สถานการณ์ที่น่าจับตามอง กับ 9 นัดสุดท้ายของลาลีกา 2023/24

#SSxLaLiga | หลังจากช่วงพักเบรกทีมชาติในเดือนมีนาคม ลูกหนังลีกกระทิงดุก็จะกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง กับช่วงเวลา 2 เดือนสุดท้ายของฤดูกาล ที่แต่ละสโมสรจะมีโอกาสขยับอันดับคะแนนให้สูงขึ้นกว่าเดิม

เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับศึกลาลีกา สเปน ซีซั่น 2023/24 ที่เหลือโปรแกรมอีก 9 นัด และยังมีความน่าสนใจในแต่ละสถานการณ์ ทั้งการลุ้นแชมป์, การลุ้นโควตาฟุตบอลยุโรป รวมถึงการลุ้นหนีตกชั้น

ชุดขาว VS บาร์ซ่า คู่ปรับท้าชิงแชมป์

เริ่มที่สถานการณ์การลุ้นแชมป์กันก่อน จากผลการแข่งขันเกมที่ 29 ของฤดูกาล บาร์เซโลน่า บุกไปถล่มแอตเลติโก้ มาดริด 3 – 0 ทำให้ทีมของชาบี้ เอร์นานเดซ แซงขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูง ตามหลังเรอัล มาดริด 8 คะแนน

เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า คือ 2 ทีมที่ถูกมองว่ามีโอกาสคว้าโทรฟี่มากที่สุด อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่าต้องพยายามลดช่องว่างจากผู้นำให้ได้ กับ 2 เกมลีกถัดไป ที่จะเปิดบ้านต้อนรับลาส พัลมาส ต่อด้วยไปเยือนกาดิซ

ขณะที่ 2 เกมลีกถัดไปของมาดริด คือการได้เล่นในบ้านพบกับแอธเลติก บิลเบา และไปเยือนเรอัล มายอร์ก้า ซึ่งทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ หวังที่จะรักษาระยะห่างกับบาร์ซ่าไว้ที่ 8 แต้มเท่าเดิม หรืออาจจะมากกว่านั้น

และทั้งคู่ ยังมีโปรแกรมพบกันเองในศึก “เอล กลาซิโก้” ที่ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว คืนวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินแชมป์กลายๆ โดยการพบกันในยกแรกที่บ้านบาร์ซ่า เป็นมาดริด ที่บุกไปชนะ 2 – 1

ศึกชิงตั๋วลุยยูซีแอล ที่ห้ามกะพริบตา

2 ทีมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า น่าจะจองโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไว้ในมือค่อนข้างแน่นอนแล้ว ส่วนโควตาอีก 2 ทีมที่เหลือ แย่งกันระหว่างจีโรน่า, แอธเลติก บิลเบา และแอตเลติโก้ มาดริด

จีโรน่า ของมิเกล มูนญอซ กุนซือวัย 48 ปี ผลงานในช่วงหลังตกลงไปมาก ทำให้ต้องเปลี่ยนเป้าหมายกลับไปเป็นการลุ้นติด 1 ใน 4 อันดับแรก เพื่อเป็นทีมหน้าใหม่ทีมแรกในรอบ 12 ปี ต่อจากมาลาก้า ที่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ ลีก

ทางด้านแอธฯ บิลเบา กลับขึ้นสู่อันดับที่ 4 อีกครั้ง หลังเกมล่าสุดเปิดบ้านชนะอลาเบส 2 – 0 แต่ทีมของเอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังคงต้องทำงานหนักต่อไป เพื่อยุติช่วงเวลาที่ห่างหายไปจากแชมเปี้ยนส์ ลีก นานถึง 10 ปี

ส่วนแอตฯ มาดริด เพิ่งแพ้ในเกมล่าสุดก่อนพักเบรกทีมชาติ ทำให้หล่นมาอยู่ที่ 5 ของตาราง ตามหลังท็อปโฟร์ 1 คะแนน ยังมีโอกาสเก็บแต้มใน 9 นัดที่เหลือ เพื่อคว้าสิทธิ์ไปแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นฤดูกาลที่ 12 ติดต่อกัน

ซึ่งโปรแกรมของแอตเลติโก้ในเดือนเมษายน จะต้องดวลกับ 2 คู่แข่งที่แย่งตั๋วยูซีแอลกันเอง ทั้งจีโรน่า ในวันที่ 13 เมษายน และ บิลเบา ในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป นี่คือช่วงเวลาสุดสำคัญที่จะชี้ชะตาทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่

โควตา 2 ถ้วยรองยุโรป ที่น่าตื่นเต้น

สำหรับโควตาฟุตบอลยุโรป 2 ถ้วยรอง ทั้งยูฟ่า ยูโรป้า ลีก และยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก มีตัวแปรสำคัญคือ เรอัล มายอร์ก้า ที่จะลงเล่นรอบชิงชนะเลิศโคปา เดล เรย์ พบกับแอธเลติก บิลเบา ในคืนวันเสาร์ที่ 6 เมษายน

หากมายอร์ก้า คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศ จะได้สิทธิ์ลงเล่นในยูโรป้า ลีก พร้อมกับทีมอันดับที่ 5 ของตารางคะแนนลาลีกา และจะทำให้ทีมอันดับที่ 6 มีอันต้องหล่นลงไปเล่นในถ้วยเล็กสุดอย่างคอนเฟอเรนซ์ ลีก

แต่ถ้าบิลเบา คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศ และจบฤดูกาลอยู่ในท็อป 6 ของลาลีกา จะได้สิทธิ์ไปยูโรป้า ลีก พร้อมกับทีมอันดับที่ 5 หรือ 6 ของตาราง ส่วนโควตาคอนเฟอเรนซ์ ลีก ก็จะถูกโอนไปให้ทีมอันดับที่ 7

ซึ่งทีมที่มีโอกาสแย่งตั๋วคอนเฟอเรนซ์ ลีก ประกอบด้วย เรอัล โซเซียดัด (46 คะแนน), เรอัล เบติส (42 คะแนน) รวมถึงบาเลนเซีย (40 คะแนน) ที่แข่งน้อยกว่า 1 เกม และจะลงเตะเกมตกค้างในช่วงกลางสัปดาห์หน้า

โซนหนีตาย ลุ้นสุดตัวช่วงโค้งสุดท้าย

ในส่วนของโซนท้ายตาราง อัลเมเรีย ที่เพิ่งเก็บชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลนี้ และกรานาด้า ที่ชนะคู่แข่งเพียง 2 เกมจนถึงตอนนี้ ก็น่าจะเป็น 2 ทีมแรก ที่ต้องอำลาลีกสูงสุด เนื่องจากมีแต้มตามหลังโซนปลอดภัยมากเกินไป

เพราะฉะนั้น จะเหลืออีก 1 ทีม ที่ต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ในลีกรอง ซึ่งทีมที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กาดิซ (22 คะแนน), เซลต้า บีโก้ (27 คะแนน), เซบีย่า (28 คะแนน), ราโย บาเยกาโน่ (29 คะแนน) และเรอัล มายอร์ก้า (30 คะแนน)

เซบีย่า ทีมดังจากแคว้นอันดาลูเซียที่ตกต่ำสุดขีด อยู่บนจุดยอดพีระมิดของลีกสเปน มาตั้งแต่ฤดูกาล 2001/02 ซึ่งหนล่าสุดที่พวกเขาตกชั้นจากลีกสูงสุด เกิดขึ้นในซีซั่น 1999/2000 ที่จบในอันดับสุดท้ายของตาราง

จาก 9 นัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้ เซบีย่า มีโปรแกรมที่ต้องพบกับทีมที่ยังมีลุ้นหนีตาย ทั้งมายอร์ก้า และกาดิซ รวมถึงเจอกับศึกหนักในการดวลกับทีมกลุ่มหัวตาราง ได้แก่ เรอัล เบติส, แอธเลติก บิลเบา และบาร์เซโลน่า

แมตช์อื่นๆ ของทีมในกลุ่มที่มีความหวังอยู่รอด มีโปรแกรมตัดแต้มกันเอง อย่างเช่น กาดิซ – เรอัล มายอร์ก้า และเซลต้า บีโก้ – ราโย บาเยกาโน่ ซึ่งถือเป็นแมตช์ที่แต่ละทีมต้องการชัยชนะ ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น

รางวัลส่วนบุคคล ที่ลุ้นสนุกและเข้มข้น

นอกจากการแข่งขันเพื่อเป้าหมายที่แต่ละสโมสรต้องการแล้ว การลุ้นรางวัลส่วนบุคคลสำหรับผู้เล่น ทั้งปิชิชี่ โทรฟี่, ซาร์ร่า โทรฟี่ และซาโมร่า โทรฟี่ ในซีซั่นนี้ ก็เป็นไปอย่างเข้มข้น เช่นเดียวกับหลายๆ ซีซั่นที่ผ่านมา

เริ่มจากปิชิชี่ โทรฟี่ หรือดาวซัลโวประจำฤดูกาล จู๊ด เบลลิงแฮม ของเรอัล มาดริด เป็นผู้นำด้วยจำนวน 16 ประตู รองลงมาคือบอร์ฆา มาโยรัล ของเกตาเฟ่ และอันเด้ บูดิเมียร์ ของโอซาซูน่า ที่ทำได้คนละ 15 ประตู

นักเตะคนอื่นๆ ที่เข้าข่ายมีลุ้นรางวัลปิชิชี่ ในช่วง 9 เกมสุดท้าย อย่างเช่น อาร์เต็ม โดฟบีค กับอัลบาโร่ โมราต้า คนละ 14 ประตู รวมถึงอเล็กซานเดร์ ซอร์ลอธ, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และกอร์ก้า กูรูเซต้า คนละ 13 ประตู

ซาร์ร่า โทรฟี่ จะมอบให้กับนักเตะสัญชาติสเปนที่ทำประตูสูงสุดใน 1 ฤดูกาลของลาลีกา นอกจากมาโยรัล, โมราต้า และกูรูเซต้า ที่ติดโผแล้ว ฮูโก้ ดูโร่ ของบาเลนเซีย ที่ทำได้ 12 ประตู ก็มีสิทธิ์ลุ้นชิงรางวัลเช่นกัน

ปิดท้ายที่ซาโมร่า โทรฟี่ หรือผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม อูไน ซิม่อน ของแอธเลติก บิลเบา นำอันดับ 1 เสียประตูเฉลี่ย 0.90 ประตูต่อเกม ตามมาด้วยอเล็กซ์ เรมิโร่ ของเรอัล โซเซียดัด เสียประตูเฉลี่ย 1.04 ประตูต่อเกม

ในส่วนของมาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น นายทวารบาร์เซโลน่า ที่เสียประตูเฉลี่ย 0.89 ประตูต่อเกม ซึ่งในเกมที่เหลือ เขาจะต้องลงเล่นอย่างน้อย 60 นาทีทุกเกม เนื่องจากผู้ที่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลนี้ จะต้องลงเล่นอย่างน้อย 28 เกม

การลุ้นแชมป์, การลุ้นโควตาถ้วยยุโรป และการลุ้นหนีตกชั้นใน 9 นัดที่เหลืออยู่ของลาลีกา ซีซั่นนี้ น่าตื่นเต้น และคาดเดายาก ทุกคะแนนล้วนมีความหมาย และจะส่งผลต่อชะตากรรมของแต่ละทีมอย่างแน่นอน

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด