สดุดี ญี่ปุ่น แชมป์กลุ่ม กระทิงถูกรางวัล “ข้างเคียง”

สดุดี ญี่ปุ่น แชมป์กลุ่ม กระทิงถูกรางวัล “ข้างเคียง”

รถผ้าป่าคว่ำเทกระจาดตกเหวกันถ้วนหน้าหลัง ญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างเดียวแต่มาในฐานะแชมป์กลุ่มทั้งๆที่ครึ่งแรกเป็นรอง สเปน สุดกู่เหมือนวันที่ชนะ เยอรมัน นัดเปิดสนามเป๊ะๆ

ชาวโซเชี่ยลที่รอเหยียบซ้ำ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือจำเป็นต้องแยกย้ายชั่วคราวเพราะความอินดี้จัดตัวแปลกๆทุกนัดมันกลับปังปุริเย่ชนะ 2 พี่ใหญ่ของยุโรปได้พร้อมๆกัน

จากรูปเกมครึ่งแรกตลอดทั้ง 45+1 บอลหน้าเดียวตามบท “กระทิงดุ” เคาะบอลครองบอลและเริ่มนับ 1 ตั้งแต่นาทีที่ 11 ดูเหลี่ยมไหนมองไม่เห็นทางที่ ญี่ปุ่น จะสร้างปาฏิหาริย์อะไรได้อีก

ช่วงพักครึ่งผมไปค้นตู้เย็นหาอะไรกิน เสร็จแล้วสต๊าร์ตรถออกมาตากฝนชิวๆ กลับเข้าบ้านแป๊บเดียวบอลเตะไป 50 นาทีนิดๆ ได้ยินเสียงผู้บรรยายบอก ญี่ปุ่น นำ 2-1

เดินเข้าไปจ้องสกอร์ใกล้ๆ แม่ง 2-1 จริงๆว่ะ!!

ที่ตะลึงไปกว่านั้นคือยิง 2 ลูกใน 3 นาที จะมีใครหน้าไหนเอาตีนลูบหน้า สเปน ได้ในแบบที่ ญี่ปุ่น ทำ นึกแทบไม่ออก

คนปลุกความหวังไม่ใช่ใครที่ไหน ฮีโร่ยิงใส่ เยอรมัน คนเดิม “ริสึ โดอัน”

ทีเด็ดตัวสำรองของ ญี่ปุ่น เสกประตูที่ 2 จากความขยันของ คาโอรุ มิโตมะ ที่ดูภาพช้ากี่บอลเหมือนออกเส้นหลังไปแล้ว

แต่พอมุมสูงเทคโนโลตีเส้นทาบยังไม่ออกเต็มใบ 100% เหลือขอบๆในระดับมิลลิเมตร

ครับเป็นโอกาสอันน้อยที่หายากมากๆในเกมนี้ของ ญี่ปุ่น แต่กลับทำได้ถึง 2 ประตูก่อนจะเป็นบอลวันเวย์ที่ “กระทิงดุ” ครองบอลหลังจบเกมสูงถึง 82%

มีการบันทึกสถิติไปใหม่เรียบร้อยแล้วนะครับว่าทีม “ซามูไร” เป็นทีมที่ครองบอลน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกแค่ 17.7% แต่กลับเอาชนะคู่แข่งได้

กลุ่ม อี เกือบทำให้บอลโลกหนนี้กลายเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขานไปอีกนานเพราะ สเปน ควงแขนตกรอบพร้อมๆ เยอรมัน อยู่ราว 3 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่ คอสตา ริก้า พลิกนำ 2-1 จนสนามแทบแตก

แต่ความเสียวที่ว่านี้อยู่ได้แป๊บๆก่อนถูก อินทรีเหล็ก บดขยี้ต้านไม่ไหวแพ้ 4-2 ดึงตกรอบกันไปทั้งคู่

หากเราสังเกตให้ดี สเปน ที่โหมจะตีเสมออยู่นานสองนานแต่พอ 5 นาทีสุดท้ายแอบปล่อยจอยเพราะตอนนั้นรู้สกอร์ เยอรมัน นำ 3-2 เรียกว่าขอให้ คอสตา ริก้า ไม่ชนะพวกเขา “ปลอดภัยชัวร์”

นั่นหมายความว่า “กระทิงดุ” เข้ารอบเป็นที่ 2 เข้าไปเจอ โมร็อกโก แทนที่จะเป็น โครเอเชีย

สเปน ไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาในรูปนี้แต่ถือเป็น “รางวัลข้างเคียง” ตามหน้างานที่ทั้ง 2 ทีมต่างเคลียร์เควสของตัวเองตามเงื่อนไขในมือ

FYI ที่ต้องพูดถึงและปล่อยผ่านไม่ได้คือการที่ สเปน จับพลัดจับผลูจบอันดับ 2 ทำให้พวกเขาสวิงไปอยู่สายล่างเลี่ยงเจอ บราซิล ในรอบ 8 ทีม

สำหรับ อินทรีเหล็ก ต้องกลับไปถ่ายเลือดกันยกใหญ่หลังตกรอบแรกบอลโลก 2 หนซ้อนปิดฉากนักเตะอายุ 30 กว่าหลายต่อหลายคนไม่ว่าจะเป็น โธมัส มุลเลอร์, มานูเอล นอยเออร์, อีกาย กุนโดกาน

เช่นเดียวกับ เบลเยียม ที่ต้องมานับหนึ่งสร้างทีมกันใหม่หลังจุดพีคยุค โกลเด้น เจเนเรชั่น ผ่านไปแบบสูญเปล่าไม่ได้ใกล้เคียงกับความสำเร็จใดๆ

แม้ในความเป็นจริง เบลเยียม มีโอกาสซื้อเวลาให้ตัวเองอีกนิดหน่อยในฟุตบอลโลกหนนี้ด้วยการมาเจอกับ ญี่ปุ่น แทน โครเอเชีย หาก โรเมลู ลูกากู ยิงได้ซักลูกจากโอกาสเผาขนหลายต่อหลายครั้ง

เป็นการจากลาที่ไม่สวยสำหรับ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ที่เจียนอยู่เจียนไปตั้งแต่มีเรื่องตึงๆจากการให้สัมภาษณ์ของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ดูเหลี่ยมไหนก็ไม่สมควร

บอลโลกหนนี้ ญี่ปุ่น เป็นตัวอย่างและกำลังใจชั้นดีสำหรับคนที่มั่นหน้ามั่นโหนกตัดสินผลการแข่งขันก่อนลงสนาม (เช่นผมเป็นต้น)

ไม่ว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายจะลงเอยอย่างไรสำหรับแข้งเลือด “ซามูไร” พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่จะถูกพูดถึงไปอีกนานแสนนาน

“แชมป์กลุ่ม” เป็นก้าวเล็กๆที่จะขยายใหญ่ต่อไปในอนาคต ขอจบสวยๆปิดท้ายให้ทีมชาติ ญี่ปุ่น ไว้ตรงนี้เลยละกันครับ…

สถิติ สถิติ สถิติ

นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติบอลโลกตั้งแต่ปี 1966 เป็นต้นมา มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่ลงท้ายเป็นพ่ายแพ้แม้จะจ่ายบอลมากถึง 700+ คือ สเปน พบ ญี่ปุ่น และนัดเปิดสนาม เยอรมัน พบ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น เป็นเพียงทีมที่ 3 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่เอาชนะได้ 2 เกมหลังตามหลังในช่วงพักครึ่งโดยก่อนหน้านั้น บราซิล เคยทำไว้เมื่อปี 1938 และ เยอรมัน ในปี 1970

จากการครองบอลเพียง 17.7% ทำให้ตอนนี้ ญี่ปุ่นกลายเป็นทีมที่ครองบอลน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่ลงท้ายด้วยการเอาชนะคู่แข่ง

3 ประตูที่ยอดทีมจากแดนอุทิศอุทัยทำได้ในฟุตบอลโลกหนนี้มาจากตัวสำรองทั้งหมด นับเป็นตัวเลขเดียวกันกับที่เหล่าซูเปอร์ซับเคยยิงไว้จาก 20 ประตูในฟุตบอลโลกหนก่อนๆ

อัลบาโร่ โมราต้า กลายเป็นนักเตะ สเปน คนที่ 2 ที่ยิงประตูจากการลงสนาม ทั้ง 3 นัดแรกนับตั้งแต่ เตลโม ซาร์ร่า เคยทำไว้เมื่อปี 1950

อัลบาโร่ โมราต้า ยิง 9 ประตูในฟุตบอลโลกและยูโร นับตั้งแตปี 2016 มากกว่านักเตะ สเปน คนอื่นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

นับถึงตอนนี้มีนักเตะ เชลซี 5 คนทำประตูในฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งมากที่สุดเท่ากับ บาร์เซโลน่า (ฮาแวร์ตส์, คูลิบาลี่, พูลซิซ, สเตอร์ลิ่ง และ ซิเยค)

เยอรมัน ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกันทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ 16 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1954 พวกเขาผ่านฉลุยกินเรียบ

จามาล มูเซียล่า เลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จ 12 ครั้งในเกมพบ คอสตา ริก้า เป็นสถิติสูงสุดสำหรับนักเตะดาวรุ่งนับตั้งแต่บอลโลก 1966

ไค ฮาแวรต์ซ เป็นนักเตะ เยอรมัน คนที่ 2 ที่ยิงเบิ้ลในฐานะตัวสำรองในศึกฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ อังเดร ชูร์เล่ ทำไว้ในเกมพบ บราซิล เมื่อปี 2014

มานูเอล นอยเออร์ เป็นผู้รักษาประตูที่ลงเฝ้าเสาในฟุตบอลโลกมากที่สุด (19 เกม)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด