อาร์เซ “น่วม” เดมือรั่ว top 4 มันหยด
ก่อนคู่บิ๊กแมทช์ระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ผมเผลอเข้าไปดูเน โฮฟาทูร่า ทำศึกที่ประลองดาบกับคลิป “สวนลุม” ในตำนานเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
เลือดผมมักสูบฉีดเวลาที่ได้ดูคลิปคนมีเรื่องกัน คล้ายๆมีอารมณ์ร่วมทั้งๆที่นิสัยไม่ชอบใช้ความรุนแรงนะ
ส่วนเหตุผลที่จู่ๆมาดูคลิปพวกนี้เนื่องจากหน้าฟีดในเฟสโผล่ “พรี่เน” มา 2-3 รอบ
ด้วยความที่เป็นคนยุค 90 จึงซุกซนชอนไชไปหาอะไรย้อนยุคดูนึกถึงวันเก่าๆแล้วมีความสุข
วีกรรมของ เนโฮฟาทูร่า บุคคลในตำนานท้าดวลไปทั่วไม่ว่าจะครูนักดาบ, นักมวยไทย, ครูหน่วยรบพิเศษ, นักกล้าม สุดท้ายมาตายน้ำตื้นข้อหาอนาจารซะอย่างงั้น
ครับจากการเผลอเข้าไปดูอะไรพวกนี้ทำให้เกมที่ เซนต์เจมส์ พาร์ค ของผมจึงกลายเป็นอะไรที่เดือดเลือดพล่านมากกว่าคนทั่วไป
เพราะเกมนี้ฝั่ง “สาลิกา” เล่นหนักสุดๆ ศอกบินว่อน เตะตัวปลิวแต่กว่าใบเหลืองใบเหลืองแรกจะมาล่อไปนาที 73
ผู้ตัดสิน คริส คาวานาฟ ควรถูกตำหนิเอามากๆที่ปล่อยเกมและใบเหลืองแรกไม่ออก กรรมจึงตกไปอยู่ที่นักเตะ “ปืนใหญ่”
เกมหยุดบ่อยไม่ไหลลื่นหมดความสนุกทั้งๆที่ฝีเท้าความสามารถของ 2 ทีมนี้สามารถผลิต “ศาสตร์” ของเกมฟุตบอลที่ดีกว่านี้ได้ ผมเชื่ออย่างนั้น
นักเตะเจ้าถิ่นเห็นมาตรฐานผู้ตัดสินวันนี้ “นกหวีดขม” จึงประเคนสังฆทานถวายปัจจัยที่จำเป็นต่อการรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง
ผมเข้าใจว่านักเตะ “ม้าน้ำ” ต้องการตั๋ว UCL มากพอๆกับที่ แมนฯซิตี้ และ อาร์เซนอล ต้องการแชมป์พรีเมียร์ลีก
แต่พวกเขามาหัวร้อนตบะแตกหลังเล่นดีกว่าโอกาสเยอะกว่าแต่กลับตกเป็นฝ่ายตามหลังทีมเยือนชนิดเหลือเชื่อสุดๆ
ในฤดูกาลนี้โดยเฉพาะช่วงที่ “สาลิกา” กำลังบินสูง สังเกตุได้ว่ารูปแบบการโหมบุกหมายจะเอาประตูแรกภายใน 5 นาทีแรกคล้ายคลึง “เรือใบ” ของ เป๊ป กวาดิโอล่า เอามากๆ
สเปอร์ส คือตัวอย่างของเหยื่อที่เฉื่อยแฉะในช่วงเวลา “นาทีทอง” และขวัญเสียอย่างหนัก
ยิ่งขุนพล “คลับไก่” ไม่มีผู้นำในสนาม (ที่เรียกว่าผู้นำจริงๆ) ที่จะพาทีมลุกขึ้นสู้ในสถานการณ์แบบนี้จึงโดนยิงเละเป็นขี้ 6 ลูกในที่สุด
อาร์เซนอล เองก็เกือบพังเหมือนกันจากการถูกบุกหนแรกชนเสาภายใน 90 วินาทีแรก
และช่วงบรรยากาศในสนามที่เต็มไปด้วยเสียง “ตูนอาร์มี่” รอดตายอีกหนในนาทีที่ 8 ที่ VAR เช็กลูกแฮนด์บอลของ คิวิเออร์ ที่มองด้วยตาเปล่าคือใช่จริงๆวิ
แต่จากภาพช้าเราดู 1-2 หนก็เห็นกันแล้วว่าโดนต้นขาแต่ด้วยความที่เป็นกรรมการอังกฤษ คุณก็รู้ว่าสมงสมองเป็นอย่างไร
ยิ่ง คาวานาฟ ดูแล้วดูอีกแถมตอนขยับตัวจะหันหลังก็ยังเหลือบไปดู (คล้ายไม่แน่ใจ) ทำให้แฟน “ปืนใหญ่” หายใจไม่ทั่วท้องหนักเข้าไปอีก
ครับ ผมมองว่าเด็กๆ อาร์เตต้า โชคดีไม่น้อยที่ผ่านมรสุมความบ้าคลั่งของแข้ง นิวคาสเซิ่ล จนกระทั่งมาซัดขึ้นนำของ โอเดการ์ด เป็นการยิงเข้ากรอบหนแรกของทีมเยือนด้วย
ลูกนี้คล้ายๆวันที่แกยิงใส่ สเปอร์ส เมื่อ 3 เดือนก่อนแทบจะก็อปปี้กันมา ทั้งระยะ, ตำแหน่งที่ยิง
โดยส่วนตัวผมชอบดูแข้งทีมชาติ นอร์เวย์ วัย 24 ปีเล่นมาก ท่วงท่าการจัดระเบียบร่างกายเพื่อรับส่งบอลสวยงามทำให้ตัวเองเล่นง่ายบอลจังหวะ 2 ต่อด้วย
เกมนี้เหลือเชื่อตรงที่ว่า “สาลิกา” ไม่มีประตู ในครึ่งแรกที่บุกหนักแล้ว ครึ่งหลัง 4 นาทีแรกชนไป 1 เสากับอีก 1 เซฟบนเส้นของ แรมส์เดล
อย่างว่านะครับฟุตบอลบางทีเรารู้เลยว่าโชคมันอยู่ข้างใครบ้าง ลูก og. ของฟาเบียน ชาร์ ในนาที 71 ทำให้เกมนี้แทบจบ
หลังจบเกมผมตามอ่านทั้งในบอร์ด SS และโลกโซเชี่ยล แฟน “ปืน” สะใจและพากันด่าแข้ง “นิว” ที่เล่นโหดเกินเบอร์และส่วนหนึ่งอย่างที่เกมจะไม่เลยเถิดขนาดนี้หากผู้ตัดสินแจกใบเหลืองซักใบตั้งแต่เนิ่นๆ
สุดท้ายแข้งทีมเยือนฟกช้ำดำเขียวไปตามๆกันแต่ก็คุ้มสุดคุ้มเพราะเป็น 3 แต้มที่ “ปืนใหญ่” ยื้อหนังซีรีย์ให้ยืดต่อออกไปอีกเล็กน้อย
หน้าที่ของพวกเขานอกจากต้องไม่พลาดในอีก 3 เกมที่เหลือซึ่งก็ว่ายากแล้ว
ยังต้องจุดธูปแช่งให้ “เรือใบ” แจ็คพ็อตแตกในช่วงที่รอบรองชนะเลิศ UCL เลกแรกกับ เรอัล มาดริด จะเข้ามาแทรกโปรแกรมในกลางสัปดาห์นี้
ในขณะที่อีกคู่ แมนฯยูฯ ถือว่าหมูหกทำแต้มหล่นไปเอง เรียกว่าแค่เสมอยังเคืองแต่เล่นแพ้เลย
ต้องบอกว่าฤดูกาลนี้ เวสต์แฮม เล่นบอลไม่มีอะไรเลยจริงๆ นักเตะฟอร์มตก สปีดบอลก็ช้า
เมื่อก่อนใช้ความถึกของ อันโตนิโอ กับความพลิ้วของ โบเว่น เป็นตัวแบกแต่คนแรกโรยราไปเยอะส่วนคนสองต้องกดให้ติด “คริ” ถึงจะพึ่งพาได้ซึ่งการ์ด “คริ” ไม่ค่อยทำงาน
เกมในบ้านก่อนลงเล่นเกมนี้เตะมา 17 นัดชนะไปแค่ 6 เท่านั้นเอง
เราจะเห็นได้ว่า “ปีศาจแดง” รูปเกมดีกว่าบานเบอะ เกมบุกได้น้ำได้เนื้อกว่าชัดเจนไม่ว่าจะ แรชฟอร์ด ยิงชนเสาและ แอนโทนี่ กดถากเสาไม่ถึงคืบภายใน 18 นาทีแรก
แต่ในระหว่างที่ “ขุนค้อน” ที่หงอยๆแทบไม่ได้บุกกลับขึ้นนำ เป็นลูกที่เพื่อนผีโดยเฉพาะ ลินเดอเลิฟ ถึงกับเข่าทรุดกุมหัว
เด เกอา ล้มตัวปัดลูกยิงของ เบนราห์ม่า ที่ขออนุญาตบอกว่าแรงกว่า “ส่งคืน” นิดเดียว แถมเป็นการรีบยิงแบบคิดไม่ออกเพราะโดน 3 รุมนึง ไม่ยิงก็หมดโอกาสแน่ๆ
“ลามะ” ล้มตัวปัดลูก “หลุนๆ” แบบไม่เต็มมือปลิ้นเข้าไปหน้าตาเฉย ช็อกครับ เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวพลาดง่ายๆและความเสียหายร้ายแรงถึงขนาดที่ว่าแพ้ด้วยลูกนี้เลยครับ!!
เกมก่อนกับ ไบรท์ตัน เป็น ลุค ชอว์ ที่แฮนด์บอลทดเจ็บ เกมนี้ content ถึงคิวของ เด เกอา ที่ทำเอา เร้ด อาร์มี่ หัวใจสลายกันถ้วนหน้า
เป็นเกมแปลกๆที่แม้ในความเป็นจริงทีมเยือนจะเล่นห่วยแค่ไหนแต่”ขุนค้อน” ไม่ได้น่ากลัวมีเกมบุกพิฆาตน่ากลัวอะไรขนาดนั้น
น่าเสียดายจริงๆครับ เสียประตูแบบนี้ หมดราคาประตูเรตค่าเหนื่อย 3-4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์จริงๆ
แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าจะเกมที่พลาดหมูหกกับ เซบีญ่า หรือกับ เวสต์แฮม ทุกๆครั้ง เอริค เทน ฮาก ออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้องและยกย่องตลอด
ใจความสำคัญคืออยากต่อสัญญา ตรงนี้มองได้ว่า ETH ยอมซื้อแลกความเสี่ยงกับลูกเซฟมหัศจรรย์ของ “ลามะ” ที่เกิดขึ้นบ่อยกว่าความผิดพลาด
เมื่อสัญญาณส่งมาแบบนี้แฟนผีก็คงต้องทำใจที่ลูกลักษณะนี้จะวนลูบแวะเวียนมาหาพวกท่านอยู่เรื่อยๆ
จากการที่ “สาลิกา” แพ้คาบ้านและ “ผีแดง” แพ้ 2 เกมรวดทำให้ top 4 จากที่ว่าจะเป็น 2 ทีมนี้ส่งต่อความหวังให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาทีละนิด
เป็นการอดนอนและเสียเวลาดูที่คุ้มค่าของ เดอะ ค็อป ที่สวมวิญญาณ อาร์เซพูล และ เวสต์พูล ตั้งแต่ 4 ทุ่มครึ่งยันเกือบตี 3
ผมไม่ได้เขียนถึง “หงส์แดง” ใน 2 เกมหลังสุดเพราะมีความรู้สึกว่ามันเป็นประเด็นเดิมๆ ผมไม่ชอบเขียนอะไรซ้ำซากติดๆกัน
และดูเหมือน เยอร์เก้น คล็อปป์ กำลังลองระบบเพื่อเตรียมไว้ใช้ในฤดูกาลหน้าไม่ว่าจะ 3-4-3 หรือเกมล่าสุดปรับมาเป็น 4-2-3-1 ที่ส่ง 4 ตัวรุกพร้อมหน้าพร้อมตาซึ่งผลออกมาคือไม่เวิร์คและผู้เล่นยังไม่ชิน
ครับโดยส่วนตัวผมยังเชื่อว่า “หงส์” ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องให้ความหวังคนเก่งและหักอกไปพร้อมๆกันท้ายที่สุดแล้วจะพลาดไปไม่ถึงฝั่งฝัน
การเก็บชัย 6 นัดรวด เป็นการเข้าเบรกที่ออกจะนิยายไปหน่อย (เมื่อเทียบกับฟอร์มและสภาพผู้เล่นก่อนหน้านี้)
จังหวะเป็นใจด้วยแหละครับได้เล่นในบ้าน 4 จาก 5 เกมหลังสุดและเป็นการเก็บเควส “ย่อย” ได้ตามเป้ากับ 3 เกมหลังสุดที่ แอนฟิลด์
สังเกตได้ว่าทุกๆเกมที่ชนะรวดมานั้น margin ลูกเดียวมา 5 เกมติดต่อกัน
เป็นการแอบฟ้องว่านักเตะเริ่มกดดันให้เห็นแล้ว แม้นายหัวบอกไม่ได้หวัง top4 แต่ไปหลอกเด็กเถอะครับ คือหวังอยู่แล้วแค่ไม่อยากให้ลูกทีมกดดันจนเล่นไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่อาการล่กในช่วงเข้าได้เข้าเข็มปิดไม่มิดนะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไบรท์ตัน เป็นอีกสมการสำคัญที่ยังเหลืออีกถึง 6 เกมและเริ่มประเดิมมันเดย์ไนท์กับ เอฟเวอร์ตัน ที่จะเริ่มเห็นเค้าโครงทีมใกล้ตกชั้นไปในตัวด้วย
เมื่อถึงเดือนพฤษภาคมทีไรการคั่วแชมป์, ตั๋ว UCL และท้ายตารางไม่ต่างอะไรกับการย้อนกลับไปดูคลิปเน โฮฟาทูร่า คือไม่มีเบื่อและสนุกได้ทุกครั้งจริงๆครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
ถ้านับ 2 เกมสุดท้ายของเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วไปด้วย แมนฯยูฯ แพ้ 4 นัดในเดือนนี้โดยที่ยิงใครไม่ได้เลย (แพ้ ไบรท์ตัน 4-0, แพ้ พาเลซ 1-0, แพ้ ไบรท์ตัน 1-0 และล่าสุดแพ้ เวสต์แฮม 1-0)
“ปีศาจแดง” แพ้นัดเยือนไปแล้ว 8 เกมในฤดูกาลนี้ กลายเป็นสถิติแพ้เกมนอกบ้านมากที่สุดใน 1 ซีซั่นคู่กับฤดูกาล 2021-22 และ 2015-16 ไปแล้ว
ดาบิด เด เกอา ทำพลาดจนนำมาสู่การเสียประตูในทุกรายการเป็นลูกที่ 4 ในฤดูกาลนี้แล้ว ครองสถิติผู้เล่นพรีเมียร์ที่พลาดมากที่สุดร่วมกับ ฮูโก้ ญอริส จอมเหวอแห่ง สเปอร์ส เรียบร้อย
อารอน แรมส์เดล เป็นเพียงผู้รักษาประตูคนที่ 3 ที่เก็บคลีนชีตเกมเยือนใน 1 ฤดูกาลได้ถึง 10 เกมต่อจาก ปีเตอร์ เช็ก (11 เกม ฤดูกาล 2004-05 และ 10 เกม, 2008-09) และ เอแดร์ซอน (11 เกม, 2018-19 และ 10 เกม, 2021-22)
กาเบรียล์ มาร์ติเนลลี่ เสียบสกัดชนะผู้เล่น นิวคาสเซิ่ล 5 ครั้งในเกมนี้โดยที่ บูกาโย่ ซาก้า จัดไป 4 โดยทั้ง 2 สถิติส่วนตัวที่ว่าเป็น the best เหนือนักเตะทุกคนในพรีเมียร์ลีก
“ปืนใหญ่” ได้ประโยชน์จาก OG. ในฤดูกาลนี้ถึง 4 ลูก มากที่สุดร่วมกับ ไบรท์ตัน และ ลิเวอร์พูล โดยทั้ง 4 ลูกที่ว่านี้ได้มาจากนัดเยือนทั้งหมดอีกด้วย
ทั้ง มาร์ติเนลลี่ และ โอเดการ์ด (ยิงได้ 15 ลูกทั้งคู่) ทำให้ อาร์เซนอล มีนักเตะที่ยิง 15+ พร้อมกัน 2 คนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียวเป็นครั้งแรก
ที่มา: soccersuck