5-0 เช็ดเขร้

อย่าว่าแต่แฟน สเปอร์ส ช็อกตาตั้งเลยครับ พวกทูน อาร์มี่ ในสนามผมเห็นดีใจพร้อมเอามือกุมหัวแบบไม่เชื่อสายตากันเพียบ

ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น

คำตอบคือ คริสเตียน สเตลลินี่ บอสชั่วคราวเลือกตัดสินใจใช้ระบบ 4-3-3 ทั้งๆที่ปกตินักเตะ “ไก่” ชุดนี้คุ้นเคยกับระบบ 3-4-3 เคาเตอร์มากกว่า

หลังจบเกม สเตลลินี่ ยกมือยอมรับว่าเป็นความผิดเขาเองที่ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหันเนื่องจากมีนักเตะเจ็บเยอะ (แต่ก็เปลี่ยนกลับมาเล่นแผนเดิมในนาที 23)

แต่ที่เขาเองไม่เข้าใจสุดๆคือเกิดอะไรขึ้นถึงโดนยิงเยอะเข้ารัวๆแบบนั้น

Skysports วิเคราะห์ว่า สเตลลินี่ เป็นมือขวา คอนเต้ แท้ๆซึมซับและกินนอนอยู่กับระบบ 3-4-3 แต่ไม่ยอมแก้ปัญหาหน้างานด้วยการเลือกใช้ผู้เล่นวิงแบ็คแก้ขัดโดยที่ไม่ไปกระทบวิธีการเล่นของทีม

ก่อนทิ้งท้ายว่า “มือไม่ถึง” ที่มารับงานผิดที่ผิดเวลาแบบนี้

จุดยับเยินของทีมเยือนกล่าวได้ว่านอกจากเปลี่ยน formation แล้วยังจำเป็นต้องดันไลน์แนวรับสูงตามระบบด้วย

มันฝืนธรรมชาติของ สเปอร์ส ที่คุมโซนรอรับเพื่อใช้วิชั่นการเก็บบอลและแทงบอลของ แฮร์รี่ เคน ให้ปีก 2 ข้างคือ ซอน และ คูลู

ไปดันหลังสูงแต่กลางไล่บอลแบบหยองแหยงโดนแทงเป็นปลาไหลเลยสิครับ

แถมพวกแบ็ค 4 ก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน “เช็กออฟ” เหมือนพวก แมนฯซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล

ดูได้จากประตู 2-0 ไลน์กองหลังทั้ง 4 คนยืนไม่ตรงกันซักคนเดียว ต่างคนต่างยืน โดนวางยาวจากแดน นิวคาสเซิ่ล วิ่งหน้าตั้งดมก้นกันหมด

เล่นแท็คติกส์นี้ผู้รักษาประตูต้องอ่านเกมและใช้เท้าได้ซึ่ง ฮูโก้ ญอริส ไม่ใช่ Sweeper-Keeper อยู่แล้ว เอาแค่ไม่เหวอตอนเซฟแฟน “ไก่” ก็ยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วฮะ

ฮอยเบียร์ก นี่สายตัดเกมสายคุมจังหวะ มีสกิปป์ที่ฮาร์ดแมนแต่จะไปรับมืออะไรไหวกับฝูง “สาลิกา” ที่ทำอะไรกับบอลตรงกลางได้ตั้งหลายตัว

ส่วน ปาเป้ ซาร์ ไม่ต้องพูดถึงครับเป็นสารตั้งตันทำเสียบอลตรงกลางสนามก่อนโดนลูกแรกตั้งแต่นาทีที่ 1

การเป็นตัวจริงเกมนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายเอามากๆเพราะแกย้ายมา สเปอร์ส เมื่อเดือนสิงหาคม 2-21 และถูกปล่อยยืมให้ เมตซ์ จนจบ 2021-22 ก่อน debut เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2023 นี้เอง

สรุปแล้วชั่วโมงบินในพรีเมียร์ลีกของมิดฟิลด์ เซเนกัล วัย 20 ปีก่อนเกมที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค มีเพียงแค่ 119 นาทีเท่านั้น

แบ่งเป็นตัวจริง 1 เกม, สำรอง 7 และมีชื่อสำรองไม่ได้ใช้อีก 11

เกมนี้เขาถูกเปลี่ยนออกตั้งแต่นาที 23 ในขณะที่สกอร์ไปไกลแล้ว 5-0

เจ้าตัวหน้าเจื่อนสุดๆเพราะมันหมายถึงว่าเขาคือนักเตะที่เป็นจุดอ่อนแล้วสร้างความบรรลัย

สเปอร์ส กลับมาใช้แผนหากิน 3-4-3 จนความบ้าคลั่งค่อยๆคลี่คลายแต่ก็สายไปแล้วครับ บอลตาม 5 ลูกในฐานะทีมเยือน “คัมแบ็ค” ไม่ไหวจริงๆ

