ร้อนยิ่งกว่านรก ชั่วโมงนี้ต้องผีแดง

ยิ่งฤดูกาลนี้คืบหน้ามากไปเท่าไหร่ฟอร์มของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และผองเพื่อน แมนฯยูไนเต็ด กราฟทยานขึ้นมาแรงขึ้นเท่านั้น

“ปีศาจแดง” ร่วมโต๊ะจีนกับ อาร์เซนอล และ แมนฯซิตี้ เรียกว่าแทบจะเต็มตัวหลังเปิดบ้านถล่ม เลสเตอร์ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ไม่ใช่เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์อีกแล้วแต่ตามหลัง “จ่าฝูง” 5 แต้มเต็มและที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือฟอร์มการเล่นในแต่ละนัดดูสม่ำเสมอกว่า 2 ทีมข้างบนด้วยซ้ำ

หลังสิ้นสุดบอลโลก มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นคนที่ enjoy กับชีวิตที่สุดแล้วตอนนี้หลังเหมา 2 ลูกกระชากตัวเลขยิง 15 ตุงใน 17 เกมหลังสิ้นสุดบอลโลก

พร้อมสร้างตัวเลขสวยๆให้ “ปีศาจแดง” ชนะ 7 เสมอ 2 และแพ้ 1 ราวกับไปซุ่ม “อีดิท” ทีมมา

ไม่เกินเลยกับคำว่า กาวาบายาชิ (ตามคำแซวของผู้บรรยายทรู) หลัง ดาบิด เด เกอา เซฟลูกมหัศจรรย์ “ควักกะปิ” บนเส้น โคตรเวอร์ราวกับนั่งอ่านมังงะ

ในชัยชนะสวยๆครั้งนี้แต่เปลือกในมันมีความขมอยู่เล็กน้อยเพราะฟอร์มในครึ่งแรกของ ยูไนเต็ด ทาง เอริค เทน ฮาก ใช้คำว่าเล่นกันอย่างกาก (rubbish)และโชคดีมากที่ขึ้นนำ

งานเข้าตั้งแต่นาทีที่ 8 ช็อตแบบนี้จะมีซักกี่คนที่เซฟลูกยิงแบบมุมเปิดกว้างทั้ง 2 ฝั่งตรงบริเวณจุดโทษแต่สายตาและมืออ่านรอไว้เลย พริบตาเดียวจริงๆ เป็นวันอื่นคู่อื่นต้อง 1-0 ไปแล้ว

ตามสูตรตัวรองในตำแหน่งด่านสุดท้ายย่อมต้องมีนักแสดงนำ ซีบาสะ กับ “ดร. แรช” ที่ฟอร์มระเบิดหลุดเข้าเขตโทษเมื่อไหร่เตรียมใส่สกอร์เมื่อนั้น

อย่างไรก็ตามเกมที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด วันนี้เริ่มแรกเกือบไม่สวยเพราะหากใครนั่งชมอยู่ต้องบอกว่า “จิ้งจอก” เขามาดีเกินห้ามใจจริงๆ

เล่นจนไม่รู้ว่าทีมไหนเจ้าบ้านทีมไหนทีมเยือน ฟอร์มที่ว่านี้ผมเชื่อว่า เอริค เทน ฮาก และนักเตะรู้ดีเพราะ เลสเตอร์ 2 นัดหลังอย่างดุยิง 8 ลูกชนะทั้ง แอสตัน วิลล่า และ สเปอร์ส อย่างละ 4 เม็ด

ทีเด็ดของลูกทีมของ เบรแดน ร็อดเจอร์ส ที่ทำเอาเร้ดอาร์มี่นั่งเครียดคือสามารถเอาตัวรอดและเก็บบอลจากแดนกลางด้วยทีมเวิร์คจนนักเตะ ยูไนเต็ด ตามไม่ทันและถูกทะลวงจากกลางถึงหน้าเขตโทษอยู่หลายต่อหลายครั้ง

นอกจากหลวงพ่อ “ลามะ” ช่วยชีวิตแล้วอีกส่วนหนึ่งต้องบอกว่า เลสเตอร์ เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไม่ยอมใช้ช่วงเวลาที่เจ้าถิ่นกำลังเมาหมัดสร้างโอกาสให้เป็นประตูได้เลยซักลูกเดียว

ยิงก็ไม่ยิงแต่ดันไปแจกให้เขาดื้อๆ รับไปเต็มๆสำหรับ เวาท์ ฟาส ฮีโร่ของทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งขึ้นชื่อว่ากองหลังที่ต้องมีอะไรเหวอๆแบบนี้ให้เห็นตลอด

