“หงส์” ฤดูกาลใหม่ รถไฟเหาะคันเดิม

รัดเข็มขัดเก็บมือถือให้ปลอดภัยแหกปากระบายอารมณ์กับการนั่งรถไฟเหาะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในซีซั่นใหม่กันเอาไว้ได้เลยครับ

นี่ไม่ใช่เพื่อการโฆษณาแต่เป็นการเตือนเดอะ ค็อป ให้เตรียมรับแรงกระแทกทั้งความรู้สึกตัวเองและการถูกล้อจากแฟนคู่อริเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆได้เลยครับ

ปรีซีซั่นนัดส่งท้ายกับ “น้องใหม่บุนเดสลีกา” อย่าง ดาร์มสตั๊ด 98 ที่ตกชั้นเมื่อ 6 ปีก่อนต้องบอกว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จัด line up 11 ตัวจริงชุดที่คาดกันว่าเอาไว้ซดกับ เชลซี นัดเปิดสนามสุดสัปดาห์นี้แน่นอน

ความเข้มข้นความเอาจริงเอาจังจัดเต็มกดไป 3-1 แต่เจ้าประคุณรุนช่องสิ่งที่ยังเป็นปัญหาและดูเหมือนไม่มียารักษาคือแนวรับที่ไม่มีคลีนชีตอีกแล้ว

การถูกวางบอลยาวข้ามหัวแนวรับที่ดันไลน์สูงเกินครึ่งสนามและต้องวิ่งหน้าตั้งรูจมูกบานโต้ลมเป็นสิ่งที่เห็นกันจนชินชา

แม้กระทั่งการเตะสาดยาวจากผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นก็ยังไม่วาย!!

ข้ามหัวทุกคนปล่อยให้กองหน้าหลุดไปล่อเป้าดวลเดี่ยวกับ อลิสซอน ที่ต้องล้มลุกคลุกคลานพยายามปิดมุมปัดป้องโดยที่เพื่อนๆแนวรับไปยืนคุมเส้นรอดพ้นการเสียประตูสุดอนาถในช่วงครึ่งหลัง

จากปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยของ เคอร์ติส โจนส์ ทำให้ JK ไม่มีตัวเลือกใช้งาน อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ เล่นในตำแหน่งเบอร์ 6

เป็นการทดลองหนแรกและตามคำให้สัมภาษณ์เลยครับ นักเตะระดับโลกปรับตัวเล็กน้อยก็สามารถพาตัวเองไปอยู่ในระดับเล่นตามใบสั่งได้อย่างไม่เคอะเขิน

Class ของ “บิ๊กแม็ค” เด่นกว่าเพื่อนหงส์ทุกคน ไม่ต้องวิ่งเยอะ คุมพื้นที่ดักสกัดเนียนๆหลายหน

แต่หลายคนบอกเล่นขัดตาทัพได้แต่ “เสียของ” เพราะแกไม่ใช่ตัวรับธรรมชาติ

ปัญหาตรงนี้บอกได้คำเดียวว่าเป็นบ่อเกรอะที่อันตรายมากๆสำหรับ “หงส์แดง”

ด้วยท่าทีของ JK ที่ยังบ้าคลั่งใช้ระบบหลัง 3 และดันสูงแถม แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ขยันเติมเกมรุกและยังไม่ขานรับกับระบบนี้ยิ่งสร้างงานสร้างอาชีพเข้าไปอีก

รถเมลคันนี้ผ่านการตรวจสภาพเรียบร้อยแล้ว

เป็นบทสรุปที่ชัดเจนหากจะมองถึงการซ่อมแซมแก้ไขที่จนบัดนี้ผู้โดยสารยังไม่เห็นว่ามันจะเปลี่ยนแปลงนอกจากสติ๊กเกอร์ที่เอามาแปะ

ด้วยความเป็น JK มันคือยาแรงประเภทนึง แกเป็นคนที่ไปสุด แบบสุดจริงๆถ้าไม่บรรลัยจนไปต่อไม่ไหวแกไม่เปลี่ยนความคิดตัวเองแน่ๆ (ทั้งๆที่ตอนนี้จะบอกว่าบรรลัยก็ไม่ผิดนัก)

กับ invert full back หรือ high line อะไรพวกนี้ต่อให้เกิดปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแกก็ยังมีชุดความคิดที่ว่ามันเคยเวิร์คในท้ายที่สุดมันก็ต้องเวิร์ค

ยิ่งได้ช่วงเข้าเบรกฤดูกาลก่อนที่ปรับมาเป็น 3-4-3 แล้ว เทรนต์ ฉายแววทำให้แกไม่ยอมฉีกจากฟอร์แมทนี้ไปไหนแน่ๆ

แต่ JK มักลืมสมการสำคัญๆที่แทรกแซงชุดความเชื่อของแกก็คือเครื่องยนต์ในตำแหน่งที่ชี้เป็นชี้ตายอย่างแนวรับไม่สดและแกร่งเท่ายุค “วิ่งควาย” และยังมีปัจจัยภายนอกคือคู่แข่งเขาก็เรียนรู้ศึกษาวิธีการเล่นของศัตรูอยู่ตลอดเช่นกัน

มิดฟิลด์ออกไป 4-5 ตัวเป็นตัวรับจ๋าๆ 2 ได้มาใหม่แค่ 2 ไม่ใช่ตัวรับแต่ยังสู้หน้าท้าลมเชื้อเชิญให้ทุกทีมวางยาววิ่งแข่งแทบทุกนัด

ถ้าทีมอย่าง ดาร์มสตั๊ด สนุกกับการเจาะช่องยอดทีมยูโรป้าลีกแล้วบรรดาทีมในพรีเมียร์ลีกที่มาตรฐานสูงลิ่วเขาจะขยี้ขนาดไหน

TAA ที่โตขึ้นไปอีกขึ้นกับตำแหน่ง “ท่านรอง” แต่โดน “พี่ใหญ่” ว๊ากหลังส่งกลับไม่ละเอียดตัดหลัง โกนาเต้ ต้องเดือดร้อน VvD ตามมาเคลียร์

และที่ต้องเน้นย้ำกันเยอะๆเลยคือตอนนี้ตัวใหม่ที่พึ่งพาได้คือ แม็คอัลลิสเตอร์ คนเดียวเท่านั้นเพราะท่านพี่ โดมินิค โซบอสซ์ไล น่าจะต้องใช้เวลาปรับตัวอีกพักใหญ่ๆเลย

ขยันวิ่งแต่ไม่เกิดประโยชน์ ความเข้าใจเกมและระบบของ JK ยังไปไม่ถึงไหน ในฐานะที่มาจากต่างลีกต่างสภาพแวดล้อม “ดอม” จัดอยู่ในหมวดทั่วไปเหมือนนักเตะใหม่รายอื่นๆ (แต่ลูกตั้งเตะใช้งานได้เลย จัดไป 1 แอสซิสต์เกมนี้)

บาลานซ์ของ ลิเวอร์พูล ดูไม่ค่อยสมดุล แนวรุกมีตัวเลือกเยอะแต่ก็ให้ความรู้สึกล้นๆและสไตล์ทับกันอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าหนู เบน โด๊ค เป็นเรื่องดีๆให้แฟนบอลได้ชื่นใจกัน เห็นแล้วนึกถึง เวย์น รูนีย์ พวกดาวรุ่งอายุแค่ 17 ปีแต่กล้าเล่น หิวกระหายบอล กล้าเลี้ยงจี้ ไม่หงอไม่กลัวส่วนใหญ่จะก้าวหน้าไว

แต่ใครที่คิดว่า JK จะเก็บไว้สำรองหรือใช้ตอนฉุกเฉิน โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าถ้ามีใครติดต่อขอยืมบอสแกปล่อยแน่ๆครับ ลงเล่นเกมอาชีพไม่ว่าจะระดับไหนพัฒนาฝีเท้าไวกกว่าเล่นทีมสำรองหรือในฐานะตัวสำรองของชุดใหญ่ไม่กี่นาทีแน่นอน

ครับภาพสะท้อนต่อความทะเยอะทะยานของ ลิเวอร์พูล ดูได้จากนอกสนาม การทำตัวเป็นหมาหยอกไก่อยากได้ โรมิโอ ลาเวีย แต่หยอมแหยมยื่นข้อเสนอ 2-3 หนเพิ่มเงินทีละนิดทีละหน่อยจนลากยาวมาจะเปิดซีซั่นอยู่แล้ว

ต้องถามว่าวาง ลาเวีย ไว้เป็นเป้าหมายอันดับ 1 ไหม? ถ้าใช่ยื่นหนแรกโดนปัดก็ให้มันจบใน bid ที่ 2 แล้ว

หรือสิ่งที่กำลังทำอยู่คือพยายามทำเป็น “เข้ม” เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองได้เดินตามนโยบายใช้เงินเป็น ใช้เงินชาญฉลาด moneyball อะไรแบบนั้นอ่ะเหรอครับ

อย่าลืมว่าใครก็ตามมาเล่นให้ “หงส์” ในยุค JK ปรีซีซั่นนี่สำคัญมาก รายละเอียดต่อความรับผิดชอบในตำแหน่งตัวเองหยุมหยิมมาก บอสแกถึงพยายามปิดดีลให้ได้ก่อนออกทัวร์ปรีซีซั่นเสมอ

ย้ายมาตอนฤดูกาลเปิดไปแล้วจะมาทดลองผิดถูกยิ่งเป็นไปไม่ได้ โปรแกรม 3 วัน 1 เกมแค่ recovery ก็หมดไปวันนึงละ

ที่ต้องไม่ลืมคือ ลาเวีย เพิ่งอายุ 19 ปี ลงสนามจริงจังเป็นตัวหลักให้ เซาท์แฮมป์ตัน เมื่อฤดูกาลที่แล้วนี้เอง

แน่นอนชั่วโมงบินการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ถือว่าน้อยโคตรๆถ้าหากมองว่าจะมาในรูปแบบแกะซองกินได้เลยกับระบบที่หวือหวาเล่นกับเพลิงไฟอย่าง ลิเวอร์พูล

นี่เรายังไม่ได้พูดถึงการที่ “หงส์” จำเป็นต้องมีเซนเตอร์โหดๆไวๆอีกซักตัวด้วยนะ ใช้เท่าที่มีอยู่คือพังแน่ๆครับ ขนาดอยู่กันพร้อมหน้ายังบ่อขนาดนี้ เจ็บขึ้นมาซักตัวก็บันเทิงแล้ว

จากปัญหาที่หมักหมมและภาพรวมของความเป็น ลิเวอร์พูล ณ ตอนนี้ ได้ไป UCL แทบอยากจะกราบตีนงามๆแล้วครับ…

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู: