ช้างศึกซีเกมส์รอก่อน! รัฐบาลแจกอัดฉีดทัพ ‘อชก.-พารา’ กว่า 353 ล้าน

รัฐบาลไทย จัดงานเลี้ยงฉลองให้ทัพนักกีฬาชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน พร้อมมอบเงินรางวัลอัดฉีดกว่า 353 ล้านบาท ขณะที่ “ช้างศึกซีเกมส์” รอไปก่อน

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานเลี้ยงฉลองชัย มอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้แก่ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน

สำหรับผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง จบอันดับ 8 ของตารางรวมเหรียญรางวัล ขณะที่กีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 คว้ามาได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง จบเป็นอันดับที่ 7 ของตารางรวมเหรียญรางวัล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรีมีหลายอย่าง และภารกิจที่อยากมาด้วยความเต็มใจเป็นพิเศษคือ การกีฬา เพราะชอบเล่นกีฬา ให้เกียรติ มีความปรารถนาดีกับการกีฬามาตลอดตั้งแต่เป็นภาคเอกชนมาจนถึงรัฐบาล สำหรับผลงานของนักกีฬาไทยเอเชียนเกมส์ และเอเชียนพาราเกมส์ ถือว่าประสบความสำเร็จ บางกีฬาอาจผิดหวังบ้าง บางกีฬาทำได้เกินคาด รัฐบาลจึงได้จัดงานแสดงความยินดีชื่นชมเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬาที่นำธงชาติไทยไปโบพสะบัดที่ประเทศจีน ซึ่งผลงานอันดับ 8 ในเอเชียนเกมส์ ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประชากรไทย และสูงเกินความคาดหมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลพร้อมหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนให้กับวงการกีฬาที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งจะต้องพัฒนาเชิงพื้นฐานอีกมาก ปัจจัยที่ขาดไม่ได้คือแหล่งเงินทุน ความเอาใจใส่จากภาครัฐในการดูแลที่เหมาะสม และเสมอภาค รวมทั้งเรื่องผู้ฝึกสอน ยืนยันว่ารัฐบาลจะแหาแหล่งเงินทุนเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬา และได้จัดทำโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส รวมทั้งแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านกีฬา เพื่อพัฒนาวงการกีฬา โดยตั้งใจว่าเงินที่นักกีฬาจะได้รับจะสูงขึ้นแน่นอน เช่นเดียวกับนักฬาคนพิการที่จะยกระดับค่าตอบแทนให้สูงขึ้น ทั้งกลไกการจ้างงาน และสิทธิประโยชน์ด้านภาษี

“ขอบคุณภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ที่เข้ามาดูแลวงการกีฬา ครั้งนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีให้นักธุรกิจได้เข้ามาแข่งขันกันพัฒนานักกีฬาให้ประสบความสำเร็จในเวทีโลก ผมขอให้นักกีฬาทุกคนอย่างลดความพยายาม และมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไป” นายกรัฐมนตรี ทิ้งท้าย

สำหรับผลงานในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะได้รับเงินรางวัล เหรียญทองละ 2 ล้านบาท, เหรียญเงินละ 1 ล้านบาท และเหรียญทองแดงละ 500,000 บาท สรุปเหรียญรางวัลของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 244,200,000 บาท

ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 คว้ามาได้ 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง โดยตามหลักเกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะได้รับเงินรางวัล เหรียญทองละ 1 ล้านบาท, เหรียญเงินละ 500,000 บาท และเหรียญทองแดงละ 250,000 บาท สรุปเหรียญรางวัลของนักกีฬาคนพิการ ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 109,725,000 บาท

สรุปทัพนักกีฬาทีมชาติไทย และทัพนักกีฬาคนพิการไทยได้รับเงินรางวัลจากการแข่งขันรวมทั้งหมด 353,925,000 บาท

ส่วนประเด็น ฟุตบอลชาย ชุดเหรียญเงิน ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ซึ่งได้มีนักกีฬาออกมาทวงถามถึงเงินอัดฉีด 150,000 บาท จาก การกีฬาแห่งประเทศไทย และ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่ยังไม่จ่ายให้นักเตะ แม้จะผ่านมาถึง 6 เดือนแล้วนั้น

โดย ฟุตบอลชาย เป็นเพียงกีฬาเดียวที่ยังไม่ได้รับเงิน เนื่องจากปัญหาการทะเลาะวิวาทในรอบชิงฯ กับ อินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม นักเตะและผู้ฝึกสอน ตัวต้นเหตุได้รับบทลงโทษไปแล้ว แต่เงินดังกล่าวก็ยังไม่ออก

เรื่องนี้ได้รับคำชี้แจงจาก ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากมีการทวงถามมา กกท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามตรวจสอบ เร่งรัดมาตลอด ซึ่งเวลานี้เรื่องของเงินรางวัลดังกล่าวกำลังจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนากีฬาในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถมีการประชุมได้ โดยเงินรางวัลนักกีฬาจะได้รับในเร็ว ๆ นี้ ภายในเดือน พ.ย.นี้แน่นอน

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: