สงสารแฟนบอล “หงส์” เหลือแต่ชื่อ
นับถือใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล ในเมืองไทยทุกคนจริงๆครับที่ดูใจทีมรักเสมอกับ คริสตัล พาเลซ จนถึงเกือบตี 5
ตัวผมอ่ะไม่เท่าไหร่ ดูเพราะมันคืองานแต่สำหรับคนที่ดูเพื่อสันทนาการในวันเสาร์ที่ควร kick off เวลาปกติ 4 ทุ่มหรือ 5 ทุ่มโคตรน่าสงสาร
สิ่งแรกที่สโมสรควรทำ (ที่ไม่มีทางเกิดขึ้น) คือกล่าวขอโทษและคืนเงินให้ เดอะ ค็อป ที่เดินทางจาก เมอร์ซีย์ไซด์ มา ลอนดอน เกือบ 360 กิโลเมตร
แฟนบอลเหล่านี้ใช้เวลาไปกลับรวม 8 ชั่วโมง คิดดูว่าหดหู่แค่ไหนกับการได้เห็นเกมบัดซบที่กว่าจะจบล่อไปเกือบ 4 ทุ่มที่ อังกฤษ
คำว่า “บัดซบ” ถือว่าเบาและให้เกียรติสุดๆแล้วเมื่อเทียบกับสิ่งที่นักเตะ “หงส์แดง” ทำเอาไว้ที่ เซลเฮิร์สปาร์ค
เราไม่ต้องไปลงลึกถึงแท็คติกส์, วิธีการเล่น หรือความใจสู้อะไรให้เสียเวลา แค่เรื่องง่ายๆอย่างพื้นฐานการจ่ายบอลและความนิ่งกับบอลโดยที่ไม่มีใครมากดดันยังทำไม่ได้
แล้วคุณจะไปคิดถึงเรื่องยิงประตูหรือเอาชนะชาวบ้านชาวช่องได้ยังไงครับ?
ไม่น่าเชื่อว่านี่คือฟุตบอลอาชีพในลีกสูงสุดของ อังกฤษ
ความห่วยของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้
เคยดูพวกทีมท้ายตารางอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน, ลีดส์, เอฟเวอร์ตัน เล่น มันยังไม่ออกมาทรงนี้เลยนะ
คุณภาพการเล่นที่เราได้ดูได้เห็นกันเมื่อคืนเหมือนมีซักสโมสรตัดสินใจ “ยุบทีม” และ “หงส์แดง” จับได้กล่องสุ่มขึ้นชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกโดยอัตโนมัติ
เกมนี้บรรเทิงตั้งแต่ครึ่งแรก มาติ๊ป และ เทรนต์ คอมโบ้ฝั่งขวา “หายนะ” ผลัดกับทำเสียแทบทุกจังหวะโดยเฉพาะหน้าเขตโทษ
ทุกๆครั้งที่ 2 คนนี้ได้บอลทำให้เรารู้สึกถึงความสะพรึงดูด้วยความอึดอัดใจ บอลอยู่กับตัวไม่มีใครมากดดันยังจะจ่ายเสียแต่ก็ขยันตั้งเกมจากหน้าประตูให้มานั่งเครียดกันทั้งเกม
ส่วนแดนกลาง นาบี้ เกอิต้า หมดสภาพ ทั้งช้าและเสียอย่างบ่อย ทำฟาว์ลเตะเขาแบบไม่มีทรงจนสุ่มเสี่ยงถูกเหลืองที่ 2 ก่อนถูกถอดออกในครึ่งหลัง
เคราะห์ดีของ ลิเวอร์พูล ที่เกมนี้เก็บคลีนชีตแบบงงๆเพราะสภาพทีม พาเลซ มีปัญหาเกมรุกอย่างหนัก ยิงได้แค่ 4 ลูกจาก 7 นัดหลังสุด
นึกภาพไม่ออกถ้าวันนี้ ปาทริค วิเอร่า มี วิลเฟร็ด ซาฮา อยู่ในสนามจะเกิดอะไรขึ้นกับทีมเยือนบ้าง
สถานการณ์ของ พาเลซ กับ “ปั๊ด” ตึงๆมานานละครับ 7 นัดไม่ชนะใครเน้นหนักไปทางเสมอ ครั้งสุดท้ายที่เก็บ 3 แต้มนู่นเลยครับเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
แต่ “หงส์” กลับลากตัวเองให้ห่วยกว่า พาเลซ และผมเชื่อว่าแฟนบอลเจ้าถิ่นเองน่าจะตกใจด้วยที่ได้มาเห็นคุณภาพฟุตบอลกากๆอะไรแบบนี้
ความอ่อนด๋อยของ “หงส์” ลุกลามไปถึงลูกฟรีคิกหลัง เฮนเดอร์สัน ไม่รู้คิดอะไรเลือกยืนขวาสุดของกำแพงที่เป็น “มุม” ของคนยิงเท้าขวา (TAA) กลายเป็นสกัดวิถีบอล เพื่อนร่วมทีมทุกคนกุมหัวเสียดายเพราะวิถีบอลเข้าแน่ๆ ทั้งตรงกรอบและผู้รักษาประตูยืนขาตาย
อีกจุดที่ตอกย้ำความเป็นทีมดาดๆของ ลิเวอร์พูล คือปกติเจอกัน พาเลซ จะ “กลัว” ทีมของ JK เอามากๆ สถิติแพ้ที่นี่ต่อ “หงส์แดง” 7 นัดติดและโดนยิง 22 ลูกเป็นตัวเลขที่ฟ้องอยู่โทนโท่
จากที่เคยไปตั้งรับในเขตโทษทั้งทีมและรอสวนกลับแต่ขอโทษ วิเอร่า ทำการบ้านมาดีเลือกเพรสตั้งแต่หน้าปากประตูซึ่ง พาเลซ แทบไม่เคยใช้วิธีนี้กับทีมไหนเป็นกิจลักษณะมาก่อนในชีวิต
แต่พวกเขาเชื่อว่าสภาพทีมของ ลิเวอร์พูล ณ เวลานี้การขึ้นมานัวเนียแดนบนได้ประโยนช์กว่าแผนประจำเป็นไหนๆ
ได้ผลด้วยสิครับ เทนต์ ชักกะตุกคืนหลังแป๊กแต่ มาเตต้า ดันไม่นิ่งกระดกข้ามหัว อลิสซอน ไม่ดี ลูกนี้ถ้าเข้าเชื่อขนมกินได้ว่าทีมเยือนไม่มีปัญญายิงคืนแน่นอน
ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนตัวของ JK ในวันนี้ทำให้เกมไม่ได้ดีขึ้น ตรงกันข้ามแย่ลงกว่าเดิม
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ แทน เกอิต้า อาการหนักพอๆกัน น้องจ้องแต่จะเอียงตัวปั่นไซด์คืนหลังอย่างเดียว
แม้กระทั่งหลายๆจังหวะสามารถเก็บบอลและพาขึ้นไปกินแดนได้อีกนิดหน่อยแต่ยังขยันคืนจนเสียและโดนโต้กลับ
เข้าใจว่าเป็นดาวรุ่งยังเกรงใจรุ่นพี่แต่ชั่วโมงนี้เห็นๆกันอยู่ว่ารุ่นพี่เน่าหนอนขนาดไหน ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะงัดความกล้าออกมาเหมาะเจาะเท่าช่วงเวลานี้อีกแล้ว
การเปลี่ยนเอา กัคโป ที่ดูดีกว่าทุกคนในเกมรุกออกก่อนหมดเวลา 5 นาทีในช่วงที่ทีมยังต้องการประตูชัยเป็นการตอกย้ำถึงทัศนะคติของ JK ที่เห็นค่าของการรักษาสกอร์มากกว่าเรื่องอื่นใด
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเวลาในแค่ไม่ถึงปีทำไม ลิเวอร์พูล ถึงหลุดมาตรฐานตัวเองออกไปไกลขนาดนี้
นักเตะในทีมทุกคนแม้กระทั่งตัวที่เคยเป็นความหวังต่างทยอยกัน “ดิ่ง” จนแฟนบอลไม่รู้ต้องหันไปพึ่งพาใครดีแล้ว
บอกตามตรงเห็นสภาพเมื่อคืนไม่กล้ารับปากเลยครับว่าอีก 15 เกมที่เหลือจะมีอะไรที่สิ้นหวังกว่านี้อีกไหม….
สถิติ สถิติ สถิติ
ลิเวอร์พูล เสียสถิติชนะบุกมาชนะ คริสตัล พาเลซ ติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 และปีนั้นเป็นซีซั่นสุดท้ายที่ พาเลซ ไม่แพ้ “หงส์แดง” ในการเจอกันไม่ว่าเหย้าหรือเยือนอีกด้วย
พาเลซ ไม่ชนะในลีกมา 8 นัดติดต่อกัน (เสมอ 5 แพ้ 4) เป็นสถิติไร้ชัยที่ยาวนานที่สุดในบรรดาทุกทีมโดย 5 นัดที่เสมอมาจาก 6 เกมหลังสุด
“ปราสาทเรือนแก้ว” ยังไม่เข้ากรอบเป็นเกมที่ 3 ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ มากกว่าทุกทีมไปแล้ว
ที่มา: soccersuck