บทเรียน “เกป้า” สิงห์เล่นดีแต่ไม่มีแต้ม
เชลซี ควรจะได้รางวัลแห่งความพยายามอย่างน้อยๆ 1 แต้มกับ แมนฯซิตี้ เพียงแค่ เกป้า เลือกทำอะไรซักอย่างมากกว่าปล่อยให้บอลไหลผ่านหน้าไปแค่คืบเดียวแบบนั้น
ผมเสียดายแทนจริงๆครับเพราะวันนี้ “สิงห์บลู” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในช่วงทีมเสียความมั่นใจชนะแค่ 1 จาก 7 นัดหลังถ้าเล่นกันดีๆพวกเขาไม่ได้ห่างไกลความเจริญกับทีม “เรือใบ” ของ เป๊ป กวาดิโอล่า ไปไหนเลย
ยิ่งมองปัจจัยที่ว่าเจ้าถิ่นเสีย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตั้งแต่นาทีที่ 2 และ คริสเตียน พูลิซิซ ในนาที 22 นี่คือเกมที่พวกเขาเล่นได้ดีที่สุดในรอบหลายนัดเลยด้วยซ้ำ
ซิตี้ ใช้เวลาอยู่ราวๆ 15 นาทีในการบดใส่ “สิงห์” แต่กลับกันหลังผ่านไป 20 นาทีเป็นเด็กๆของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ที่ยกระดับตัวเองขึ้นมาจนเห็นได้ชัดว่าทีมเยือนเริ่มไม่กล้าเพรสมั่วซั่วเหมือนช่วงแรก
จุดเปลี่ยนเกมนี้เกือบอยู่ที่ เชลซี หาก คาร์นี่ย์ ชุควูเมก้า ไม่แม่นเสาก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว
ผมเชื่อว่า เป๊ป เอานะถ้าได้ 1 แต้มออกจากเกมนี้เพราะ ซิตี้ เล่นไม่ได้อยู่ในมาตรฐานของตัวเองและว่ากันตามตรงเจาะแนวรับของ เชลซี สวยๆแทบไม่ได้เลย
เหตุผลส่วนนึงเป็นเพราะ เป๊ป แกอินดี้จัดแผนหลัง 3 และดันเอา เจา คันเซโล ขึ้นไปเล่นเป็นปีกแต่ไม่เวิร์คอย่างแรง
จนกระทั่งนาที 60 ทนดูไม่ไหวต้องเปลี่ยนคู่ทั้ง แจ็ค กรีลิช และ ริยาด มาห์เรซ ลงมากู้สถานการณ์
สถานการณ์ของ โฟเด้น นี่แปลกๆเพราะโปร์ไฟล์เป็นตัวหลักแต่เข้าๆออกๆจนกลายเป็นคนไม่มีตำแหน่ง
การออกสตาร์ตที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์ ของน้องเป็นตัวจริงหนแรกใน 6 นัดหลังสุด คนและถูกกรีลิช คุกคามจากแอสซิสต์ในวันนี้ไปแล้ว
การอยู่ในสนามแค่ 3 นาทีกับอีก 43 วินาทีทั้ง 2 คน “คอมโบ้” เกิดประตูชัยกจากการเข้าทำที่ไม่ได้พิสดารอะไร
บอลตั้งกลางสนาม เควิน เดอ บรอยน์ ได้บอลหน้าเขตโทษแทงออกซ้ายให้ กรีลิช ปาดไปที่เสาไกลและ “หยาด” แท็บอิน 3 ง่ายดาย
ผมเห็นกล้องของสนามจับภาพไปที่ มาร์ค คูคูเรญ่า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณตำหนิแบ็คหัวฟูที่วิ่งตามมาไม่สุด
แต่อย่างที่บอก เกป้า ไม่ใช่อยู่ห่างบอลหรือจังหวะไม่ได้นะแต่เป็นการเจตนาปล่อยให้บอลผ่านหน้าไปเฉยๆ
ผมดูจากภาพช้าแล้วบอลห่างแค่ศอกเดียว ตัวเองก็ปรี่ออกมาจากเส้นประตู พอคุณปล่อยเพื่อนจะไปเล่นยังไงล่ะครับ
และขอโทษไม่ใช่หนเดียวด้วยแต่ปล่อยแบบนี้อีกรอบแต่ ฮาลันด์ ชาร์ตเฉี่ยวๆบอลแป๊กไปเอง
หลังจบเกม กรีลิช ให้สัมภาษณ์เองว่าตัวเขากับ มาห์เรซ ยังคุยๆกันว่าตอนแรกนึกว่า เกป้า จะเล่นบอลก่อนด้วยซ้ำ
ครับ อาร์เซนอล คงไม่ชอบใจนักที่ ซิตี้ มาทำให้ความกดดันตึงๆหลังบีบเข้ามาเหลือ 5 แต้ม คู่นี้บี้กันเป็นหนังซีรีย์อีกยาวๆแน่นอน
ในขณะที่ เชลซี ตอนนี้นอกจากต้องหาทางตั้งหลักตั้งลำกันใหม่โดยใช้มาตรฐานในเกมกับ ซิตี้ นี่แหละ
คำถามคือจะทำได้ใกล้เคียงแค่ไหนเมื่อแรงกระตุ้น+โฟกัสในเกมใหญ่มันจะไม่เหมือนเดิม
แต่ที่น่าห่วงมากกว่าเรื่องอื่นคือปัญหานักเตะเจ็บที่ตอนนี้มากถึง 9 คนอีก 2 ก็ครบทีมแล้ว
ก็องเต้ (ต้นขา), เจมส์ (เข่า), เมนดี้ (ไหล่), โฟฟาน่า (เข่า), โบรย่า (เข่า), เมาท์ (ตึงๆ), ลอฟตัน ชีค (ข้อเท้า), สเตอร์ลิ่ง (แฮมสตริง), พูลิซิซ (ข้อเท้า)
รายชื่อที่ว่าตัวจริงเกินครึ่งทีมไปแล้ว
ตัวเลือกน้อยมากถึงขนาดที่ว่า พ็อตเตอร์ ส่ง โอบาเมยอง เล่นแทน ราฮีม ตั้งแต่ 5 นาทีแรกและทนเห็นสภาพไม่ไหวถอดออกในนาที 69
ยอมซื้อใจส่งดาวรุ่งอย่าง ฮัตชินสัน ลงมาเผื่อจะมีอะไรดีขึ้นแต่น้องเพิ่งอายุ 19 ยังเล่นแบบทรงเด็กอยู่เลยไม่ได้ทำอะไรมาก
แฟนบอลถล่ม “เสี่ยโอบา” ในโซเชี่ยลจนตัวอ้วน บางคนไล่ให้แขวนสตั๊ดด้วยซ้ำ
โอบาฯ นี่ปล่อยจอยนานแล้วนิครับตั้งแต่รับค่าเหนื่อยหลายแสนกับ อาร์เซนอล ตอนนี้ยังอยู่โลดแล่นเพราะโกยเงินช่วงดค้งสุดท้ายล้วนๆ
แต่อย่างไรก็ตามผมชอบ คาร์นี่ย์ ชุควูเมก้า และ เดนิส ซากาเรีย ที่มี skill และความนิ่งช่วยอะไรกับทีมได้เยอะส่วน มาเตโอ โควาซิช ยังแบกตรงกลางอยู่เช่นเดิม
ในสภาพขุมกำลังที่มีอยู่แบบจำกัดจำเขี่ยและปัญหาการเข้าทำที่แต่เดิมเคยเรื้อรังมาตั้งแต่ต้นซีซั่นผมถึงบอกว่า เชลซี สู้กับ ซิตี้ ได้ดีโคตรๆแค่โชคร้ายโดนวางยาจากคนกันเองซะงั้น
ครับใครต้องเจอกับ “สิงห์บลู” ช่วงนี้ถือว่าโชคดีไปเพราะผมยังมั่นใจว่าถ้าผู้เล่นทยอยคัมแบ็คกลับมา ไม่ต้องเยอะอะไรมากแค่ซัก 2-3 คนผลงานดีขึ้นแน่ๆครับ
แต่เมื่อถึงเวลานั้นผู้จัดการทีมจะใหม่หรือเก่า อันนี้ผมยังไม่ชัวร์ครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
แมนฯซิตี้ กลายเป็นเพียงทีมที่ 2 ที่สามารถเอาชนะ เชลซี ได้ 4 นัดติดในทุกรายการโดยที่เก็บคลีนชีจได้ทุกครั้ง ทีมแรกที่ทำได้คือ โบลตัน เมื่อปี 1958-1960
จอห์น สโตน กลายเป็นคนที่สัมผัสบอลมากที่สุดในสนามวันนี้ (102 ครั้ง) โดยผ่านสำเร็จ 98% (85/87), โหม่งชนะกลางอากาศ 100% (4/4) และเคลียร์บอลอีก 4 (มากที่สุดในทีม ซิตี้)
นับตั้งแต่ย้ายซบ แมนฯซิตี้ เมื่อปี 2018 ริยาด มาห์เรซ ยิง 9ประตูในฐานะตัวสำรองในพรีเมียร์ลีกมากกว่าใครหน้าไหนและขึ้นมาทาบเป็นอันดับ 3 ของสโมสรเป็นรองแค่ เชโก้ (13) และ กุน อเกวโร่ (12)
นอกจากนี้แข้งทีมชาติ อัลจีเรีย ยิงประตูที่ 40 ในลีกให้ แมนฯซิตี้ แซงหน้าสถิติเดิมที่ยิงให้ เลสเตอร์ ทีมเก่าในรายการนี้ไปแล้ว (39)
กรีลิช ทำ 3 แอสซิสต์ใน 3 เกมหลังสุดให้ ซิตี้ ซึ่งมากเป็น 2 เท่าจากเดิมที่เล่นมาก่อนหน้านี้มากถึง 34 นัดเลยทีเดียว
เชลซี ชนะแค่ 1 จาก 7 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 3 แพ้ 4) และหากเริ่มนับตั้งแต่ 19 ตุลาคมเป็นต้นมาไม่มีทีมไหนชนะน้อยเท่า “สิงห์” อีกแล้ว
ที่มา: soccersuck