ยูงเน้น “ปริมาณ” ผี จบ “คุณภาพ”
3 แต้มของ แมนฯยูไนเต็ด ในสงครามกุหลาบ “เลก 2” ในรอบ 4 วัน ทำให้ผมนึกถึงคลิปแฟน เชลซี ร่วงลงไปกองกับเพื่อนจนเป็นไวรัลเมื่อวานนี้
แฟน “สิงห์บลู” เย้ยหยันใส่แฟน เวสต์แฮม ทั้งแลบลิ้นปลิ้นตาชี้หน้าเยาะเย้ยอย่างเมามันแต่ชั่วพริบตาเจอหมัดสวนเปรี้ยงเดียวแบบไม่ทันตั้งตัว หลับกลางอากาศ
แอดที่นอน “ซาติน” เข้าทันที!!
เข้าสุภาษิตไทยพูดน้อยต่อยหนัก คิดจะออกหมัดรัวๆแต่มีแค่ปริมาณไร้คุณภาพ
ครับ ลีดส์ ยูไนเต็ด วันนี้ต่างจากเกมที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อพวกเขาไม่มีประตู “สั่งได้” แบบที่เคยยิงทั้งต้นครึ่งแรกและต้นครึ่งหลัง (แต่เกือบได้ตั้งแต่นาทีที่ 4 ในเกมนี้)
แม้จุดเด่นที่พวกเขาใช้เล่นงานทีมอื่นและ “ปีศาจแดง” ในเกมเมื่อกลางสัปดาห์ยังเข้มข้นไม่ต่างจากเดิม
ดีกรีความดุในการเข้าบอลดูโหดกว่าเดิมเมื่อมีเสียงเชียร์ในบ้าน ตรงนี้แหละครับที่ผมมองว่าชัยชนะ 2-0 แบก 3 แต้มออกจาก เอลแลนด์โร้ด ของ ยูไนเต็ด โคตรหอมหวาน
จริงๆแล้วถ้าเรามองกันดีๆ “ยูงทอง” เหมือนเป็นฝ่ายกำหนดทิศทางของเกม เป็นผู้ริมเริ่มจัดเกมรุกเหมือนที่เราเคยเห็นมาแต่โอกาสที่ได้มาส่วนใหญ่จะเน้นปริมาณแต่แทบไม่มีจังหวะเหน่งๆ
ตรงกันข้ามทีมเยือนที่เหมือนหลังพิงเชือกแต่พอโอกาสแต่ละครั้งที่ได้มาออกแนวล่อเป้าทั้งนั้น
เอาแค่ บรูโน่ คนเดียวในครึ่งแรกก็ 3 หนไม่ว่าตอน ซานโช่ ไหลมาให้ยิงแต่แป๊ก, ยิงชิพหน้าเขตโทษแต่ติดแขนผู้เล่น ลีดส์ และทดเจ็บครึ่งแรกหลุดเดี่ยวยิงติดเซฟ
เกมแรกไม่แพ้คาบ้านไล่ตามตีเสมอ 2-2 แต่การออกมาเยือนหนนี้เราจะเห็นได้ว่า แมนฯยูฯ เจียนอยู่เจียนไปโดยเฉพาะช่วงต้นครึ่งหลังที่ถูกกดและขึงเกือบข้างเดียว
การที่ ยูไนเต็ด เข็นตัวเองออกจากขุมนรกช่วงต้นครึ่งหลังได้เป็นชีวิตหลังความตายอย่างแท้จริงและต้องบอกว่าการบุกมันได้ใจพี่น้องผองเพื่อนแต่ไม่ยอมจบสกอร์เป็นเครื่องหมายการค้าของ “ยูงทอง” ที่ทำให้พวกเขาไม่ชนะใครมา 8 นัด (รวมเกมนี้ 9)
การเสียบอลเละเทะหน้าเขตโทษตัวเองหลายต่อหลายหนถ้าไม่มี ดาบิด เดเกอา ป่านนี้ “ยูงทอง” ขึ้นนำและคาดว่าน่าจะชนะไปแล้ว
แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ได้ลงสนามตามนโยบาย “โรเตชั่น” ของ เอริค เทน ฮาก กลายเป็นจุดอ่อนเพราะคิดช้าทำช้า สร้างความกังวลให้แฟนบอลที่อยู่ในสนามและหน้าจอทีวี แกไม่เหมาะกับเกมที่เจ้าบ้านเพรสไวและหนักเอาซะเลย
กว่า “ปีศาจแดง” มีโอกาสลุ้นทำประตูหนแรกในครึ่งหลังก็ปาเข้าไปนาที 60 ต้นๆ (ดาโลท์ ซัดชนคาน)
แต่เหนืออื่นใดการแก้เกมของ ETH นำมาซึ่งประตูปลดล็อกก่อนหมดเวลา 10 นาทีก่อนจะไหลรัวๆ 5 นาทีต่อมาจาก “ซูเปอร์ซับ” การ์นาโช่ ที่แข้งขาสดกว่าวิ่งแซง โรบิน คอช ที่ล้ามาเกือบ 90 นาทีแบบเห็นๆ
การส่ง มาร์ติเนซ ลงมายืนเซนเตอร์และถ่าง ชอว์ ออกมาเล่นแบ็คทำให้แข้งทีมชาติ อังกฤษ ใช้ลูกเก่งคือการครอสที่เหมาะเหม็งให้ แรชฟอร์ด โหม่งทำประตูซึ่งตลอด มาลาเซีย ทำไม่ได้ตลอด 61 นาทีที่อยู่ในสนาม
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอชม ชอว์ ที่เอาบอลจังหวะเดียวได้เนียนสุดๆแถมฉลาดใช้ตัวบังเพื่อไม่ให้ ซัมเมอร์วิลล์ ที่เข้ามาอย่างไวแย่งได้อีกต่างหาก
กระบวนการที่กินเวลา 5 วินาทีเริ่มจาก ซาบิทเซอร์ เปิดยาวมาให้และ ชอว์ เอาลงก่อนครอสปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้ทักษะและความนิ่งของแบ็คเจ้าเนื้อผู้นี้ผมคิดว่าจังหวะนี้ไม่เกิดขึ้นแน่นอน
การยกระดับฟอร์มของผู้เล่นบางคนจากเกมแรกก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ ยูไนเต็ด เอาชนะในเกมนี้คือทั้ง เฟร็ด และ เวกฮอร์สต์
คนแรกขยันและสกรีนบอลจากการบุกของแข้งเจ้าถิ่นได้ดีสุดๆจนได้ MOM ในขณะที่คนหลังซึ่งเกมเมื่อกลางสัปดาห์โดนถอดออกตั้งแต่นาที 59 เพราะแทบไม่มีส่วนร่วมใดๆ
แต่เกมนี้การลงมาล้วงบอลต่ำช่วยทำให้เกมของ “ปีศาจแดง” เชื่อมกับกลางได้ดีมากๆทั้งจังหวะพักบอลและออกต่อให้เพื่อนเติมขึ้นมา
ด้วยการเล่นลักษณะนี้ชาวดัทช์วัย 30 ปีจึงได้ 1 แอสซิสต์ จากการรับบอลจาก เฟร็ด และแปชิ่งจังหวะเดียวตรงกลางสนามให้ การ์นาโช่ หลุดยาวเข้าไปยิง
เป็นประตูที่คว้าชัยและดับฝันผู้เล่น “ยูงทอง” ที่กำลังโหมจะตีเสมอจากเวลาที่ยังเหลือๆอีกเกือบ 10 นาที (รวมทดเจ็บ)
ถึงแม้เป้าหมายลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ยูไนเต็ด ยังขอเป็นผู้ “สังเกตการณ์” แต่การพลาดของ อาร์เซนอล เมื่อวันเสาร์ทำให้แต้มยังไม่หนีไปไหนไกล (5 แต้ม) แม้เสียเปรียบที่ลงเล่นมากกว่า 2 นัด
แต่ชาเลนจ์ดังกล่าวบั้นปลายจะเป็นอย่างไรพูดได้ว่าเป็นแค่ icing on the cake ของพลพรรค “ปีศาจแดง” เพราะเป้าหมายจริงๆคือ top 4 กลับสู่เวที UCL หนีคืนวันพฤหัสให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรก…
สถิติ สถิติ สถิติ
เฟร็ด สกัดแย่งบอลจากผู้เล่น ลีดส์ ได้ถึง 8 ครั้งในเกมนี้ทำให้แข้งแซมบ้าเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 2 ปีของ พรีเมียร์ลีก ที่แท็คเกิ้ลต่อเกมสูงสุดโดยคนสุดท้ายที่ทำไว้ 8 ครั้งก่อนหน้านี้คือ ไคล์ วอล์เกอร์ ปีเตอร์ ในเกมที่ เซาธ์แฮมป์ตัน พบ ฟูแล่ม เมื่อปี 2020
อเลฮันโดร การ์นาโช มีส่วนร่วมโดยตรงกับ 4 ประตูในฐานะตัวสำรองในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ (2 ประตู 2 แอสซิสต์) เป็นตัวเลขที่มากกว่านักเตะทุกคนในลีก
มาร์คัส แรชฟอร์ด ร้อนแรงสุดๆยิงไปแล้ว 21 ประตูในทุกรายการซีซั่นนี้โดยเหลืออีกแค่ลูกเดียวจะทาบซีซั่น 2019-20 ที่ยิงได้มากถึง 22 ลูก
แรช ฟอร์มขึ้นหม้อที่สุดในบรรดาดาวยิงเพราะตั้งแต่จบบอลโลก “ดร.แรช” กดไปแล้ว 13 ประตูจากการลงสนามแค 15 เกมเท่านั้น
นักเตะที่ยิงมากที่สุดนับตั้งแต่จบบอลโลก (ลีกใหญ่)
– 13 มาร์คัส แรชฟอร์ด
– 9 เบน เยดเดอร์
– 8 เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
– 8 คาริม เบนเซม่า
– 8 อเล็กซานเดร ลากาแซตต์
ดาบิด เด เกอา สร้างสถิติใหม่เก็บคลีนชีตได้ 178 เกมเท่า “ตำนาน” ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล (ทุกรายการ) โดยคลีนชีตตลอดกาล 5 อันดับแรกของ แมนฯยูไนเต็ด ได้แก่ เด เกอา 178, ชไมเคิ่ล 178, อเล็กซ์ สเตพนีย์ 174, แกรี่ ไบลี่ 161, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ซาร์ 129
นอกจากนี้ “ลามะ” ลงเล่นให้ ยูไนเต็ด ใน “พรีเมียร์ลีก” เป็นเกมที่ 400 ตามหลังเพียงแค่สองตัวเทพอย่าง ไรอัน กิกส์ (632) และ พอล สโคลส์ (499) 2 คนเท่านั้นในรายการนี้
แมนฯยูฯ บุกมาเอาชนะ ลีดส์ ที่ เอลแลนด์โร้ด ติตต่อกันเป็นหนแรกนับตั้งแต่ตุลาคม 1976 หรือเกือบ 47 ปีที่แล้ว
ลีดส์ ยูไนเต็ด ไร้ชัยในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันนานถึง 9 เกม (เสมอ 4 แพ้ 5) เป็นตัวเลขที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่รุ่นน้าเคยทำไว้เมื่อเดือนมีนาคมถึงสิงหาคม 1997 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 10 เกม
ที่มา: soccersuck