ลาลีกายังมุ่งจัดเกม ‘บาร์ซ่า-ตราหมี’ แดนมะกัน
ลาลีกา ยังพยายามจัดการแข่งขันเกมคู่ระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ แอตเลติโก มาดริด ใน ไมอามี่ ในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม แต่ยังต้องมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่จำเป็นเพื่อให้แผนดังกล่าวเดินหน้าต่อไปได้ โดยแหล่งข่าวได้เผยกับ
ลีกสเปนพยายามอย่างหนักในการนำเกมดังกล่าวมาจัดที่สหรัฐอเมริกามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ก็ได้รับการคัดค้านจากสหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ฟีฟ่า และฟุตบอลสหรัฐฯ รวมถึงองค์กรต่างๆ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าปัญหาบางส่วนคลี่คลายลงแล้ว และมีความเป็นไปได้จริงที่จะนำเกมของ บาร์ซ่า กับ แอตเลติโก้ มาจัดที่สนาม ฮาร์ดร็อค สเตเดียม
Relevent Sports Group ซึ่งกำลังดำเนินการโครงการนี้ร่วมกับ ลาลีกา ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดใดๆ
แหล่งข่าวจาก FIFA ยอมรับว่า ลาลีกา และสโมสรต่างๆ กำลังดำเนินการตามแผนดังกล่าว แต่ไม่ได้แจ้งถึงรายละเอียดของผู้ดูแลในการจัดงานในครั้งนี้เข้ามา
ประธานลาลีกา ฆาเบียร์ เตบาส เคยกล่าวอยู่บ่อยครั้งว่าเขาต้องการนำเกมในฤดูกาลปกติมาลงเล่นในต่างประเทศ ขณะที่แหล่งข่าวบอกกับ
ว่าข่าวนี้ “จะไม่ถูกเปิดเผย” หากทั้งสองสโมสรไม่แสดงความสนใจที่จะมีส่วนร่วม
บาร์ซ่า และ แอตเลติโก้ เคยมีส่วนร่วมในแผนก่อนหน้านี้ที่จะจัดเกมในอเมริกา แม้ว่าเกมของ บาร์ซ่า กับกิโรน่า และ แอตเลติโก้ กับ บียาร์เรอัล จะถูกยกเลิกไปในท้ายที่สุดก็ตาม
ในเวลานั้น เป็นเพราะการต่อต้านจากหน่วยงานกีฬาหลายแห่ง แม้ว่าท่าทีขององค์กรเหล่านั้นบางแห่งจะเปลี่ยนไปหลังจากคำตัดสินของศาลในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ในเดือนเมษายน ศาลฎีกาสหรัฐอนุญาตให้ Relevent ยื่นฟ้อง FIFA และสหพันธ์ฟุตบอลสหรัฐในคดีต่อต้านการผูกขาดเกี่ยวกับนโยบายของหน่วยงานกำกับดูแลโลกที่ไม่อนุญาตให้ประเทศใดประเทศหนึ่งจัดการแข่งขันลีกที่มีทีมจากประเทศอื่นเข้าร่วม
แม้จะชนะการฟ้องร้องในครั้งนั้ย แต่ก็ยังมีคำถามอื่นๆ ที่ยังไม่มีคำตอบ สถานการณ์ของ RFEF มีความซับซ้อนที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาจะยังไม่มีประธานไปจนถึงวันที่ 16 ธันวาคม อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าคณะกรรมการบริหารชั่วคราวจะสามารถอนุมัติให้จัดการแข่งขันในต่างประเทศได้
ขณะที่ ยูฟ่า ซึ่งควบคุมดูแลฟุตบอลในยุโรปจะต้องอนุมัติแผนการดังกล่าวด้วย
โฆษกของยูฟ่ากล่าวกับ
ว่า “ยังไม่มีการติดต่อกับ ยูฟ่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระบวนการที่จะปฏิบัติตามในกรณีดังกล่าวคือต้องได้รับความยินยอมจากสโมสร RFEF สหพันธ์ฟุตบอลสหรัฐ คอนคาเคฟ และจากยูฟ่าเท่านั้น”
ที่มา: soccersuck