ครับระบบก็ส่วนนึงนักเตะก็แบ่งความรับผิดชอบกันไป ไม่ใช่แค่เจ้าหนู ซาร์ แต่ซีเนียร์หลายคนเล่นเหมือนคนไม่มีใจ

ทันทีที่แพ้ยับเยินมีการย้อนกลับไปถึงวัน 18 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่ง อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตผู้จัดการทีม สเปอร์ส “ทิ้งบอมบ์” หลังเสมอ เซาท์แฮมป์ตัน ทั้งๆที่นำห่างถึง 2 เม็ด

“น้าคอน” กระหน่ำหลายประเด็นจนห้องแถลงข่าวลุกเป็นไฟโดยหนึ่งในนั้นคือเขาไม่เห็นทีมๆนี้จะเล่นเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

มีนักเตะเห็นแก่ตัวเต็มไปหมด มองไปทางไหนมีแต่ผู้เล่นที่ไม่ยอมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ที่สำคัญไม่เล่นด้วย “ใจ”

ก่อนทิ้งท้ายว่าเป็นแบบนี้มาทุกฤดูกาล ไม่ใช่เฉพาะตอนตัวเขาอยู่ ไม่ว่าใครจะไปจะมาสิ่งที่เป็นอยู่เหมือนทุกคนเคยชินกับมันไปแล้ว

ในเมื่อวิถีชีวิตเป็นแบบนี้มาร่วม 20 ปี บทสรุปคือเป็นความผิดของสโมสรอย่างเดียวหรือผู้จัดการทีมทุกคนที่เสนอหน้ามารับงานที่นี่

เป็นบทสัมภาษณ์ที่โหดสัสอิตาลีที่ทำให้อีก 8 วันต่อมา “น้าคอน” ตกงานทันที

ตั้งแต่สิ้นบุญ “คอนเต้” ผลงานของ สเปอร์ส นับจากนั้นอีก 4 นัดชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 โดย 3 แต้ม ไบรท์ตัน ถูกปล้นด้วยน้ำมือของผู้ตัดสิน

เอาจริงๆ สเปอร์ส เหมือนทีมต้องคำสาป ศักยภาพ, แฟนบอล, สนาม และชื่อเสียงในอดีตมีพร้อมครบด้าน

แชมป์รายการสุดท้ายต้องย้อนกลับไป 2008 หรือ 15 ปีที่แล้วกับถ้วยใบจ้อย “ลีก คัพ” หรือชื่อในตอนนั้น “คาร์ลิ่ง คัพ”

แต่ตอนนี้ต้องมาเริ่มนับหนึ่งหาผู้จัดการทีมคนที่ 5 ในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่ปลด โจเซ่ มูรินโญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 (นับรวมผจก.ชั่วคราว)

ว่ากันว่าขุมกำลังชุดนี้ใจสลายตั้งแต่แพ้ ลิเวอร์พูล ในรอบชิง UCL 2019 ที่ทำให้สิ้นสุดยุค ปอเช็ตติโน่ ไปในตัวด้วย

เปลี่ยนผู้นำมาก็เยอะแล้ว, นักเตะก็ย้ายมาเยอะพังมากกว่าปัง คนที่ต้องรับผิดชอบบนห่วงโซ่อาหารมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรที่แคแรคเตอร์อีโก้จัดเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาทั้งหมด

เขาปล่อยให้ตำแหน่งกุนซืออยู่ในสภาวะ “สูญญากาศ” ทั้งๆที่มีเวลาเป็นเดือน

ในสถานการณ์สโมสรที่ไม่สามารถวางรากฐานได้อย่างมั่นคงไม่ใช่เรื่องดีเลยหากมองในจุดที่ว่า key man อย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซอน กำลังเลยจุดพีคเข้าไปทุกที

การเลือกผู้จัดการทีมคนต่อไปของ “ไก่เดือยทอง” สำคัญต่ออนาคตของสโมสรจริงๆครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

เกมถล่ม สเปอร์ส 6-1 เป็นชัยชนะที่ท่วมท้นที่สุดของ นิวคาสเซิ่ล ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2011 (ชนะ เวสต์แฮม 5-0) และในทางตรงกันข้าม “ไก่เดือยทอง” แพ้เละที่สุดในลีกนับตั้งแต่ธันวาคม 2013 (แพ้ ลิเวอร์พูล 5-0)

“สาลิกา” นำคู่แข่ง 5-0 ภายใน 21 นาทีถือเป็นการยิงขาดที่เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกโดยแชมป์ไม่ใช่ใครเป็น แมนฯซิตี้ กด วัตฟอร์ด 5-0 ใน 18 นาที เมื่อเดือนกันยายน 2019

นิวคาสเซิ่ล เป็นเพียงทีมที่ 6 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิง 3 ประตูใน 9 นาทีแรกและเป็นทีมแรกที่ทำได้นับตั้งแต่ แมนฯซิตี้ ขยี้ เบิร์นลีย์ เมื่อเดือนเมษายน 2010

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด