“หนูน” ปัญหาที่รอได้ ตราบใดที่หงส์ยังชนะ

ในฐานะผู้จัดการทีมซึ่งในที่นี้หมายถึง เยอร์เก้น คล็อปป์ และแฟนบอลก็คือพวกคุณ(และผม) มองประเด็น ดาร์วิน นูนเญซ ในเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 ต่างกันโดยสิ้นเชิง

JK ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “หนูน” เล่นได้เหลือรับประทานและ no doubt ว่าไม่ช้าก็เร็วอดีตกองหน้า เบนฟิก้า จะยิงประตูเทน้ำเทท่าแน่ๆ

คล็อปป์ พูดจากประสบการณ์ที่เขาคลุกคลีอยู่กับกองหน้า “ปืนฝืด” แบบนี้มาก่อนโดยใช้คำว่า I was in this situation very often with strikers

เดาๆแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดตัวอย่างคงหนีไม่พ้น โรเบิร์ต เลวาน ดอฟสกี้ ที่ซีซั่นแรกกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยิงไปแค่ 9 ลูกทุกรายการ

หลังจากนั้นกราฟพุ่งปรี๊ดขึ้นเลข 2x ตลอด 3 ปีที่เหลือก่อนย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค

ครับ ตัดภาพกลับมาที่พวกเราในฐานะแฟนบอลอาจไม่ “จัดหนัก” นูนเญซ อะไรมากนัก เหตุเพราะ “หงส์แดง” ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะในบั้นปลาย

ซึ่งผมมั่นใจว่าสถานการณ์จะกลับฝั่งแน่หาก “สิงห์ผยอง” ของ อูไน เอเมรี่ บดขยี้ตามตีเสมอในช่วงที่ทีมเยือนกำลังยวบอย่างหนัก

เรื่องจุดเด่นหาช่องหาโอกาสให้ตัวเอง “หนูน” น่าจะเบอร์ต้นๆของลีกหรือของยุโรปไปแล้ว

แต่ในเมื่อสวมหัวโขนกองหน้า ประโยชน์จึงถูกตีตราที่ “ประตู” อย่างเดียว

ดังนั้นคำพูดของ JK ในวันนี้เป็นไฟท์บังคับ ในเมื่อทีมชนะและ “หนูน” แสดงตัวมีส่วนร่วมกับเกมมันย่อมดีกว่า “วินวอล์ก” เงียบหาย

ปัญหาอย่างหลังน่าเป็นห่วงมากกว่าเพราะเหมือนต้องกลับไปสู่จุดออกตัวแต่ ดาร์วิน อยู่ในสเต็ป 2 แล้ว ยังพอรักษาได้

เหลือแค่ความนิ่งและการตัดสินใจอย่างเช่นลูกเข้าฮอร์สระยะ 6 หลาในครึ่งแรก เป็นกองหน้าควรต้องจิ้มไว้ก่อนไม่ใช่กระโดดหลอกโดย “หวังว่า” จะมีเพื่อนอยู่ด้านหลัง อะไรแบบนี้เป็นต้น

ถ้าเราพูดถึงการเผาโอกาสทิ้งของ ดาร์วิน ทาง วิลล่า ก็เบิร์นหนักไม่แพ้ทีมเยือนเช่นกัน พูดได้ว่าลูกบู๊ ความกระหายในการรุกใส่แบบไม่มีกลัวของเจ้าถิ่นมาเต็ม

แต่เมื่อถึงจังหวะจบสกอร์ในเขตโทษจั่วลมยิงนกตกปลาโดยเฉพาะ เลออน ไบลี่ย์

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเอาชนะในลีก 3 นัดรวดหนแรกในซีซั่นนี้ของ ลิเวอร์พูล เกือบงานเข้า

เพราะก่อน โอลลี่ วัตกินส์ ตีไข่แตกไล่มา 2-1 วิลล่า บดขึงใส่ “หงส์” อยู่พักใหญ่ๆโดยจุดที่เริ่มเห็นได้ชัดคือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ TAA ที่เล่นในครึ่งแรกได้ดีโคตรๆเริ่มอ่อนแรง

ในขณะที่ อ็อกซ์เลด เชมเบอร์เลน หายตัว ไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งรุกและรับ เหมือนทีมเยือนเล่น 10 ตัว เรียกว่า คล็อปป์ เปลี่ยนตัวช้าไปด้วยซ้ำ

แต่ค่าเสียหายที่จ่ายหยุดอยู่ที่ประตูไข่แตกลูกนั้นลูกเดียวหลังการลงมาของ เกอิต้า และ เอลเลียตต์ ความนิ่งและเก็บบอลเล่นแบบครองเหนียวๆล่กทำให้ ลิเวอร์พูล เบรกความห้าวของ วิลล่า ไปเลย

รวมถึง key moment กับประตูสำคัญดับความหวัง วิลล่า ของ บายเซติช ทั้งๆที่อยู่ในสนามไม่ถึง 2 นาทีดีด้วยซ้ำ

ประตูนี้น่าจะทำให้เจ้าหนูวัย 18 ปีซื้อใจ JK เพื่อแลกกับนาทีในสนามที่มากขึ้นในเกมต่อๆไป

อานิสงส์ของลูก 3-1 ทำให้เราได้เห็น เบน โด๊ก ปีกดาวรุ่งวัย 17 ปีลงสนามในนาที 88 และหลอก ลูก้าส์ ดีญ หัวทิ่มตรงริมเส้นต่อหน้าต่อตา JK

เบน โด๊ก ทำให้ผมนึกถึง เวย์น รูนีย์ ตอนได้โอกาสกับ เอฟเวอร์ตัน ใหม่ๆ เป็นดาวรุ่งที่ไม่หงอแต่หิวบอล กล้าเลี้ยงจี้เข้าหาคู่ต่อสู้ คุณสมบัติพวกนี้ทำให้นักเตะประเภทนี้ก้าวหน้าไวกว่านักเตะดาวรุ่งทั่วไป

ครับ ลิเวอร์พูล กำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับการเร่งเครื่องเพื่อกลับไปเล่น UCL ในซีซั่นหน้าให้ได้หลังแต้มหกเรี่ยราดตั้งแต่ต้นซีซั่น

เห็นชัดเจนว่าขุมกำลังชุดนี้ไต่ระดับไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ผมมองว่ายากมาก ตัวแบ่งเค้กหน้าใหม่อย่าง นิวคาสเซิ่ล ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลง (อย่างน้อยๆก็เดือนสองเดือนนี้)

ผมอยากให้จับตามองตลาดซื้อขายหน้าหนาวนี้ให้ดีๆเพราะพักหลังกลิ่นคลุ้งมาก จับสัญญาณการให้สัมภาษณ์ของ JK นี่ชัดเจน (ประโยคนี้เขียนไว้ร่วมชั่วโมงแล้ว)

ล่าสุดในระหว่างที่ผมกำลังจะส่งคอลัมน์นี้ข่าว โคดี้ กัคโป แข้งดาวรุ่งของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ที่เฉิดฉายในฟุตบอลโลกกับ เนเธอร์แลนด์ มาจากไหนไม่รู้

เห็นแว่บๆก่อนหน้านั้น 10-20 นาทีว่ามีมูลจากการเจรจาอยู่ในขั้น advanced ทำเอาใจสั่น ไม่มีสมาธิกับงานเลย

ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรนะแต่พอรุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจค์ ให้สัมภาษณ์เป็นนัยๆยิ่งคิดดีไม่ได้เลย

รีเฟรชเช็กอีกรอบก่อนโพสคอลัมน์นี้ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ Here we Go กัคโป เรียบร้อยต่อด้วยทวิตเตอร์ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ยืนยันด้วยอีกแรง

เงียบๆไม่ต้องมีข่าว เปิดทีเดียวจัดตัวใหญ่ตามสไตล์

ครับการเสีย หลุยส์ ดิอาซ และ ดิโอโก้ โชต้า เป็นสารเร่งให้ “หงส์แดง” เข้าตาจนไม่มีทางเลือกและคิดไวทำไวเป็นดีลเซอร์ไพรซ์แห่งเดือนไปเรียบร้อยแล้ว

สถิติ สถิติ สถิติ

แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เป็นกองหลังที่แอสซิสต์มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก (54) แซงหน้า เลจ์ตัน เบนส์ (53) ไปเรียบร้อยแล้ว

โม ซาลาห์ (125 ประตู/50 แอสซิสต์) กลายเป็นนักเตะรายที่ 2 ที่ยิง 50+ และแอสซิสต์ 50+ ให้ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกต่อจาก สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด (120 ประตู/92แอสซิสต์)

เจ้าหนู บาสเซติช (18 ปี 65 วัน) เป็นแข้งสเปนอายุน้อยที่สุดคนที่ 2 ที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้หลัง เชส ฟาเบรกัส ทำไว้กับ อาร์เซนอล ในเกมพบ แบล็คเบิร์น เมื่อเดือนสิงหาคม 2004 ในขณะที่มีอายุ 17 ปี 113 วัน

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด