เกาหลีใต้ตอกย้ำ ไม่มีหมูในบอลโลก
สิ่งที่ ญี่ปุ่น แสดงให้โลกเห็นเมื่อวันก่อนและล่าสุดเป็น เกาหลีใต้ ได้ข้ามผ่านฟีลลิ่งพลิกล็อกหรือเซอร์ไพรซ์ในความรู้สึกเราไปแล้ว
น้ำหนักเครดิตต่อผลงานที่เกิดขึ้นไปอยู่ที่ความมานะ, ใจสู้, สามัคคีในเกมรับเพื่อยื้อโอกาสให้ตัวเองจนบั้นปลาย “โสมขาว” ได้ประตูชัยที่รอคอยนาที 90+1 (จากทดเจ็บทั้งหมด 6 นาที)
จากบทเรียนของ ญี่ปุ่น ผมไม่ลุกไปไหนจนกระทั่งได้เป็นสักขีพยานกับประตูประวัติศาสตร์ของ ฮวาง อี ชาน พร้อมๆกับทุกคนทั่วโลก
ประตูนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยหากขาดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง…….
1. ซน เฮือง มิน เข้าไปยืนจ่อรบกวนแข้ง โปรตุเกส ที่กำลังจะเตะมุมสั้นนำมาสู่การเลือกครอสในที่สุด
2. ความเหลือเชื่อที่จังหวะบอลพาทัวร์ของ ซน น่าจะจบแค่นั้นหลังถูกรุมหน้ารุมหลังด้วยแข้ง “ฝอยทอง” รวมกันถึง 7 คน
4. ไหวพริบจ่ายลอดขา น้ำหนักและจังหวะ “เป๊ะ” พอดีกับ ฮวาง อี ชาน ที่หากลูกนี้ให้ช้าเกินไปก็ offside หรือเร็วเกินไปจะเข้าเหลี่ยมกองหลัง
5. การก้มหน้าออกตัววิ่งของ ฮวาง อี ชาน จากหน้ากรอบเขตโทษตัวเองมาถึงฝั่ง โปรตุกีส โดยที่ไม่รู้ว่า ซน จะรอหรือเลือกยิงเอง ผลตอบแทนที่ได้มาคุ้มค่าชนิดประเมินค่ามิได้จริงๆ
ผมมาอ่านบทสัมภาษณ์ทีหลังโดยหอก วูลฟ์แฮมป์ตัน วัย 26 ปี แกบอกว่าเชื่อว่าตอน ซน ได้บอล เขาเชื่อว่าเพื่อนจะแทงมาให้แน่ๆ (ถึงวิ่งหน้าตั้งขนาดนั้น)
ในอีกแง่มุมนึง เกาหลีใต้ ได้เปรียบตรงที่ โปรตุเกส โรเตชั่นหลายตำแหน่งหลังตีตั๋วเข้ารอบไปแล้ว เรื่องลูกบดขยี้ลูกสุ่มเสี่ยงฝั่ง “โสม” พร้อมบวกแบบไม่คิดชีวิตมากกว่าอยู่แล้ว
เงื่อนไขการเข้ารอบก่อนลงสนามมีแต่คำว่า “ถ้า” หรือ “หาก” มากมายเต็มไปหมด
ก่อนจะยืมจมูกคนอื่นหายใจ เกาหลีใต้ เก็บเควสของตัวเอง งานเสร็จน้ำตาแห่งความภูมิใจหลังจบเกมทั้งนักเตะและกองเชียร์มากันแบบไม่ได้นัดหมาย
ความหวังของแข้ง “เคป๊อป” ฉายแสงตั้งแต่ อุรุกวัย นำ กาน่า ในครึ่งแรก 2-0 แล้วครับเพราะหากสกอร์กลับฝั่งเป็น “ดาวดำ” นำหรือปิดจ็อบคือจบเห่ทันที
ความโชคดีรอบ 2 คือ “จอมโหด” ค้างสกอร์ 2-0 รวมแล้ว 1 ชม. ทั้งๆที่ยิงอีกลูกจะปาดหน้าเข้ารอบด้วยประตูได้เสีย +1 มากกว่าทันที
พูดก็พูดตั้งแต่เริ่มบอลโลกมา เกาหลีใต้ ได้ “บัฟ” เกือบทุกนัดจากการที่ ญี่ปุ่น ลงเล่นก่อนทั้งโค่น เยอรมัน และ สเปน
2 ชาตินี้แข่งขันเขม่นเรื่องความเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจและกีฬาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ต่างจากการที่เราเห็น เวียดนาม ล้มเหลวในเวทีใหญ่แล้วเรากดหัวเราะตามโซเชี่ยลนั่นแหละครับ
การสร้างสตอรี่ให้โลกได้แซ่ซ้องของทีมชาติ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ทำให้พวกเรารู้สึกอิจฉาและน่าจะรู้สึกไปในทางเดียวกันว่าถ้าได้เชียร์ทีมชาติไทยฟีลลิ่งมันจะขนาดไหน
แต่พอมานั่งๆคิด เออเราไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาความภาคภูมิใจกับชาติตัวเองในทุกเรื่องก็ได้นะ มันยังมีส้มตำ, ทุเรียน, ถาดใส่หนมจีน ไว้อวดได้อยู่นี่หว่า
ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ มาถึงวันนี้มันต้องเริ่มโปรเจคในระดับ 20-30 ปีซึ่งวัฒนธรรมของบ้านเรารออะไรแบบนั้นไม่ไหว
ครับฟุตบอลโลกที่ตอนแรกมีแววจะเป็นทัวร์นาเมนท์อัปยศผิดที่ผิดทางแต่ยิ่งดูยิ่งมันและจะว่าไปแล้วมาตรฐานแต่ละทีมสูสีกว่าที่ผ่านๆมาด้วยซ้ำ…
ที่มา: soccersuck