บอลหนีตาย ตัดแต้มอีกหลายยก
เมื่อคืนนี้กระแสพูดถึงบอลพรีเมียร์ลีกไม่เยอะเท่าไหร่เนื่องจากบิ๊กแมทช์หนีมากองกันอยู่วันพุธกับพฤหัสกันหมด
แต่มีอยู่คู่นึงที่บีบหัวใจและเร้าอารมณ์สุดๆคือคู่ ลีดส์ ยูไนเต็ด กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงเอยด้วยการเสมอกัน 1-1
เชื่อได้ว่า “ยูงทอง” หัวใจสลายแน่นอนเพราะหมายมั่นปั้นมือว่าเกมนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรต้อง 3 แต้ม พลาดจากเป้าหมายนี้นรกถามหาแน่นอน
หลังจบเกมนี้ลูกทีมของ ฆาบี กราเซีย เตะไปแล้ว 33 นัดมีเพียงแค่ 30 แต้มอยู่อันดับ 16 เหนือ เลสเตอร์ที่เตะเท่ากันอยู่ 1 แต้ม
ปัญหาใหญ่ของ ลีดส์ คือพวกเขาดันเหลือโปรแกรมปาดเหงื่อถึง 3 จาก 5 นัด!!
3 ในนั้นคือ แมนฯซิตี้, นิวคาสเซิ่ล และ สเปอร์ส
พวกเขาเสียสูญในช่วงโค้งสุดท้ายรัวๆโดยเฉพาะเกมในบ้านที่ถูก คริสตัล พาเลซ กด 5-1 และ ลิเวอร์พูล ถล่มอีก 6-1
ก่อนหน้าเจอ “จิ้งจอก” ก็บุกไปแพ้ ฟูแล่ม 2-1 เรียกได้ว่า 4 นัดหลังสุดเก็บได้แค่ 1 แต้ม
เกมเมื่อคืนผมเห็นความเป็น “ยูงทอง” เหมือนเมื่อในอดีตแม้จะไม่สุดโต่งแต่ด้วยความที่ เลสเตอร์ เป็นทีมหนีตกชั้นและจ่อก้นมาติดๆจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่บรรยากาศความฮึกเหิมจะถูกบิ๊วด์โดยธรรมชาติ
เจ้าบ้านเกมไม่ได้เหนืออะไรแถมโชคดีที่ VAR ริบลูกยิงของ ทีเลมองส์ ที่ยิงไกลแบบโคตรสวยพุ่งเช็ดคานตรงสามเหลี่ยม
ก่อนที่พลพรรค “ยูงทอง” จะมาได้ประตูจากโอกาสหนแรกและนี่คือสิ่งที่ “จิ้งจอก” ยังแก้ไม่ได้คือแนวรับ
รู้หมือไร่ เลสเตอร์ เป็นทีมเดียวใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลยนับตั้งแต่จบศึกฟุตบอลโลก
การเสียประตูทุกนัดแน่นอนหมายความว่าคุณต้องยิงอย่างน้อยๆก็ต้องมี 2 ลูก หมดสิทธิ์ปิดสกอร์ด้วยลูกเดียว
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม 11 นัดหลังสุด เลสเตอร์ ชนะนัดเดียวและแพ้ถึง 8
ในขณะที่ ลีดส์ นอกจากรุกใช้โอกาสเปลืองพอๆกับ เลสเตอร์แล้ว แนวรับคือตัวถ่วงไม่แพ้กันจนทีมร่วงมาอยู่ใกล้โซนตกชั้นและพวกเขาออกอาการล่กตอนที่ ดีน สมิธ ตัดสินใจส่งกองหน้าคู่อย่าง เจมี่ วาร์ดี้ และ แพตสัน ดาก้า มาเพิ่มจำนวนตัวจบสกอร์ในเขตโทษนี่แหละครับ
เจ้าถิ่นเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดเพราะก่อนหน้านี้ เลสเตอร์ ขึ้นเกมริมเส้นซึ่ง ลีดส์ เอาอยู่หมัด
การเปลี่ยนมาเจาะตรงกลางเปิดแผลแนวรับของ ลีดส์ รัวๆที่ทำให้ในบ้านโดนไป 11 ลูกใน 2 เกม
หลังโดน วาร์ดี้ ตัวสำรองหลุดไปแปปั่นๆตีเสมอ 1-1 แฟนบอลทั้งสนามหน้าเครียดจัด
แถมต้องช็อกตาตั้งเมื่อ แบมฟอร์ด ยิงจ่อๆไม่กี่หลาหลุดกรอบในนาที 90 พอดิบพอดี
ครับจากการควงแขนเสมอในเกมตัดแต้มกันเองทำให้สุดสัปดาห์นี้เราอาจจะเริ่มเห็นทีมที่งานเข้าชัดเจนขึ้น
เมื่อ เลสเตอร์ (17) กับ เอฟเวอร์ตัน (18) และ บอร์นมัธ (15) กับ ลีดส์ (16) โคจรมาพบกัน
เป็นจังหวะและความบังเอิญในช่วงเวลาที่กำลังร้อนได้ที่
ตัวแปรสำคัญและอาจเป็นตัวไขปริศนาทั้งหมดคือ บอร์นมัธ ครับ
“เดอะ เชอร์รี่ส์” มีเกมที่ต้องเจอกับทีมท้ายตารางด้วยกันถึง 3 จาก 6 นัดที่เหลือคือ เซาท์แฮมป์ตัน, ลีดส์ และ เอฟเวอร์ตัน
วันพฤหัสนี้ที่ บอร์นมัธ พบ เซาท์แฮมป์ตัน จะเป็นเกมที่บรรดาท้ายตารางทีมอื่นๆอยากให้ออกเสมอกันมากที่สุด
หาก บอร์นมัธ ชนะนอกจากถีบ “นักบุญ” ร่วงไปครึ่งตัวแล้วพวกเขาสามารถวางแท็คติกส์การเล่นในการรับมือกับ ลีดส์ และ เอฟเวอร์ตัน ได้ง่ายกว่าเดิม
เช่นเดียวกับ เวสต์แฮม ที่เตะน้อยกว่าชาวบ้านคือเพิ่งเล่นไป 31 เกมก่อนเจอ ลิเวอร์พูล คืนนี้
“ขุนค้อน” เสียเปรียบทีมอื่นๆตรงที่ต้องแบ่งสมาธิไปให้รายการ คอนเฟอเรนซ์ลีก ที่ลากยาวมาถึงรอบรองชนะเลิศที่มีคิวเตะช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
จุดน่าสนใจอยู่ที่เด็กๆของ เดวิด มอยส์ นอกจากมีโปรแรกมหนักๆอย่างเจอ ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้, แมนฯยูฯ แล้วพวกเขาต้องเจอทีมหนีตายอย่าง ลีดส์ และ เลสเตอร์ ใน 2 เกมสุดท้ายของฤดูกาล
จะเห็นได้ว่าแต่ละทีมต่างมีโปรแกรมทั้งหนักและตัดแต้มกันค่อนข้างเยอะ ดังนั้นอันดับตาราง ณ ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ 100%
อย่างไรก็ตามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความกดดันในแต่ละเกม “ตึง” ขึ้นกว่าปกติแน่นอนเนื่องจากจำนวนเกมลดลงเรื่อยๆ
อีกแค่เดือนเดียวได้รู้กันว่าจะมีข่าวดังทีมใหญ่พรีเมียร์ลีกตกชั้นทีมไหนบ้าง…
ที่มา: soccersuck