“ปืน” ยืนระยะไม่ไหว แฟนหงส์นอนดึกวันพฤหัส

“ปืน” ยืนระยะไม่ไหว แฟนหงส์นอนดึกวันพฤหัส

หมดเวรหมดกรรมกันซักทีสำหรับ อาร์เซนอล หลังบุกไปแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ยกแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ แมนฯซิตี้ โดยไม่ต้องออกแรงเหนื่อย

เป็นบทสรุปอาการ “แกว่ง” ของลูกทีม มิเกล อาร์เตต้า ในช่วงโค้งสุดท้ายเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน

“ปืนใหญ่” ชนะแค่ 2 จาก 8 นัดหลังสุด ทำหกเรี่ยราดถึง 15 จาก 24 แต้ม

ครับเกมกับ “เจ้าป่า” ถือว่าโอเวอร์โหลดเกินไปสำหรับ อาร์เซนอล ที่ดาว์นเกรดตัวเองต่างจากช่วงครึ่งซีซั่นค่อนข้างเยอะ

แม้ทั้ง 2 ทีมมีเป้าหมายและมีแรงกระตุ้นก่อนลงสนามซึ่งตรงนี้ความได้เปรียบเสียเปรียบเหมือนไม่ต่างกัน

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่กำลังขาดอากาศหายใจย่อมมีการตอบสนอง “ดิ้นเอาตัวรอด” มากกว่าอีกคนที่ตามหาสมบัติมาประดับบารมี

เกมรับเต็มเหนี่ยวทั้งทีมพร้อมใส่ลูกหนักของ ฟอเรสต์ เพียงพอที่จะหยุดยั้งเกมรุกของ “ไอ้ปืนใหญ่” ที่วันนี้เน้นเอียงฝั่งขวา

ใสซื่อไม่ซับซ้อนแบบนี้เจ้าถิ่นเลยเน้นเฝ้าระวังจุดนี้เป็นพิเศษ ยิ่งความพยายามของ อาร์เซนอล ดื้อด้านต่อบอลกินพื้นที่เข้าไปเรื่อยๆ (ซึ่งน้อยนิดอยู่แล้ว) เป็นวิธีที่ดูแล้วสิ้นหวังเหลือเกิน

เพลย์เมคเกอร์ “เดอะ แบก” อย่าง โอเดการ์ด เป็นหนึ่งในนักเตะที่สติหลุดในช่วงโค้งสุดท้ายที่สุดหลังเจ้าตัวจ่ายพลาดกลางสนามดื้อๆและดันเป็นประตูที่ทำให้ทีมแพ้ทันที

ถึงแม้ประตูมีโชคหลัง กาเบรียล สไลด์แฉลบ อโวนิยี่ แต่ที่แน่ๆคืออดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล วัย 25 ปีผู้นี้ฟอร์มมาถูกที่ถูกเวลาเอามากๆ

สื่อผู้ดีวิเคราะห์ก่อนเกมพบ “ปืนใหญ่” คือ “เจ้าป่า” ลืมตาอ้าปากปล่อยให้พรี่ๆทีมใหญ่แย่งโควต้าเอาตัวรอดที่เหลือกันเองคือ “น้องออลนิว” เกมรุก

1 เดือนก่อนหน้านั้น ฟอเรสต์ เป็นทีมที่ยิงประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก วันที 17 เมษายนลูกทีม สตีฟ คูเปอร์ ยิงไปแค่ 24 ประตูจาก 31 เกม

สภาพนี้ผุพังรอวันเผาเพราะคุณยิงน้อยเท่าไหร่นั่นหมายความว่า % ชนะน้อยมากเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม 5 เกมต่อมาจู่ๆพวกเขามีเกมรุกที่คุกคามคู่แข่งขึ้นมาหน้าตาเฉยโดย 5 เกมที่ว่าจำนวนประตูที่ยิงได้คือ 3 ใน 4 จากที่ยิงได้ทั้งซีซั่น!!

ผมไปไล่ดูโปรแกรมหลัง 17 เมษายนหรือ 5 นัดที่ว่านั้นคือแพ้ ลิเวอร์พูล 3-2, ชนะ ไบรท์ตัน 3-1,แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 2-1, ชนะ เซาธ์แฮมปืตัน 4-3, เสมอ เชลซี 2-2 และล่าสุด ชนะ อาร์เซนอล 1-0

เรียกว่าพี่ยิงทุกนัดแตกเป็นแตก!!

ตอกย้ำตัวเลขเกมรุกข้างต้นคือนับตั้งแต่หายเจ็บในวันที่ 1 เมษายน อโวนิยี่ ยิงเข้ากรอบ 5 ครั้งเป็นประตูถึง 4

ในช่วงเวลาเดียวกัน มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงเข้าเป้า 12 หนแต่เปลี่ยนเประตูได้แค่ 2

ครับยินดีกับเหล่าแฟนบอล “เจ้าป่า” ที่มีอยู่น้อยนิดในเมืองไทย เกมนี้สมควรชนะจริงๆจากการทุ่มเทแรงใจแรงกาย

แม้กระทั่งท้ายเกม มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ ที่โชว์สเต็ปลากเลื้อยยิงแต่เข้ามือ แรมส์เดล ก่อนโชว์วิ่งควายไปสกัดลูกที่ทีมเยือนเล่นเร็ว

จังหวะนี้เจ้าตัวสะใจตะโกนแหกปากกับกองเชียร์เรียกเสียงเฮลั่นสนาม

ส่วนฟากฝั่งผู้พ่ายแพ้….การเดินอันทางอันยาวนานกว่า 9 เดือนของ “เป๊ปน้อย” อาร์เตต้า กลับบ้านมือเปล่าก็จริงแต่เนื้อในแง่ที่ว่านักเตะได้รับรู้ได้สัมผัสกับอาการตึงๆเมื่อเป็นจ่าฝูงและต้องเล่นบทไล่จับมันเป็นอย่างไร

248 วันคือตัวเลขที่ อาร์เซนอล ขึ้นแท่นบังลังก์จ่าฝูงแต่พวกเขากลับเป็นทีมแรกในประวัติศาตร์ลีกที่ยืน 1 อยู่นานที่สุดแต่บั้นปลายว่าวแชมป์

เชื่อว่าการเสริมนักเตะระดับ “ซีเนียร์” ที่มีประสบการณ์จะช่วยทำให้ “ปืนใหญ่” มีแรงเสียดทานมากขึ้นในฤดูกาลหน้า

และอย่างที่ผมบอกสิ่งที่จะไม่เหมือนเดิมคือผู้ท้าชิงมีมากกว่า 1 ตรงนี้คือโจทย์ที่จะยากกว่าเดิมแน่นอน

ทิ้งท้ายข้ามฟากไปยังเกมสุดท้ายที่ แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเกือบแน่นอน 99.99% แล้วว่าทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ โบกมือลาตั๋ว UCL เรียบร้อยแล้ว

การเสมอ แอสตัน วิลล่า ที่พูดได้ว่าไม่แพ้คาบ้านก็บุญหยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 7 เกม

นี่คือการเจอบททดสอบของจริงและสำหรับผมแล้ว “หงส์แดง” พ่ายแพ้ในแง่ของแท็คติกส์และรูปแบบการเล่นโดยสิ้นเชิง

นักเตะของ วิลล่า ตอบสนองวิธีการเล่นของ อูไน เอเมรี่ ได้เข้ากันมากกว่า ลิเวอร์พูล ที่พยายามจะเป็นตัวของตัวเองแต่สังขารของผู้เล่นไม่ให้เลย

“หงส์แดง” ไม่สามารถทำลายกับดักแท็คติกส์อันจีเนียสของ อูไน ที่ให้เซนเตอร์ดันสูงโดยปล่อยให้พื้นที่ข้างหน้า (กลางและแนวรุก) บีบกระชั้นเข้ามาเหลือราวๆ 3 ลายหญ้า

เป็นการบีบให้ ลิเวอร์พูล ต้องวางยาวอย่างเดียวเพราะต่อเข้ามาแทบไม่มีพื้นที่

ที่สำคัญการเข้าบอลของทีมเยือนหนักแน่นและมีประสิทธิภาพมากกว่า บอลจังหวะสองเป็นของเด็กๆ อูไน แทบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

นี่เป็นอีกเกมที่ “หงส์” ดูไม่จืดชนิดที่ว่าครึ่งแรกมีโอกาสยิงแค่ 1 หนและไม่เข้ากรอบ

หลุยส์ ดิอาซ ฝืนเล่นยากหลายจังหวะ มิติการเล่นการเอาตัวรอดจับทางง่าย เช่นเดียวกับ โม ซาลาห์ ที่อ่อนแอทำบอลลั่นตีนเงอะงะสิ้นหวัง

เทียบกับ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ของ เบรนท์ฟอร์ด ที่เตะคู่แรกคนละเรื่องเลย ความดุความ sharp ของร่างกาย

ครับเป็นการสั่งลาฤดูกาลที่ว่างเปล่าของ โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ ผู้ยิงประตูตีเสมอราวกับมคนเขียนบทให้พร้อมๆกับ เจมส์ มิลเนอร์, OX และ เกอิต้า ผอ.โรงหมอ

เห็นรายชื่อข้างต้นแล้วเป็นซีซั่นที่ JK มีตัวเลือกให้ใช้น้อยแถมไม่สามารถพลิกเกมเกม convert ให้เป็นประตูเป็นกอบเป็นกำเหมือนซีซั่นอื่นๆ

squad depth หายไปเพียบทำให้การซื้อตัวเสริมทัพซัมเมอร์นี้เหนื่อยและหนักครับ ซื้อตัวแพงๆได้ตัวสองตัวเงินไม่น่าเหลือแล้ว ตัวขายเอามาสมทบทุนแทบไม่มี

งานนี้คงต้องใช้วิชาหาตัวถูกๆนอกกระแสมาโรเตชั่นเผื่อปังเหมือน โรเบิร์ตสัน อีกซักที ไม่เช่นนั้นยืนระยะกันไม่ไหวแน่ๆครับ

สำหรับอารมณ์ของ เดอะ ค็อป หลังเสมอ วิลล่า 1-1 บ่นกันยับ ก็แน่นอนครับชนะรัวๆมาให้ความหวังแล้วจู่ๆก็เอ้าหยุดวิ่งแบบหนังในเรื่อง ฟอเรสต์ กัมพ์ ซะอย่างนั้น

นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯยูฯ คู่ควรกับ UCL ที่สุดแล้วครับ ทั้งซีซั่นสตอรี่เส้นทางและความสม่ำเสมอมันเป็นอื่นไปไม่ได้จริงๆ

ล้อเขาไว้เยอะ ถึงคิวพวกเราชาว “หงส์” นอนดึกคืนวันพฤหัสกันแล้วนะค้าบ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ฤดูกาล 2022-23 นับเป็นหนที่ 4 ที่น้องใหม่เลื่อนชั้นเอาตัวรอดได้พร้อมหน้าพร้อมตาโดยก่อนหน้านั้น 3 ครั้งย้อนกลับไป 2001-02, 2011-12 และ 2017-18

ฟอเรสต์ ครองบอลในเกมที่ชนะ อาร์เซนอล แค่ 18% เป็นตัวเลขครองบอลที่น้อยที่สุดในลีกสำหรับทีมที่ชนะ (นับตั้งแต่เก็บสถิติปี 2003-04)

เป็นครั้งแรกที่การตัดสินแชมป์ลีกที่ ซิตี้ กราว์น นับตั้งแต่ฤดูกาล 1990-91 ซึ่งเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่ ลิเวอร์พูล บุกมาแพ้ 2-1 และยกแชมป์สมัยที่ 10 ให้ อาร์เซนอล ในที่สุด

อาร์เซนอล นำจ่าฝูงในฤดูกาลนี้ 248 วันนับเป็นทีมที่นำฝูงนานที่สุดแต่วืดแชมป์ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษเลยทีเดียว

แมนฯซิตี้ เป็นทีมที่ 5 ที่คว้าแชมป์ 3 ฤดูกาลติตด่อกันโดยก่อนหน้านั้นมีทีมที่ทำได้คือ ฮัดเดอร์ฟิลด์, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และ แมนฯยูฯ (2 หน)

ลูกที่ โม ซาลาห์ แอสซิสต์ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ ตีเสมอนับเป็นครั้งที่ 25 แล้วที่ทั้งคู่ประสานงานจนเกิดประตู (ซาลาห์ 12 แอสซิสต์, บ๊อบบี้ 13) ไม่มีคู่ไหนในทีม ลิเวอร์พูล ทำได้เท่านี้อีกแล้ว

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด