ซานเชซ จ่ายผิดชีวิตเปลี่ยน
เจ็บใจและเจ็บปวดแทนแฟน “สิงห์บลู” เชลซี หลังล้มทั้งยืนถูก อาร์เซนอล แบ่งแต้มในเกมที่เรียกว่านอนมารอฉลอง 3 แต้มกันอยู่แล้วเชียว
เสียแต้มในเกมห่วยๆยังพอทำใจรับได้แต่ในเกมที่น่าจะเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เปิดซีซั่นกลับมาพลาดแบบไม่น่าเชื่อ
นำ 2-0 จนถึงนาที 77 แถมก่อนหน้านั้นเล่นเคาะบอลฆ่าเวลาเพื่อปิดเกมโดยที่ลูกทีม มิเกล อาร์เตต้า ทำท่าเหมือน “มอบตัว” ไปแล้วด้วย
ผมหรือคนดูทางบ้านเริ่มเบนสมาธิหาสิ่งสวยๆงามๆดูกันแล้วเพราะเกมมันจบเห็นๆ ไม่มีวี่แววหรือปาฏิหาริย์ใดๆ
แต่การออกบอลไม่ตรงเพื่อนครั้งเดียวของ โรเบิร์ต ซานเชซ ต้องจ่ายค่าเสียหายราคาแพง โดน 2 เม็ดใน 7 นาที
นอกจาก 2 แต้มที่หายไปแล้วยังอดมีชื่อยัดเยียดความปราชัยให้อริร่วมเมืองเป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้ไปเสียอย่างงั้น
Overall ในเกมนี้เหนือกว่าทุกอย่างไม่ว่าจะรูปเกม, ความตื่นตัวของผู้เล่น, ความดุดันในการเข้าบอลหรือมาตรฐานฝีเท้าที่เจ้าถิ่นดูดีกว่าฝั่ง “ปืนใหญ่” ที่หัวตกแทบทุกคนยกเว้น ดีแคลน ไรซ์
แม้กระทั่ง passion ในเกมนี้ผู้เล่น อาร์เซนอล ดูเลื่อนลอยไม่เหมือนที่เราเคยเห็นกัน แม้กระทั่งตอนที่ ไรซ์ ยิงตีไข่แตกผมสังเกตเห็น โอเดการ์ด ที่วันนี้เล่นอย่างห่วยยังไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไรเลย
จริงๆแล้ว “สิงห์” น่าจะตอกฝาโลงผู้มาเยือนลูกที่ 3 หลัง ราย่า ออกบอลหน้าบ้านตัวเองเข้าตีน พัลเมอร์ ก่อนมาเช็ดขี้แก้ตัว
รวมถึงลูกหลุดเดี่ยวของ แจ็คสัน คนดีคนเดิมตัวสำรองที่ตั้งแต่เปิดซีซั่นมามักมีอาการ “ล่ก” เมื่ออยู่ในกรอบเขตโทษ
วันนี้เห็นได้ชัดว่าทำอะไรไม่ถูกตอนดวลเดี่ยวลากไปเข้ามือ ราย่า หน้าตาเฉย เป็น 2 ช็อตจะแจ้งที่ควรยำ อาร์เซนอล 3-4 ลูกด้วยซ้ำ
ลูกตีเสมอ 2-2 ต้องบอกว่าเป็นแคแรคเตอร์ของนักเตะเฉพาะบุคคลจริงๆครับ การยืนตำแหน่ง การคาดการณ์อะไรต่างๆที่ตัวสำรองอย่าง ทรอสซาร์ อยู่ในสนามได้ 4-5 นาทีก็มีชื่อทำประตูทันที (เมื่อเปรียบเทียบ 78 นาทีของ มาร์ติเนลลี่)
ครับในมุมแฟน “ปืนใหญ่” ในแง่ที่ว่าเล่นห่วยตาม 2-0 แต่ไม่แพ้ให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชนะได้เลย
แต่ตอนนี้มีคำถามให้ อาร์เตต้า ต้องตอบว่าหากเคยพิจารณาฟอร์ม แรมส์เดล จนเป็นเหตุให้ต้องถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง
ในหลักการเดียวกันเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ฟอร์ม “ราย่า” ต่ำกว่ามาตรฐานที่ “พรี่ต้า” ขีดเอาไว้อย่างชัดเจนดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียการปกครองตำแหน่งมือ 1 ควรต้องเปลี่ยนมือถึงจะแฟร์ๆ
ครับสำหรับ “สิงห์บลู” น่าเสียดายที่อดทำสถิติชนะรวดสวยๆ 3 นัดในลีก (4 นัดทุกรายการ) และยังทำให้ตัวเลขในบ้านยังอยู่ที่ชนะ 1 จาก 5 เกมที่ต้องเร่งปรับกันต่อไป
ในขณะเดียวกันความหงอยถูกแบ่งแต้มทำให้ content มูดรีค ยิงฟลุ้กๆเข้าไปสุดสวยถูกพูดถึงน้อยลงพอสมควร (เหลือบมองเพื่อนก่อนเปิดแต่ผิดเหลี่ยม)
แต่เรื่องที่รุ่นพี่อย่าง ซินเชนโก้ ขู่ตัดไข่ก่อนเกมถ้ายิงใส่ “ปืน” ต้องไปเคลียร์กันเอง ฮาา
อย่างไรก็ตามทุกคนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า เมาริซิโอ ปอเชตติโน่ กำลังตบ เชลซี กลับเข้าที่เข้าทางโดยเฉพาะการเข้าทำแน่นและดูดีมากขึ้นกว่าช่วงแรกๆ
ฟอร์มการเล่นปรับให้ดีขึ้นได้ไม่ใช่ปัญหา นักเตะดีๆมีให้ใช้งานเยอะแยะ ที่ต้องใช้เวลาคือประสบการณ์ “ปิดจ็อบ” ในเกมแบบนี้ก็จำเป็นต้องมีเช่นกันหากต้องการยกระดับทีมขึ้นมาอีกขั้น
ที่น่าห่วงมากกว่าคือ “สิงห์” กำลังชดใช้กรรมจากที่เคยทำแต้มหล่นรัวๆมาก่อนหน้านี้ (กับ เวสต์แฮม, ฟอเรสต์, บอร์นมัธ และ แอสตัน วิลล่า)
คือหลังพ้นเสาร์หน้าที่จะพบกับทีม เบรนท์ฟอร์ด ที่เล่นนอกบ้านดีกว่าในบ้านแล้วจะเป็นโปรแกรม “ยัดยา” เจอของหนักเรียงคิวกันมาทั้ง สเปอร์ส, แมนฯซิตี้, นิวคาสเซิ่ล, ไบรท์ตัน และ แมนฯยูฯ
ขออภัยแฟน “สิงห์” นะครับ เซ็งกับผลการแข่งขันไม่พอไอ้ผมก็ซุกซนไปหาข้อมูลมาบั่นทอนจิตใจซ้ำเติมกันอีก…
สถิติ สถิติ สถิติ
เชลซี ชนะในบ้านแค่ 1 จาก 12 เกมในพรีเมียร์หลังสุด (เสมอ 6 แพ้ 5) โดย 1 เกมที่ว่าคือชนะ “น้องใหม่” ลูตัน 3-0 สิ้นเดือนสิงหาคม
เลอันโดร ทรอสซาร์ เป็นนักเตะ อาร์เซนอล คนแรกที่ยิงประตู 3 ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกในฐานะตัวสำรอง
จากประตูนี้ของ ทรอสซาร์ ทำให้ “ปืนใหญ่” กลายเป็นทีมที่ตัวสำรองลงมายิงมากที่สุด (5 ลูก) เป็นรองแค่ ไบรท์ตัน (7)
ในวัย 21 ปีกับอีก 168 วันทำให้ โคล พาลเมอร์ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่ยิงจุดโทษติดต่อกัน 2 เกมโดยก่อนหน้านั้น บูกาโย่ ซาก้า เคยทำได้ในวัย 20 ปี 230 วันและ ปีเตอร์ เอ็นเลิฟ 21 ปี 50 วัน
ประตูของ พาลเมอร์ ทำให้ อาร์เซนอล เสียสถิติคลีนชีตนอกบ้านในลีกหนแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม (เยือน ฟอเรสต์) ยุติคลีนชีต 355 นาทีนอกบ้านไปเรียบร้อยแล้ว
ที่มา: soccersuck