คู่จิ้นหงส์-จู๊ด ดีลเกินตัวไม่สมฐานะ
2-3 วันที่ผ่านมามีข่าวที่ทำให้ เดอะ ค็อป ต่างพากันหัวร้อน, หน้าชา, หัวเราะ (ประชด) ทันทีที่มีข่าว ลิเวอร์พูล ถอนตัวจากดีล จู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
และล่าสุดเมื่อวานนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาตอกย้ำและขยี้ข่าวนี้อีกแรงหลังเปรียบเปรยว่าเหมือนเด็กแบเบาะ 5 ขวบร้องอยากขับเฟอร์รารี่
พูดง่ายๆกำลังสื่อว่าทำอะไรเกินตัว ไม่มองถึงหลักความเป็นจริง
คือหากใครที่ตามติดข่าวมาตลอดต่างมโนและฝันหวานในสีเสื้อแดงเพลิงของ “จู๊ด” กันล่วงหน้าแล้ว
สืบเนื่องจากกระแสก่อนหน้านี้มันแรงมากจริงๆว่า “หงส์แดง” คือเต็ง 1 และตัวนักเตะใจลอยมา แอนฟิลด์ เพื่อมาร่วมแก๊งค์เดียวกันเอเยนต์ เฮนโด้ และเอเยนต์ TAA
ภาพความสนิทสนมของทั้ง 3 คนกลายเป็นความจิ้นมุ้งมิ้งที่ทำให้ เดอะ ค็อป คิดเป็นอื่นไปไม่ได้จริงๆ
ครับส่วนตัวผมไม่เชื่อดีลนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เคสตัวอย่างก็ในรายของ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ล็อกเป้า “คนที่ใช่” สุดท้ายซบ เรอัล มาดริด จนแผนการเสริมทัพเป๋มาถึงทุกวันนี้
การที่ “หงส์แดง” จะอัดเงินกว่า 100+ ล้านยูโรแถมยังมีค่าเหนื่อยนักเตะที่ผันแปรสูงตามค่าตัว, ไหนจะค่า fee และค่าเอเยนต์ที่ว่ากันว่าทะลุเกือบ 200 ล้านยูโร
ถ้าคุณรู้จัก ลิเวอร์พูล ดีพอ มันไม่มีทางเลย!!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดันมาเกิดขึ้นในช่วงที่สโมสรกำลังรอการผ่าตัดครั้งใหญ่ช่วงซัมเมอร์ในสภาวะที่กำลังจะสูญเสียรายได้จากการไปเล่น UCL อีกเกือบ 100 ล้านปอนด์
ไปเล่าให้เหล่าอี้, อาเจ็กฟังก็ยังไม่มีใครเชื่อหรอกครับว่าเงินงบประมาณที่มีอยู่ (อันน้อยนิด) หรือจะสมทบกับการขายตัวเก่าเพื่อเอาไปลงกับคนๆเดียวมันจะเป็นไปได้ยังไง
แล้วจะเหลือนักเตะในทีมกี่คนให้ใช้ในฤดูกาลหน้าวะครับ!?
ถ้าทีมพีคทุกตำแหน่งเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนและต้องการใครซักคนที่อยู่ในระดับ A+ อันนี้แหละกำลังสวยเลย พอเหมาะพอเจาะ
วันที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกผมมีแตะๆในคอลัมน์ว่าทีมของ คล็อปป์ ชุดนี้ทำให้ผมนึกถึงสมัยยุค 90 ที่มี เคนนี่ ดัลกลิช เป็นผู้จัดการทีม
ทีม 2 ยุคที่ว่านี้คล้ายคลึงตรงที่ปล่อยให้นักเตะตัวหลักแก่พร้อมกัน คือมีพวก 28+ และขึ้นเลข 3 เกินครึ่งทีม
ไม่มีการ “เติม” นักเตะอายุน้อยมา back up อย่างจริงจัง พอถึงจุดๆนึงนั่นก็คือซีซั่นนี้ฟองสบู่แตก ความมหัศจรรย์แห่ง JK หากินไม่ได้แบบเดิม
ที่นำมาซึ่งปัญหาและถูกพูดถึงที่สุดคือหากเราลองกวาดสายตาดูไม่น่าเชื่อว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ซื้อมิดฟิลด์ที่เป็นมิดฟิลด์จริงๆมาเสริมทัพแค่คนเดียว
คือ ธิอาโก้ เมื่อปี 2020 หรือล่าสุดกว่าอดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค ก็ต้องย้อนกลับไปในรายของ เกอิต้า เมื่อปี 2018 ซึ่งเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าพรี่เขาอยู่ในห้องคลีนิคมากกว่าในสนามด้วยซ้ำ
ดังนั้นแล้วทีมที่เข้มงวดนโยบายการจับจ่ายใช้สอยอย่าง “หงส์” ภายใต้ FSG จะใช้เงินที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงแค่นักเตะคนเดียวโดยที่หันไปตรงไหนก็มีแต่ “แบล็คโฮล์” เต็มไปหมดได้อย่างไร
ซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล จะเสีย squad depth ครั้งใหญ่ เกอิต้า (หมดสัญญา), พีร์เมียโน่ (หมดสัญญา), OX (หมดสัญญา), มิลเนอร์ (หมดสัญญา), อาเดรียน (หมดสัญญา)
ส่วน ซาลาห์ กับ เฮนโด้ เดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้จะอายุ 31 และ 33 ตามลำดับ
แนวรับ พี่ใหญ่ VvD แตะเลข 32 ในเดือนกรกฏาคม, มาติ๊ป จ่อ 32 ในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ โรเบิร์ตสัน เพิ่ง 29 หมาดๆเมื่อเดือนที่แล้ว
ฟาบินโญ่ ที่ชราเกินวัยไปนานแล้วก็จะ 30 ในเดือนตุลาคมนี้
ลิสดังกล่าวเห็นแล้วน่าเป็นห่วงแทนเพราะตลาดเดียวไม่สามารถเคาะโป้งแล้วรถใหม่เอี่ยมครบทุกฟังก์ชั่นแน่นอน
เราอาจต้องทำใจกันหน่อยที่ตัวเก่าๆต้องเก็บเอาไว้บ้างเพื่อไม่ให้เลือดมัน “สดใหม่” เร็วเกินไปซึ่งในอีกแง่นึงก็มีความเสี่ยงความอันตรายเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าหาก ลิเวอร์พูล ต้องการกลับมาเข้าที่เข้าทาง (ไม่ต้องถึงกับบินสูง) ตลาดซัมเมอร์นี้ต้องฉลาดใช้เงินฉลาดซื้อเหมือนที่ JK เคยทำมาก่อนหน้านี้
การไป bid สู้กับทีมอื่นๆกับนักเตะที่ตีนออกแสงไม่ใช่สนามการค้าของ “หงส์แดง” ในซัมเมอร์นี้เลยครับ
พวกฟรีเอเยนต์อย่าง เมาท์ หรือ ราบิโอต์ ที่มีข่าวอยู่ ณ เวลานี้เป็นอีก option ซึ่งถ้าเกิดได้ขึ้นมาจริงๆจะทำให้งบหลักเหลือไปลงกับนักเตะคนอื่นๆได้ง่ายขึ้น
แม็คอัลลิสเตอร์, ไคเซโด้ (ไบรท์ตัน), นูเนส (วูลฟ์), กัลลาเกอร์ (เชลซี), บาเรลล่า (อินเตอร์) ฯลฯ เป็นชื่อที่เราเห็นวนเวียนกันทุกวันตามเพจต่างๆ
เงินอันบ้าคลั่งที่ถูกโยงไปกับ “จู๊ด” อาจเปลี่ยนเป็นนักเตะ 2-3 คนซึ่งศักยภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน การดึงศักยภาพของผู้เล่นออกมาต่างหากเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
หรืออย่างข่าวมั่วๆ ดีแคลน ไรซ์ ผมก็จัดให้อยู่ในหมวด “จู๊ด” ครับ ไม่มีทาง ลืมไปได้เลย
สัญญาเหลือปีเดียวก็จริงแต่มีผู้ซื้อที่กระเป๋าหนักเยอะเข้ามาแย่งกันยิ่งปั่นราคาให้สูงขึ้น+ค่าสัญชาติอีก บลาบลา
แต่อย่าลืมว่าข่าวที่มีให้เราอ่านกันต่อวันเป็นการคาดเดาและอยู่ในสถานะข่าวลือเท่านั้น ฟังหูไว้หำ อย่าไปจิ้นมากเดี๋ยวธาตุไฟแตก
ช่วงปลายซีซั่นนักเตะเขามีสมาธิกับเกมช่วงโค้งสุดท้าย ไม่มีใครมานั่งถกย้ายกันตอนนี้หรอกครับ
ในขณะที่ส่วนตัวผมคิดว่าตัวนอกกระแสที่ค่าตัวน่าจะถูกลงหาก “ตกชั้น” เป็นอีกการลงทุนที่เหมาะสมกับกับฐานะของลิ้วพูลในเวลานี้เอามากๆ
เช่น ไคล์ ปีเตอร์ วอล์กเกอร์ ของ เซาท์แฮมป์ตัน (ผมชอบเป็นการส่วนตัว) สามารถเล่นได้ทั้งแบ็คซ้ายและขวา โดย 1-2 ปีมานี้เล่นดีพัฒนาขึ้นเยอะมาก
ทีเลม็องส์ ซึ่งเหลือสัญญา 1 ปีกับ เลสเตอร์ หรือ เจมส์ แมดดิสัน ที่ไม่มีทางจะอยู่เล่นใน ชปช. หรืออย่าง ดิวส์เบอรี่ ฮอล์ มดงานอีกคนที่มีศักยภาพโตได้กว่านี้
เช่นเดียวกับ เนโก้ วิลเลียมส์ ดึงกลับมาก็ไม่น่าเกลียด ประสบการณ์กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ผมเห็นแล้วน้องแก “เก่งขึ้น” กว่าเดิม
ครับทิ้งท้ายตรงนี้ให้คิดซะว่าเหมือนเราดู “หงส์” ในฤดูกาลนี้ ต้องวางโพซิชั่นทีมให้ต่างจากในอดีต
มองความเป็นจริงตรงที่ว่าคุณภาพลดลงมาเยอะจนใกล้เคียงกับทีมกลางตารางและถูกทีมเล็กๆบางทีมแซงหน้าไปแล้ว
ถ้าบรรลุสัจจธรรมดังกล่าว (แบบไม่หลอกตัวเอง) ข้อดีคือเวลาแพ้อารมณ์จะไม่ดิ่งสุด เวลาโดนล้อก็แค่กำหมัด ปากขมุบขมิบ ควบคุมสติได้อยู่
เช่นเดียวกันกับตลาดซื้อขายที่ “หงส์แดง” เสียเปรียบทีมอื่นๆจากการบริหารที่ผิดพลาดของตัวเอง
หันมามองเป้าหมายที่จับต้องได้อาจเป็นสิ่งที่ไม่ “สมใจ” แฟนบอลแต่ “สมฐานะ” สโมสรในตอนนี้ที่สุดแล้วครับ…
ที่มา: soccersuck