วิลล่าล้มแชมป์/รองแชมป์ ผี “วนลูป” เกมรับโคตรง่อย

วิลล่าล้มแชมป์/รองแชมป์ ผี “วนลูป” เกมรับโคตรง่อย

ถ้าเทียบกับ แมนฯซิตี้ ที่มีโอกาสทั้งเกมแค่ 2 หนในขณะที่ อาร์เซนอล มีมากมายล้นๆถึง 12 ครั้งแต่ไม่ได้ซักลูกแล้วจะไปโทษใครได้ล่ะครับ

เป็นโอกาสที่มาจากทั้งการ build up เองและ แอสตัน วิลล่า พลาดมาให้และแน่นอน “เรือใบ” ไม่ได้อะไรแบบนี้เลย

ครับต้องยอมรับอย่างนึงด้วยว่าจากการล้ม “แชมป์เก่า” ในเกมที่แล้ว ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ชั่วโมงนี้ความมั่นใจเต็มเปี่ยมจริงๆ

แต่ในความรู้สึกผมมันกลับเป็นดาบ 2 คมทำให้เจ้าถิ่นคึกคะนองและเล่นเสี่ยงมากเกินความจำเป็นไปหน่อย

ยังดีที่ “ปืนใหญ่” ไม่สามารถฉกฉวยความได้เปรียบเอาไว้ไดเลยและต้องแพ้ด้วยประตูโทนตั้งแต่นาทีที่ 7 ซึ่งเป็นโอกาสแรกบุกครั้งแรกเข้ากรอบครั้งแรกของ “สิงห์ผยอง”

เป็นการบุกที่มาจาก teamwork ล้วนๆ เป็นประตูที่นอกจากจะเพิ่มความมั่นใจแล้วยังสามารถเลือกเล่นรอสวนที่เกือบได้ผลหลายหนในเกมนี้ด้วย

ในระหว่างที่ “ปืนใหญ่” เริ่มโหมบุกนัก วิลล่า งัดลูกหนักมาเบรกเกมจนทีมเยือนดิ้นพล่านไปหลายคน

นอกจากนี้มีโมเมนท์ที่ วิลล่า งัดแท็คติกส์หากินคือดันไลน์สูงเกือบถึงครึ่งสนามยั่วให้ “ปืนใหญ่” วางยาววิ่งแข่งแต่คนส่งและจ่ายวันนี้ไม่คลิกกันซักลูก

จุดโชคร้ายสุดๆของ อาร์​เซนอล ที่ทำเอานอนไม่หลับคือถูก VAR ริบจังหวะที่เป็นเกมอื่นจุดโทษได้ไปแล้วแน่นอน

ไม่รู้ วิลล่า ทำบุญมาด้วยอะไรเมื่อ ดั๊กกลาส ลุยซ์ ที่เหลี่ยมบอลเป็นรองแล้ว (ต้องหมุนตัวหันหลังเล่น) ในขณะที่ เชซุส หันหน้าเล่นและถึงบอลก่อน

แต่ ลุยซ์ หวดช้อนข้อเท้าเต็มๆและที่น่าตกใจคือผู้ตัดสิน แจร์เรด จิลเลตต์ ปล่อยให้เล่นต่อรวมถึง VAR ยืนยันว่าไม่ฟาว์ล

เอาจริงดิ่!?

นี่คือการเสี่ยงโชค power ball ครับ ใครดวงดีก็รับประโยชน์ไป วันไหนเจอผู้ตัดสินและทีมงานในห้องแอร์วิจารณญาณต่ำหน่อยก็จะได้อะไรแบบนี้ไป

ในทวิตเตอร์มีการเปรียบเทียบจังหวะที่ ควอนซ่าห์ เตะ มาเตต้า จนเสียจุดโทษซึ่งจังหวะเกมที่ เซลเฮิร์ตพาร์ค กลายเป็น soft ไปเลย แถมฝั่ง พาเลซ ยังไม่แน่ด้วยว่าจะได้ครองบอลด้วยไหมเพราะบอลที่แตะยาวและย้อนห่างจากหน้าประตู

ดวงคนจะแพ้ขนาด มาร์ติเนซ ปัดบอลไปโดนหลัง วัตกินส์ กำลังจะเข้าประตูก็ยังจะไปแม่นเสาก่อนนัวเนียบนเส้น รอดหน้าตาเฉย

ที่ผมนึกว่ายังไงก็หายคือจังหวะท้ายๆครึ่งแรกที่ เชซุส เขี่ยบอลตั้งให้ โอเดการ์ด วิ่งมายิงแต่กัปตันดันแต่งบอลเสียจังหวะไปเองจนกระทั่งยิงไปเข้ามือ มาร์ติเนซ ที่พุ่งไปดักรอ ถ้าวิ่งยิงตั้งแต่จังหวะแรกผมว่าผู้รักษาประตูเดามุมยากกว่าเยอะ

ครับในเมื่อฟ้าเป็นใจให้ประตูเดียวของเกมนี้เป็น วิลล่า ที่ชนะทำให้ชนะรวดในบ้าน 15 เกมติดเป็นหนแรกในรอบ 149 ปีของสโมสร

รวมถึง อูไน เอเมรี่ ออร่าจับสุดๆติด top 5 ผู้จัดการทีมที่ชนะในบ้าน 15 เกม คนที่เหลือจะเป็นใครอ่านได้จากสถิติข้างล่างครับ

จากผลงานชนะทั้งแชมป์เก่าและรองแชมป์เก่า 2 เกมติดส่งผลทำให้ วิลล่า เกาะที่ 3 แน่นเข้าไปอีก

และหากยังจี้ “จ่าฝูง” ใน range ที่ 2 แต้มต่อไปเรื่อยๆก็พร้อมเป็นตาอยู่เสียบได้ตลอดเวลา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงหน้าใหม่เจอโปรแกรมสุดโหดคือเจอ แมนฯยูฯ, อาร์เซนอล และ นิวคาสเซิ่ล แทบจะเรียงหน้าติดกันมาเลย (มี เบิร์นลีย์ คั่นก่อนเจอนิว)

น่าสนใจตรงที่ว่า วิลล่า จะยืนระยะเมื่ออยู่บนที่สูงได้นานแค่ไหนหรือจะลงเอยแบบ สเปอร์ส ซึ่ง ลิเวอร์พูล, แมนฯซิตี้ และ อาร์เซนอล ยังดีกว่าในจุดนี้

นั่นเป็นเรื่องของทีมหัวตารางที่ตอนนี้กำลังทะเลาะตบตีในระหว่างที่ แมนฯซิตี้ กำลังรอแสดงตัวเป็น “เจ้าที่” แต่ที่กำลัง “ว้าวุ่น” สุดๆคือความพ่ายแพ้คา โอลด์แทรฟฟอร์ดของ แมนฯยูฯ ต่อ บอร์นมัธ ถึง 3-0 ไม่มีอะไรเลวร้ายและหดหู่เท่านี้อีกแล้วครับท่านผู้ชม

จริงๆมันเกือบเละเป็นขี้ 4-0 ด้วยนะครับถ้า VAR ไม่จับแฮนด์บอลที่จุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาดของ แม็คไกวร์

ซึ่งเป็นบทสรุปความพ่ายแพ้แบบหมดรูปของ “ปีศาจแดง” ที่ทำตัวเองทั้งนั้น

ไม่ว่าจะลูก 1-0 ที่โดนตั้งแต่นาทีที่ 5 จากจังหวะ แม็คโทมิเนย์ รอบอลจนถูกเขาฉกไปง่ายๆ

ส่วน 2-0 ลุค ชอว์ หยอดบอลสุ่มเสี่ยงโดนตัดทีเดียวเป็นเรื่องเลย แสดงถึงความอ่อนด๋อยในเกมรับที่สกรีนหรือเบรกจังหวะบุกครั้งนี้ของ บอร์นมัธ ไม่ได้เลย

ในขณะที่เตะมุม 3-0 ยอมรับสภาพกันไปครับว่าเกมรับตอนนี้คุมตัวมั่วซั่วไปหมดให้เขาขึ้นเทคคนเดียวโล่งๆง่ายๆเสียอย่างนั้น

นอกจากความห่วยของ ยูไนเต็ด แล้วต้องอย่าลืมหันมาชม บอร์นมัธ ของ อันโดนี่ อิราโอล่า กันด้วยนะครับ

เพราะตั้งแต่แพ้ แมนฯซิตี้ 6-1 เมื่อต้นเดือนพย. พวกเขาชนะ 4 จาก 5 เกมหลังสุดและไม่แพ้ใคร ชนะทั้ง นิวคาสเซิ่ล, เสมอ แอสตัน วิลล่า

ดูเหมือน “เดอะ เชอร์รีส์” สนุกกับการเล่นนอกบ้านที่ชนะมากกว่าในบ้านไปแล้วด้วย

พื้นฐานเล่นนอกบ้านดีต้องทีมเวิร์คสวนกลับปังๆเป็นงานนะครับ ถ้าไม่เป๊ะจริงโดนเจ้าถิ่นฆ่าตายหมด

โดมินิต โซลันกี้ ไม่น่าอยู่รอดถึงซัมเมอร์นี้ครับ บอร์นมัธ ดูท่าจะ “เล็ก” เกินไปแล้ว พัฒนาดีขึ้นมาหลายปี เตะตาสุดๆก็ซีซั่นนี้ พักบอลแน่นอนมาก มีความเข้าใจเกมสูง ออกบอลง่าย เป็นคีย์หลักที่ทำให้จังหวะสวนกลับของ บอร์นมัธ สร้างปัญหาเวลาออกนอกบ้านได้ตลอด

ครับ “ลูป” ของ แมนฯยูฯ วนรอบตัวเองไปเรื่อยๆดังเช่น เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์ว่าทีมของเขาขาดความสม่ำเสมอเอามากๆ

การแพ้ทีมเล็กๆอย่าง บอร์นมัธ ในบ้านตัวเองถึง 3-0 เป็นอะไรที่ขายขี้หน้าสุดๆ ระดับทีมอย่าง ยูไนเต็ด รับไม่ได้อย่างแรง

ผมเชื่อเรื่องการจัดตัวการวางตำแหน่งเป็นเรื่องที่ผู้จัดการทีมควรรับผิดชอบแต่ที่ ETH ไม่สามารถควบคุมได้คือความสม่ำเสมอความกระหายของผู้เล่นที่ไฮและโลว์มันสวิงมากเกินไปนี่แหละครับ

เกมเจอ เชลซี ลูกทีมเล่นอย่างเนียนวิ่งเป็นม้า หิวชัยชนะสุดๆ เล่นแบบไม่มีกลัวอะไรทั้งสิ้นแต่นี่อะไรป้อแป้เหมือนเพิ่งล้อมวงไปเติมของมากันทั้งทีม

หรืออาจเป็นสมมุติฐานที่ว่าต้องรอเกมใหญ่เพื่อให้นักฟุตบอลสร้าง “แรงจูงใจ” และเกิด “แรงกระตุ้น” ธรรมชาติด้วยตัวเอง?

แล้วนี่ 2 เกมต่อไปทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ ลิเวอร์พูล ถ้าแรงจูงใจหรือแรงกระตุ้นมันไม่ช่วยอะไรแล้ว ETH จะไปต่ออย่างไรผมยังนึกภาพไม่ออกเลย…

สถิติ สถิติ สถิติ

แอสตัน วิลล่า ได้ 35+ แต้มหลังเล่นไป 16 เกมในลีกสูงสุดเป็นหนที่ 5 ของสโมสร (นับระบบชนะได้ 3 แต้ม) โดยผลงาน 5 ครั้งที่ว่าหลังจบซีซั่นมีดังนี้

1898-99 – ได้แชมป์

1899-00 – ได้แชมป์

1910-11 – ที่ 2

1980-81 – ได้แชมป์

มีการเข้าเสียบกันในเกมนี้มากถึง 63 ครั้งโดยแบ่งเป็น วิลล่า (32) vs อาร์เซนอล (31) นับเป็นตัวเลขสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และเป็นเกมแรกที่มีการเข้าบอลมากถึง 30+ นับตั้งแต่ สเปอร์ส พบ คริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนกันยายน 2015

แอสตัน วิลล่า ชนะในบ้าน 15 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

อูไน เอเมรี่ เป็นผู้จัดการทีมตนที่ 5 ที่ชนะ 15 เกมในบ้านติดต่อกันโดยอีก 4 คนที่เหลือล้วนเข้าป้ายคว้าแชมป์ลีกได้ทั้งหมเไม่ว่าจะเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, โรแบร์โต้ มันชินี่, เยอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาดิโอล่า

นอกจากนี้ “โลกิ” ชนะเกมในลีก 26 จาก 41 เกมในการคุม วิลล่า (เสมอ 6 แพ้ 9) ซึ่งดีกว่าสมัยคุม อาร์เซนอล 51 เกมที่มีสถิติอยู่ที่ชนะ 23 เสมอ 13 แพ้ 13

“สิงห์ผยอง” กลายเป็นทีมที่ 4 ที่เล่นกับ “แชมป์” และ “รองแชมป์” 2 เกมติดและสามารถเอาชนะได้ทั้งหมดโดยอีก 3 ทีมที่เคยทำได้คือ ลิเวอร์พูล ปี 2000, เซาธ์แฮมป์ตัน 2001 และ แมนฯยูฯ 2002

อาร์เซนอล พลิกกลับมาชนะได้แค่ 1 จาก 21 เกมหลังสุดหากตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก (เสมอ 4 แพ้ 16) โดยที่น่าตลกคือ 1 เกมที่ชนะมาจากการบุกมาโค่น แอสตัน วิลล่า 4-2 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (ตามหลังพักครึ่ง 1-2)

ลีออน ไบลีย์ ยิงประตูหรือแอสซิสต์ใน 7 เกมพรีเมียร์หลังสุดที่ วิลล่า ปาร์ค (4 ประตู, 4 แอสซิสต์) แม้ว่าใน 7 เกมที่ว่านั้นได้ประเดิมตัวจริงเพียงแค่ 3 เท่านั้นเอง

บูกาโย่ ซาก้า เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดลำดับที่ 5 ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครบ 150 เกม

– เวย์น รูนีย์ (21 ปี 67 วัน)

– เชสก์ ฟาเบรกัส (21 ปี 210 วัน)

– เจมส์ มิลเนอร์ (21 ปี 310 วัน)

– ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (22 ปี 87 วัน)

– บูกาโย่ ซาก้า (22 ปี 95 วัน)

นับเป็นหนแรกที่ แมนฯยูฯ แพ้เกมพรีเมียร์ลีกในบ้าน 3+ ลูกกับทีมที่อยู่ครึ่งร่างตาราง

ในฤดูกาลนี้มีเพียง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (7) เท่านั้นที่โดนคู่ต่อสู้ยิงเปิดหัวในพรีเมียร์ลีกมากกว่า แมนฯยูฯ (6)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด