ลาเธอได้ซักที จิ้งจอก ณ ชปช.
ม่านรูด รูดม่านกันไปแล้วสำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 ที่ต้องบอกว่า last math day ไฮท์ไลท์ทุกสายตามุ่งไปอยู่ที่ กูดิสัน พาร์ค และ คิงพาวเวอร์ สเตเดียม
ความพีคในวันสุดท้ายของซีซั่นนี้กร่อยกว่าทุกๆปีจากการที่เราได้ตัวแชมป์ลีก, โควต้าถ้วยยุโรปตั้งแต่ก่อน kick off
เท่าที่จับกระแสแฟน ลิเวอร์พูล ต่างเอาใจช่วย บอร์นมัธ ในขณะที่แฟนบอลจำนวนไม่น้อยอยากเห็น เลสเตอร์ ซิตี้ กลับไปนับหนึ่งใหม่ที่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
สาเหตุที่ว่านี้มาจากการเมืองล้วนๆ
ประตูในนาที 57 ของ ดูคูเร่ นอกจากจะสวยหยดย้อยโคตรๆแล้วยังเป็นลูกที่ส่ง “จิ้งจอก” ตกชั้นและทำให้ เอฟเวอร์ตัน อยู่รอดเส้นยาแดงผ่าแปด
ถ้าไม่มีลูกนี้ผมนึกไม่ออกเลยว่าเจ้าถิ่นจะหาวิธีไหนทำประตูเพราะต้องไม่ลืมว่า “ท๊อฟฟี่” มีปัญหาเรื่องการทำประตูตลอดทั้งซีซั่น
มีปัญหาถึงขนาดที่ว่าในครึ่งแรกมีนักเตะพยายามหาช่องทาง “ธรรมชาติ” เผื่อฟลุ้กได้ยินเสียงนกหวีดจากกรรมการนี่เฮงทันที
อิดริสซ่า เกย์ พยายามอยู่ 2 หนที่จะเอาฟาว์ลทั้งในเขตโทษและหน้าเขตโทษ วิ่งไปขัดขาเขาวิ่งไปชนเขาและใส่แอคชั่นล้มแต่ไม่ได้ทั้ง 2 จังหวะ
เยร์รี่ มีน่า ถือโอกาสยื้อยุดฉุดกระชากในเขตโทษโดนคู่แข่งเอามือปัดคอแต่ลงไปนอนกุมที่หน้าอยู่นาน (สุดท้ายลุกขึ้นมาเขินๆ กรรมการป่าจบครึ่งแรกพอดี)
ดังนั้นพูดได้ว่าเกม “ปล่อยของ” บุกถล่ม ไบรท์ตัน 5-1 และขโมยแต้มจาก วูลฟ์แฮมป์ตัน ในนาที 90+9 ทำให้ทีมได้มาถึง 4 แต้มใน 3 เกมสุดท้ายก่อนเช็กบิล “เดอะ เชอร์รีส์” ในวันดีเดย์ทำให้พวกเขารักษาสถิติเป็น 1 ในทีมร่วมกับ อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล, แมนฯยูฯ, สเปอร์ส และ เชลซี ไม่เคยตกชั้นนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อมาใช้พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1992
ก่อนหน้าที่ประตูของ ดูคูเร่ ที่วางเท้าสายตาจ้องเขม็งตุงตาข่ายจนเสียงเฮในสนามแทบแตกบรรยากาศต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตอนเริ่มเกมแฟนบอลยังแหกปากนักเตะวิ่งไล่คึกคักแต่พอรู้ว่า เลสเตอร์ ขึ้นนำ เวสต์แฮม ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กหนุ่มนั่งก้มหน้ากุมหัว บางคนแทบจะร้องไห้
หลักๆคือรูปเกมไม่ได้เหนือกว่าและต้องขอบอกว่า บอร์นมัธ มาวันนี้ไม่ได้มาเตะให้โปรแกรมมันครบๆ
แต่เล่นราวกับว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย มีการเข้าบอลถึงลูกถึงคนแถมยังเดือดตอนอัดกันจนเกือบมีมวยอีกต่างหาก
ผมชอบบอลอังกฤษก็ตรงนี้แหละครับ ทุกคนเล่นเพื่อเสื้อสโมสรที่สวมใส่อยู่เพื่อเงินค่าตั๋วของแฟนบอล