จ่ายให้เพื่อนใกล้ๆแต่ลั่น ตำแหน่งไลน์เซนเตอร์ดันขึ้นมาแล้วด้วย ขนมหวานสำหรับ บรูโน่ ที่ช่วงนี้เท้าช่างทองจัดแอสซิสต์ให้ แรชฟอร์ด ที่ชั่วโมงนี้ถ้าตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูแทบไม่พลาด

หลังขึ้นนำเกมเปลี่ยนไปเลยครับแต่ที่ยังเหมือนเดิมคือ “จิ้งจอก” เริ่มคลายความเกรี้ยวกราดลงมา

สวนทางกับ ยูไนเต็ด ที่ใช้การดันขึ้นสูงของเซนเตอร์ทะลวงยับโดยประตูที่ เฟร็ด แทงให้ แรช เหลือพื้นที่ให้สปีดร่วม 40 หลาเพลินๆ

ลูก 3-0 เป็นการแสดงตนและตอกย้ำว่าทีมเวิร์คของ “ปีศาจแดง” ชั่วโมงนี้กำลังร้อนได้ที่จากการเลือกเล่นง่ายๆไหล่ตามช่องของ แรชฟอร์ด ก่อนที่ ซานโช่ และ บรูโน่ โชว์คอมโบ้วันทัชแบบฉบับลูกซ้อม

จากวันที่แพ้เปิดสนาม 2 นัดติดให้ ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด แต่ ETH รีกรุ๊ปและสร้างสปิริตขึ้นมาใหม่กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้น่ากลัวที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ไปแล้ว

รีสอร์ท แอนด์ สปา ในอดีตตอนนี้ “ปีศาจแดง” ไม่แพ้ใครในบ้านมาแล้ว 17 เกม หันไปทางไหนมีแต่ความแวววาวให้หยิบจับไปหมดจริงๆครับ

ครับ performance ของ แมนฯยูฯ และการพรวดพราดขึ้นมาของ แรชฟอร์ด พูดกันตามตรงถ้าไม่มีแชมป์ติดมือซีซั่นนี้เกิดสูญญากาศทางความรู้สึกของทุกๆคนแน่นอน

ความระทึกกับการลุ้น 4 แชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้วของ เดอะ ค็อป เป็นอย่างไรตอนนี้ เร้ดอาร์มี่ ไม่ต่างกัน

ดังนั้น คาราวบาว คัพ ถ้วยที่ว่ากันว่าเล็กที่สุดแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลานี้กลับสำคัญที่สุดต่อการเส้นทางที่เหลือในฤดูกาลนี้ไปแล้วครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

ดาบิด เด เกอา เก็บคลีนชีตให้ แมนฯยูฯ เป็นเกมที่ 180 เทียบเท่า ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ตำนานของสโมสรไปเรียบร้อยแล้ว

มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงไปแล้ว 23 ประตูทุกรายการในซีซั่นนี้โดยเป็นซีซั่นที่ “พีค” ที่สุดเขา “ดร.แรช” และ 15 จาก 23 ประตูที่ทำได้เกิดขึ้นหลังจบบอลโลกอีกด้วย

“แรช” ยิงไปแล้ว 17 ประตูใน โอลด์แทรฟฟอร์ด ทุกรายการในฤดูกาล 2022-23 นับเป็นนักเตะที่ยิงมากที่สุดในบ้านต่อซีซั่นนับตั้งแต่ เวย์น รูนีย์ เคยทำได้เมื่อปี 2011-12 (19 ลูก)

แมนฯยูฯ กวาดชัยชนะในฤดูกาลนี้มากกว่าทุกทีมใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป (27 เกม) และเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว (20) พวกเขาชนะมากกว่าถึง 7 นัดโดยที่ยังเพิ่งอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ด้วยซ้ำ

บรูโน่ แฟร์นานเดส ลงตัวจริงให้ แมนฯยูฯ เกมที่ 150 ในทุกรายการโดยนับตั้งแต่ debut เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020 แข้ง โปรตุกีส ออกสตาร์ตตัวจริงมากกว่านักเตะคนอื่นๆใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปถึง 4 เกมและมากกว่านักเตะเอาท์ฟิลด์คนอื่นๆถึง 11 เกมเลยทีเดียว

“ปีศาจแดง” และ เลสเตอร์ ยิงรวมกัน 45 ครั้ง (ยูไนเต็ด 26, จิ้งจอก 19) นับเป็นการยิงมากที่สุดใน 1 เกมของพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ แมนฯยูฯ พบ เบิร์นลีย์ เมื่อเดือนตุลาคม 2016 (45 เท่ากัน)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด