‘ซาเน่’ คืนตัวจริงเบียร์, กระทิงรอเช็ค ‘กาบี้’…ปรีวิวฟุตบอลโลก 2022
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2565
กลุ่มอี
ญี่ปุ่น – สเปน (02:00 น.)
ญี่ปุ่น ส่ออดใช้งาน ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ และ ฮิโรกิ ซากาอิ มีปัญหาอาการบาดเจ็บแฮมสตริงทั้งคู่ ขณะที่ วาตารุ เอ็นโดะ ซึ่งไม่ได้ร่วมซ้อมกับทีม ก็อาจพลาดลงเล่นเช่นกันเนื่องจากเจ็บหัวเข่า
ส่วน สเปน ยังต้องลุ้น กาบี้ ซึ่งไม่ได้ลงฝึกซ้อมเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย
เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซึ่งสุ่มเสี่ยงติดโทษแบนจะได้พัก เพราะงั้นตำแหน่งของเขาอาจเป็น โรดรี้ ที่จะได้เล่นบทบาทถนัดสักที
สเปน ขอแค่แต้มเดียวก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป แต่หากชนะได้ก็จะการันตีแชมป์กลุ่มอีทันที ส่วน ญี่ปุ่น ที่รั้งรองจ่าฝูงต้องการ 3 แต้มเพื่อเข้ารอบน็อคเอาท์ แต่ถ้าเสมอก็ต้องไปลุ้นผลอีกคู่ให้ต้องเสมอเช่นกัน หรือให้ เยอรมนี ชนะแค่ลูกเดียว
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– ทั้งสองฝ่ายนี้เคยพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดย สเปน เอาชนะ 1-0 ในเกมกระชับมิตรเมื่อปี 2001
– สเปน ชนะ 8 จาก 9 นัดหลังสุดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนนัดไม่ชนะคือการเสมอกับ โมร็อกโก 2-2 ในปี 2018
– สเปน ไม่แพ้ใครตลอด 7 เกมหลังสุดในฟุตบอลโลก ขณะที่ ญี่ปุ่น หวังเลี่ยงยิงประตูติดต่อกันไม่ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998
==============================================================
คอสตาริกา – เยอรมนี (02:00 น.)
คอสตาริกา หมดสิทธิ์ใช้งาน ฟรานซิสโก้ คัลโว เซ็นเตอร์แบ็คที่สะสมใบเหลืองครบโควตา ทำให้ติดโทษแบนในเกมนี้
เจวิสัน เบนเนตต์ ดาวรุ่งของซันเดอร์แลนด์ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเกมที่แล้ว แต่เขาน่าจะเบียดรุ่นพี่อย่าง เจอร์สัน ตอร์เรส และ แอนโธนี่ คอนเตรราส ลงตัวจริง
สำหรับ เยอรมนี จะได้ เลรอย ซาเน่ กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังหายเจ็บลงเป็นตัวสำรองในแมตช์ที่แล้ว
นิคลาส ฟูลล์ครูก ลงเป็นซูเปอร์ซับยืงตีเสมอใส่ สเปน และแมตช์นี้น่าจะได้รับโอกาสลงตัวจริงก่อนหน้า โธมัส มุลเลอร์
เยอรมนี ผิดฟอร์มอย่างหนักเมื่อรั้งบ๊วยของกลุ่มอี แต่ยังดีที่ตามตีเสมอ สเปน ในเกมที่แล้ว เพราะงั้นยังมีลุ้นพลิกเข้ารอบถ้าหากชนะ คอสตาริกา และต้องลุ้นไม่ให้ ญี่ปุ่น ชนะ สเปน
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– สเตฟานี่ แฟรปปาร์ต เตรียมเป็นกรรมการหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงตัดสินเกมฟุตบอลโลกชาย
– คอสตาริกา และ เยอรมนี เจอกันครั้งสุดท้ายในฟุตบอลโลกปี 2006 โดยฝั่ง เยอรมนี ชนะไปได้ 4-2
– คอสตาริกา ชนะ 3 จาก 6 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ
– คอสตาริกา ชนะเกมฟุตบอลโลกติดต่อกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฟุตบอลโลกปี 2014
– เยอรมนี ชนะเพียง 2 จาก 10 เกมหลังสุดในทุกรายการ
==============================================================
กลุ่มเอฟ
โครเอเชีย – เบลเยียม (22:00 น.)
โครเอเชีย ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นตัวจริงมากนักจากเกมที่แล้ว ลูก้า โมดริช กัปตันทีมวัย 37 ปีสุ่มเสี่ยงติดโทษแบน แต่คาดว่ากองกลางของเรอัล มาดริด จะยึดตัวจริงร่วมกับ มาเตโอ โควาซิช และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช
ขณะที่ เบลเยียม จะขาด อามาดู โอนาน่า ซึ่งติดโทษแบน เพราะงั้น ยูริ ทีเลอม็องส์ จะกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
โรเมลู ลูกากู ลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่แล้ว และเกมนี้ก็น่าจะต้องรอโอกาสข้างสนามอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่ฟิตเต็มร้อย
สำหรับเกมนี้ โครเอเชีย ได้เปรียบกว่าเนื่องจากพวกเขาต้องการแค่ผลเสมอก็จะเข้ารอบน็อคเอาท์ทันที ตรงกับ เบลเยียม ถ้าดันเสมอก็ต้องไปลุ้นให้ โมร็อกโก แพ้ถึง 4 ประตูต่อ แคนาดา ซึ่งยากมาก ดังนั้นทางเดียวที่จะเข้ารอบได้คือชนะเท่านั้น
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– เบลเยียม เอาชนะ โครเอเชีย ตลอดการเจอกัน 2 ครั้งหลังสุด โดย โรเมลู ลูกากู ทำได้ 3 ประตูจากเกมเหล่านั้น
– เบลเยียม เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อยตลอด 4 ทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ที่ผ่านมา
– โครเอเชีย แพ้เพียง 2 จาก 10 นัดหลังสุดที่พบกับชาติยุโรปในศึกฟุตบอลโลก (ชนะ 6 เสมอ 2) โดยทั้ง 2 ครั้งนั้นคือการแพ้ ฝรั่งเศส (รอบรองชนะเลิศปี 1998, รอบชิงชนะเลิศปี 2018)
– โครเอเชีย แพ้เพียงครั้งเดียวจาก 18 นัดหลังสุดในทุกรายการ (ชนะ 12 เสมอ 5)
==============================================================
แคนาดา – โมร็อกโก (22:00 น.)
จอห์น เฮิร์ดแมน ต้องตัดสินใจว่าจะใช้ชุดที่ดีที่สุดเพื่อปิดฉากฟุตบอลโลกเอาใจแฟนบอลแคนาดา หรือเปิดโอกาสให้เหล่าผู้เล่นสำรองลงไปโชว์เพลงแข้ง
คาดว่า อิสมาเอล โคเน่ จะเบียด อติบา ฮัทชินสัน ลงเป็นตัวจริง ส่วน จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์ จะกลับมาลงเป็นตัวจริงอีกครั้ง
ยาสซีน บูนู ถูกเปลี่ยนตัวเพียงไม่กี่อึดใจก่อนลงเตะกับ เบลเยียม เนื่องจากไม่สบาย แต่คาดว่าเกมนี้เขาจะพร้อมลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงให้ โมร็อกโก
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– นี่จะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่าง แคนาดา และ โมร็อกโก
– แคนาดา อาจทาบสถิติของ เอล ซัลวาดอร์ ที่แพ้ทั้ง 6 เกมแรกในศึกฟุตบอลโลก
– แคนาดา อาจแพ้ 3 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
– โมร็อกโก ต้องการเพียงแต้มเดียวเพื่อผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี
ที่มา: soccersuck