และที่สำคัญเพื่อความเป็นมืออาชีพซึ่งพูดก็พูดนักฟุตบอลต่างมี “มูลค่า” และ pride ของตัวเองที่ผันผวนขึ้นลงตามฟอร์มและฝีเท้า
เสียดายที่ บอร์นมัธ เป็นทีมบอลเชิงและขึ้นเกมช้า การไม่เน้น direct เปิดวิ่งออกปีกโยนอะไรพวกนี้ทำให้บอลเข้าเขตโทษ เอฟเวอร์ตัน น้อยจนกองแช่งไม่ค่อยมันเท่าไหร่ (ฮา)
และที่สำคัญเพื่อความเป็นมืออาชีพซึ่งพูดก็พูดนักฟุตบอลต่างมี “มูลค่า” และ pride ของตัวเองที่ผันผวนขึ้นลงตามฟอร์มและฝีเท้า
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ บอร์นมัธ แสดงออกมานั้นทำให้ผมนึกถึง 2 เหตุการณ์ในอดีต ผมขอเล่าแบบไวๆหยาบๆ
ลิเวอร์พูล ยุค “สไปซ์บอย” ของ รอย อีแวนส์ ต้องโคจรมาพบกับ เวสต์แฮม ในช่วงท้ายๆฤดูกาล
“หงส์แดง” ลอยตัวไม่มีลุ้นอะไรแล้วแต่ “ขุนค้อน” ต้องการแต้มเพื่อหนีตกชั้น
เจมี่ เร้ดแนปป์ ต้องเล่นใน แอนฟิลด์ เจอพ่อตัวเองคือ “จ่าแฮร์รี่”
ผมจำสกอร์ไม่ได้แต่คิดว่า ลิเวอร์พูล ชนะ
หลังจบเกมสุดหล่อ เร้ดแนปป์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่ายังไงเสีย “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” เขาอยากให้ เวสต์แฮม ของพ่อเขาอยู่รอดต่อ
แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพกินเงินเดือน “หงส์แดง” เขาใส่เต็มแม็กไม่มีกั๊ก
ในขณะที่เหตุการณ์นึงเกิดขึ้นที่เมืองไทยเมื่อปี 1999 โดยเกมสุดท้ายของฤดูกาลมี 4 ทีมลุ้นแชมป์ไทยลีก
ทหารอากาศ, ท่าเรือ, โอสถสภา และ เทโร มี 36 แต้มเท่ากัน
อย่างไรก็ตามทหารอากาศเสียเปรียบชาวบ้านชาวช่องตรงที่ว่าประตูได้เสีย +แค่ 6 ส่วนทีมที่จ่อคว้าแชมป์ถ้านัดสุดท้ายชนะเหมือนกันหมดคือ “ท่าเรือ” ที่ทำบุญไว้ดีมี +12 ส่วนเทโรฯ +11 และ โอสถฯ +9
ดูทรงแล้วมันไม่น่าจะมีอะไร ท่าเรือขยี้ 5-2 เพิ่มประตูได้เสียเป็น +15 แต่ช้าก่อนมันคือกับดัก!!
ทหารอากาศหัวหมอพยายามคิกออฟให้ช้ากว่าสนามท่าเรือเพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองต้องยิงกี่ลูก สรุปแล้วช้ากว่าร่วม 10 นาที
เอ๊ะ “ต้องยิงกี่ลูก” ใช่ครับประตูสามารถสั่งได้!!
สืบเนื่องจากคู่แข่งที่พวกเขาเจอคือไดสตาร์กรุงเทพ (ธนาคารพณิชยการ) ซึ่งตกชั้นไปแล้วแถมมี ชลอ หงส์ขจร เฮดโค้ชเป็นเด็กเก่าของทอ.และเพื่อนซี้ ปิยพงษ์ ซึ่งเป็นกุนซือของทหารอากาศ
สรุปแล้ว ทหารอากาศ ชนะ 10-0 แถม 3 จาก 10 ลูกเป็นการยิงท้ายเกมหลังสกอร์ที่สนามท่าเรือ
พีคในพีคคือหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกมนักเตะไดสตาร์ฯเข้ามาแสดงความยินดีออกหน้าออกตาไม่เก็บทรงเลยพ่อคู๊นนน
มองจากนอกโลกก็รู้ว่าไม่โปร่งใสก่อนมีผู้เกี่ยวข้องถูกลงโทษแต่ทหารอากาศรอดตัวเพราะไม่มีหลักฐานเอาผิดก่อนได้แชมป์และได้เงินรางวัลไป 2 ล้านบาท
ข้อมูลขอบคุณพันทิพครับ ถุย!!
กลับมาที่พรีเมียร์ลีก การรอดตกชั้นของ เอฟเวอร์ตัน ถือเป็นเสียงสวรรค์อย่างแท้จริงสำหรับทีมถังแตกที่อยู่ในระหว่างการสร้างสนามใหม่
ล่าสุดข่าวดีก่อนลงเล่นเกมนี้คือสโมสรได้รับไฟเขียวให้หาเงินทุนเพิ่มเพื่อเดินหน้าสร้างสนามมูลค่า 450 ล้านปอนด์ให้แล้วเสร็จ
แต่ที่ต้องตามข่าวกันต่อไปคือในเมื่อพวกเขารอดตกชั้นสำเร็จแล้วอาจยังไม่จบง่ายๆเพราะอย่างที่ทราบกันก่อนหน้านี้ทีมอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน, เลสเตอร์ และ ลีดส์รวมถึง ฟอเรสต์ และ เบิร์นลีย์ ตั้งท่าจะรุมฟ้องเป็นเงินกว่า 300 ล้านปอนด์
เบิร์นลีย์ ได้ตั๋วกลับพรีเมียร์ก็จริงแต่พวกเขาเป็นเหยื่อที่ต้องตกชั้นซีซั่นก่อนเพราะ “ท๊อฟฟี่” ไม่ทำตามกฏพวกเขาจึงขาดรายได้และจำเป็นต้องหาเงินใช้หนี้กว่า 65 ล้านปอนด์เร็วกว่าเดิม
เอฟเวอร์ตัน ทำผิดกฏการเงินด้วยการขาดทุนมากถึง 372 ล้านปอนด์ในระยะเวลา 3 ปีซึ่งพรีเมียร์ลีกกำหนดเพดานขั้นต่ำเอาไว้แค่ที่ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์เท่านั้น
ว่ากันว่า “นักบุญ” ที่ร่วงทีมแรกจ่อฟ้องขอเงินชดเชย 100 ล้านปอนด์
จริงๆแล้วพรีเมียร์ลีกตั้งข้อหา เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนมีนาคมซึ่งโทษคือตัดแต้ม นั่นหมายความว่า “ท๊อฟฟี่” ควรตกชั้นแทน เลสเตอร์
อย่างไรก็ตามกระบวนการตัดสินจากที่พรีเมียร์มั่นใจว่าจะเสร็จก่อนปิดซีซั่นสุดท้ายแล้วยังไม่คืบหน้าทำให้อาจยกยอดไปตัดแต้มซีซั่นหน้าและชดใช้เงินทีมที่ยื่นฟ้องร้อง อันนี้ไม่ชัวร์ครับต้องตามข่าวกันต่อไป
ด้วยความที่ช่องว่างรายได้ตอนอยู่พรีเมียร์ลีกห่างกันเยอะมากทั้ง เลสเตอร์ ซิตี้, ลีดส์ และ เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องปรับโครงสร้างกันขนานใหญ่
มีการคำนวณแล้วว่าทีมที่เล่นในชปช. มีรายได้ทั้งค่าลิขสิทธิ์, ตั๋วเข้าชมและอื่นๆต่อทีมประมาณ 28-30 ล้านปอนด์แต่พรีเมียร์ลีกสูงถึง 225 ล้านปอนด์ ห่างกันกว่า 200 ล้านปอนด์ บ้าไปแล้ว!!
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ เลสเตอร์ ออกตัวก่อนหน้านี้ว่าต้องหั่นค่าเหนื่อยนักเตะลง 35-50% ตามกำลังทรัพย์ที่มี
แต่ด้วยความที่ฟุตบอลอังกฤษมีการวางโครงสร้างมานานและเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่รัฐบาลส่งเสริม พวกเขาจึงมีแผนรองรับเพื่อไม่ให้เกิดการล้มหายตายจากไปง่ายๆ
ไม่ใช่ทีมที่ตกชั้นจะสามารถปรับตัวหรือหาวิธีรับมือได้ทันที นั่นคือเหตุผลว่าพรีเมียร์ลีกมีเงิน “อุดหนุน” หรือ Parachute payments
Parachute แปลตรงตัวคือร่มชูชีพ เป็นเงินช่วยเหลือพยุงชีวิตไปอีก 3 ปี (เปลี่ยนกฏจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ 4 ปี)
คือจะได้รับเงินส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ในปีแรก 55%, ปีต่อมา 45% และปีสุดท้ายอีก 20%
โดยในระหว่าง 3 ปีนี้ทีมที่ตกชั้นดันเก่งเลื่อนชั้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกจะไม่ได้รับเงินส่วนนี้ ก็แน่ล่ะโกยเงินเต็มๆร่วม 200 กว่าล้านปอนด์อยู่แล้วนิ
นอกจากเงินพวกนี้แล้วพรีเมียร์ลีกยังมีเงินที่เรียกว่า Solidarity payments ที่เป็นเงินรายได้จาก 20 ทีมในพรีเมียร์ลีกแชร์กันเพื่อช่วยเหลือทีมลีกล่างๆ
สโมสรจากชปช.ได้รับทีมละ 2.3 ล้านปอนด์ต่อปี, ลีกวันได้ 360,000,ลีกทู 240,000
จริงๆมีรายละเอียดตัวเลขที่ขยับตามจำนวน % ของเงิน Parachute แต่เอาแค่นี้ก่อน
สำหรับ “จิ้งจอก” เป็นการเดินเกมที่ผิดพลาดหลายอย่าง สโมสรดิ่งจากจุดสูงสุดไวมากหากเปรียบเทียบกับระยะเวลา 6-7 ปีที่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2015-16 และเมื่อ 2 ปีก่อนกับแชมป์เอฟเอ คัพ 2020-21
ด้วยปัญหาการเงินทำให้พวกเขาสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดกฏการเงินทำให้ไม่มีงบให้ เบรนเดน ร็อดเจอร์ส เสริมทัพเมื่อเดือนมกราคม 2022
ผลงานของบีร็อดไม่เวิร์คอย่างแรงแต่บอร์ดบริหารยื้อเอาไว้นานเกินไปก่อนมาไล่ออกเมื่อเดือนเมษายน
การสร้างสนามซ้อมมูลค่า 95 ล้านปอนด์ไม่ได้สร้าง impact ใดๆหลังมีนักเตะคนนึง (ไม่ประสงค์ออกนาม) ตราหน้าว่าเหมือน “แคมป์วันหยุด” ที่นักเตะเจ็บมาออกรอบตีกอล์ฟที่อยู่ข้างๆกัน
การดำเนินงานที่ขาดความเอาใจใส่ที่ปล่อยให้มีนักเตะมากถึง 7 คนหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้ แถม เจมส์ แมดดิสัน และ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ อาจถูกกดราคาหากขายทิ้งในสถานการณ์จำใจที่ว่านี้อีก
ในขณะเดียวกันว่ากันว่าในห้องแต่งตัวมีการเล่นบท “3 ก๊ก” แบ่งฝักแบ่งฝ่ายที่เริ่มชัดเจนสุดๆก็ตอนที่ ดีน สมิธ เข้ามาคุมทีมเกมแรกบุกไปแพ้ แมนฯซิตี้ 3-1
นอกจากนี้อนาคตไม่ใกล้ไม่ไกลสิ่งที่อาจเข้ามาสั่นคลอนธุรกิจ “เสือนอนกิน” การผูกขาด duty free อาจมาถึงจุดจบ
ถึงแม้คิงพาวเวอร์ชนะประมูลที่สนามบินสุวรรณภูมิและได้สิทธิ์บริหารต่ออีก 10 ปีซึ่งจะยาวนานไปจนถึงปี 2574
แต่ด้วยความที่ duty free มีรายเดียวไม่มีการแข่งขันซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน
อย่างในเกาหลีใต้มีการให้สัมปทานกับเอกชนหลายรายและแยกประเภทสินค้ารวม 12 สัญญา ส่งผลทำให้เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือดกระตุ้นยอดขายต่อหัวสูงกว่าในไทย 5.5 เท่า
ครับปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ ปัจจุบันกระแสความ “เท่าเทียม” และ “โปร่งใส” ในประเทศไทยภายใต้ของพลังคนรุ่นใหม่กำลังท้าทายการ “ฟาร์ม” เงินของคิง พาวเวอร์ครั้งใหญ่
มันจะเกิดขึ้นวันไหนตอนไหนเราก็ไม่ทราบแต่ถ้าจะบอกว่านี่คือการต่อสู้หนีตกชั้นของ เลสเตอร์ นอกสนามก็ไม่ผิดนัก…
ที่มา: soccersuck