พักครึ่งเปลี่ยนชีวิต ไก่ทรงโกรธรัวคัมแบ็ค

กีฬาหลายๆชนิดช่วงพักครึ่งหรือพักเซสชั่นอย่างสนุกเกอร์มักเอื้อให้ผู้เป็นรองได้ “รีเฟรช” สบโอกาสคัมแบ็คอยู่หลายหนและเป็นการเบรกฝั่งที่กำลังเครื่องติดไปในตัว

เขาถึงพูดกันว่า it’s a game of two halves ที่คุณไม่มีทางเอาชนะได้เพียงแค่การเล่นครึ่งเดียว

ครับ แมนฯยูไนเต็ด เสียหายหลายแสนที่จู่ๆ 2 แต้มหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาทั้งๆที่ ตลอด 45 นาทีข่ม สเปอร์ส มิดด้านชนิด outclass สุดๆ

แข้ง “คลับไก่” ถูกล้อมคอกตกอยู่ภายใต้การตีกินของ “ผู้คุมผี” ทั้งการเพรสแดนบนเพื่อรอเก็บกินบอลยาว

การต่อบอลทำชิ่ง one touch ที่ผู้เล่นเคลื่อนที่แทบทั้งสนาม ตรงนี้เองที่ทำให้ฝั่งเจ้าถิ่นเข้าบ้านช้ากว่า 1 จังหวะเสมอ การตัดเกมทำฟาว์ลเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ประตูแรกสายฟ้าแล่บตั้งแต่นาทีที่ 7 และ 2-0 นาทีบาป ทั้ง 2 เหตุการณ์กล้องถ่ายทอดสดตัดภาพไปที่แฟนบอลและ ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรอย่างรวดเร็วในทุกๆครั้ง

เป็นการโฟกัสและฟ้องด้วยภาพว่าบรรยากาศความเครียดของแฟน “ไก่” ณ เวลาที่ทีมสูญเสียอัตลักษณ์และขาดผู้นำดิ่งถึงขีดสุด

ตรงกันข้ามกับนักเตะ ยูไนเต็ด ที่ลงสนามเกมนี้โนสนโนแคร์ “บอลเปลี่ยนโค้ช” ใดๆทั้งสิ้น

45 นาทีแรกไม่ใช่ สเปอร์ส ที่เราเห็นไม่ใช่ สเปอร์ส ที่แฟนบอลเคยเห็น

มันคือน้องกุ๊กไก่ที่เล่นด้วยความหวั่นวิตก ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง

ยูไนเต็ด เห็นอาการที่ว่านี้ก่อนย้ำแผลไปเรื่อยๆ วิ่งเข้าใส่บีบใส่โดยเชื่อว่าบอลจังหวะ 2 คือของพวกเขาแน่ๆ

เนื่องจากเกมสวนกลับที่เป็นเครื่องมือหากินมีแค่ เคน กับ ซอน ที่ถูกรุมกินโต๊ะแทบไม่มีเวลาใดๆ ในขณะที่ ริชาร์ลิซอน ซึ่งธรรมชาติเก็บบอลไว้กับตัวเพื่อเล่นเองยิ่งทำให้เกมรับทีมเยือนตามแซะตามเก็บง่ายมาก

จากบทสัมภาษณ์ของ ซน เจ้าตัวเผยว่าครึ่งหลังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเพราะใช้ความ “โกรธ” จากที่แพ้ นิวคาสเซิ่ล 6-1 และกำลังซ้ำรอยเดิมเป็นแรงผลักดัน

คือผมเชื่อว่านักเตะทุกคนหรือทุกทีมจะมารู้สึกตั้งหลักถูกจุดติดตอนที่เกมเบรก ตั้งสมาธิเริ่มต้นฟีลลิ่งหลังเหงื่อแห้งซึ่งระหว่างที่เล่นอยู่อารมณ์พวกนี้มันไปคนละทิศคนละทาง ไม่มีโอกาสนั่งคุยเพื่อออกตัวลุยพร้อมๆกัน

แน่นอนครับ สเปอร์ส ตีไข่แตกเร็วหลังพักครึ่งแค่ 11 นาทีที่ทรงยิงงดงามมากแต่เกมนี้อาจจบได้เลยถ้าลูกสุดสวยแตะลอดดากของ บรูโน่ ไปดวลเดี่ยวกับ ฟอร์สเตอร์ 6-7 หลาเป็น miss of the season ที่ส่งผลถึงการชวด 3 แต้มไปเลย

ดูกี่ครั้งลูกนี้เหลือเชื่อมากที่ไม่เป็นสกอร์ 3-1

ประตู 2-2 หลายคนวิเคราะห์กันว่าเป็นความผิดพลาดของใคร มีทั้ง ดาบิด เด เกอา เตะขึ้นมาไม่ดีและไม่ออกมาตัดลูกที่ เคน เปิดให้ ซน รวมถึง มาลาเซีย อ่านไม่ขาดจนหลุดตำแหน่ง

เป็นบอล 3 จังหวะที่ไม่เป็นใจให้ฝั่ง ยูไนเต็ด เลยมีแต่หนเดียว

แม้ผมเคยเขียนตำหนิความเหวอของ “ลามะ” ในเกมพ่าย เซบีญ่า ใน ยูโรป้า ลีก แต่การเตะสาดขึ้นมาของ เด เกอา เป็นไปตามสูตร

ไม่มีเพื่อนลงต่ำพร้อมตั้งเกมจากหลัง มีตัวเลือกเดียวคือ มาลาเซีย (ที่มีผู้เล่นไก่ยืนพร้อมเพรส) บทเรียนนายทวารเลือด สเปน จาก แม็คไกวร์ สดๆร้อนๆ การเตะโด่งออกมาจึงเป็น basic option และ best option ในสถานการณ์นี้

ดังนั้นเพื่อนจะโหม่งแพ้หรือเก็บบอลที่ถูกสาดมาถึงครึ่งสนาม (ที่ไม่ใช่ตรงกลางเป๊ะๆด้วย) ไม่ใช่ความผิดของผู้รักษาประตูแล้วนะครับ

ส่วนคนที่บอกออกมาตัดลูกปาดของ เคน ไม่ทราบว่าอ่านการ์ตูนมากไปไหมเพราะตำแหน่งของ เคน ไม่ได้ถ่างริมเส้นเลย อยู่ในระยะที่ได้ทั้งยิงและจ่าย กระชั้นเกินไปที่ “ลามะ” จะทิ้งตำแหน่งที่เสาแรก

ต้องบอกว่าจุดที่ เคน ปาดไหลเป็นจุดตายของทั้งผู้รักษาประตูและกองหลัง กล่าวคือมุมไกล 6 หลา (ไม่ว่าจะฝั่งไหน) เป็นจุดนัดพบที่ต่อให้คนส่งหลับตาโดยไม่รู้ว่ามีเพื่อนไหม หน้าที่สุดท้ายคือตัวจบสกอร์ต้องมาให้ทัน

จะเห็นได้ว่าช่วงที่น้องไก่กำลังฮึกเหิมขึ้นมาทางพลพรรค ยูไนเต็ด ดูอ่อนแรงลงอย่างชัดเจนหลังวิ่งและเพรสในครึ่งแรกไปหลายน้ำ ทั้ง อีริคเซ่น, ซานโช่, แอนโธนี่ และ วาน บิซ ถูกทยอยเปลี่ยนออกเรียบตั้งแต่นาที 71 นู่นเลย

การลงเอยด้วยผลเสมอเป็น fair result หากมองในแง่ที่ว่าทั้งคู่เล่นยิงทีมละ 2 ลูกในแต่ละครึ่งที่ตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่าย

การแย่งโควต้า top 4 ในช่วงโค้งสุดท้ายดูตึงๆเล็กน้อยแต่ด้วยความได้เปรียบที่ “ปีศาจแดง” ถือครอง 2 เกมในมือกับอีก 6 แต้มที่นำอยู่

และต้องเตือนสติคนนอกเอาไว้ด้วยว่า สเปอร์ส ทีมอันดับ 5,​ แอสตัน วิลล่า (6) และ ลิเวอร์พูล (7) มีโปรแกรมที่ต้องตัดแต้มกันเองถึง 3 คู่

หมายความว่าจำนวนผู้ท้าชิงในช่วงคืนหมาหอนจะยิ่งน้อยเข้าไปอีกซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าในจำนวนโปรแกรมที่เหลือน้อยมากๆของคู่แข่งแค่ 5-6 เกม

ทั้ง ยูไนเต็ด หรือ นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังฮ็อตยิง 10 ลูก ใน 2 เกมคงไม่มีใครยอมปล่อยสิทธิ์ราคาแพงให้ใครง่ายๆแน่นอนครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ไม่มีนักเตะคนไหนในประวัติศาตร์พรีเมียร์ลีกที่แอสซิสต์ให้นักเตะ “คนเดิม” มากเท่า แฮร์รี่ เคน อีกแล้ว โดยหอกทีมชาติ อังกฤษ จัดให้ ซน เฮือง มิน ไปแล้ว 24 ลูก เทียบเท่า แฟร็งค์ แลมพาร์ด แอสซิสต์ให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา

“ไก่เดือยทอง” ยุติการแพ้ ยูไนเต็ด ในลีกไว้ที่ 4 นัดติดต่อกันและเป็นครั้งแรกที่ไม่แพ้นับตั้งแต่เคยเหนือชั้นบุกถล่ม “ผี” ถึง โอลด์แทรฟฟอร์ด 6-1 เมื่อปี 2020

สเปอร์ส ตามหลังคู่แข่ง 2 ลูกและไม่แพ้เป็นครั้งที่ 3 ในฤดูกาลนี้ (ชนะ บอร์นมัธ 3-2, เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 2-2) เป็นสถิติคัมแบ็คได้มากที่สุดในฤดูกาลเดียว

มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงนัดเยือน 50 ลูกให้ แมนฯยูฯ ในทุกรายการโดยมากกว่านักเตะคนอื่นๆถึง 19 ลูกนับตั้งแต่เขา debut เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016

และการยิง 1 จ่าย 1 ของ ดร. แรช ทำให้เขามีส่วนร่วมกับประตูรวมในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ทั้งสิ้น 21 ลูก (ยิง 16 จ่าย 5) มีเพียงฤดูกาล 2019-20 เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า (24)

7 แอสซิสต์ ที่ “พี่หนวด” บรูโน่ จัดในฤดูกาลนี้ส่งตรงถึง แรชฟอร์ด คนเดียวโดยมีเพียง เควิน เดอ บรอยนต์ เท่านั้นที่แอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมคนเดิมมากกว่าเขา (ฮาลันด์ 8 ลูก)

บอร์นมัธ กำลังร้อนแรงหลังชนะเกมเยือน 3 นัดติดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

นิวคาสเซิ่ล ยิง 10 ประตูจาก 2 นัดหลังสุด (ยิง สเปอร์ส 6, เอฟ 4) เป็นการยิง 2 นัดติดที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 1999 (8 v เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, 2 v ลีดส์)

คัลลัม วิลสัน เป็นดาวซัลโวสูงสุดของ นิวคาสเซิ่ล ในพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 12 ประตู (มิเกล อัลเมรอน 11) โดยมีเพียงฤดูกาล 2018-19 (14 ลูก) เท่านั้นที่ วิลสัน ยิงได้มากกว่าปีนี้

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: