เรื่องเล่าตำนานเวิลด์ คัพ : เปาโล รอสซี่ จากแข้งล้มบอล สู่ฮีโร่แชมป์โลกของอิตาลี

#SSxKMD | 9 ธันวาคม คือวันครบรอบการเสียชีวิตของเปาโล รอสซี่ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลี ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1982 ที่เคยสร้างเรื่องราวอันโด่งดังจนกลายเป็นตำนานของวงการลูกหนัง

วีรกรรมของรอสซี่ เป็นที่น่าจดจำทั้งด้านดำและขาว จากเคยที่อยู่ในจุดต่ำสุดของชีวิตเพราะคดีล้มบอล สู่การพลิกชีวิต ในการพาตัวเอง และ “อัซซูรี่” ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของโลก เมื่อ 4 ทศวรรษก่อน

เรื่องราวชีวิตจริงของอดีตดาวซัลโวเวิลด์ คัพ 1982 ที่ยิ่งกว่าละคร เป็นอย่างไร ติดตามได้ที่ SoccerSuck x ไข่มุกดำ

ปฐมบทของตำนาน

เปาโล รอสซี่ เริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งกับยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ในปี 1973 แต่ด้วยรูปร่างที่เล็ก เทคนิคก็ไม่มีอะไรโดดเด่น จึงต้องไปเล่นให้กับสโมสรเล็กๆ อย่าง โคโม่ เป็นเวลา 1 ปี

ฤดูกาล 1976/77 รอสซี่ย้ายไปร่วมทีมวิเซนซ่า ในเซเรีย บี ยิง 21 ประตู ช่วยทีมเลื่อนชั้นสู่เซเรีย อา ตั้งแต่ซีซั่นแรก และในซีซั่นต่อมา ยิงได้อีก 24 ประตู จนได้ติดทีมชาติอิตาลี ชุดลุยฟุตบอลโลก 1978

เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ปี 1978 ที่ประเทศอาร์เจนตินา รอสซี่ กับทัวร์นาเมนท์ใหญ่ครั้งแรก ยิงไป 3 ประตู มีส่วนช่วยให้อิตาลี คว้าอันดับที่ 4 มาครอง และเจ้าตัวติดทีมออล-สตาร์ ประจำการแข่งขันด้วย

ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าจับตามอง ทำให้อดีตทีมเก่าอย่างยูเวนตุส ขอซื้อตัวกลับคืนมา แต่รอสซี่ขออยู่ช่วยวิเซนซ่าต่อไป ยิงได้ 15 ประตู ทว่าเมื่อจบซีซั่น 1978/79 ต้นสังกัดของเขา ร่วงตกชั้นกลับสู่เซเรีย บี

อย่างไรก็ตาม รอสซี่ยังได้โอกาสโชว์ฝีเท้าในลีกสูงสุดต่อไป ในการย้ายไปร่วมทีมเปรูจาด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ซีซั่น ยิงได้ 13 ประตู จาก 28 เกมลีก ยกระดับขึ้นมาเป็นดาวยิงเบอร์ต้น ๆ ของวงการ

เส้นทางอาชีพค้าแข้งของเปาโล รอสซี่ กำลังจะไปได้สวย แต่กลับต้องเจอมรสุมครั้งใหญ่ เพราะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับ “การล้มบอล” หรือว่าชีวิตของเขา กำลังจะถึงขาลงอย่างรวดเร็วเสียแล้ว

“โตโตเนโร่” อันฉาวโฉ่

คดี “โตโตเนโร่” (Totonero) เป็นหนึ่งในคดีโด่งดังของวงการฟุตบอลอิตาลี ยุคทศวรรษที่ 1980s ซึ่งบรรดาสโมสรฟุตบอล และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ต่างโดนลงโทษมากน้อยแตกต่างกันไป

เรื่องราวอื้อฉาวครั้งนี้ เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 1980 มีนักพนันจากกรุงโรม 2 คน อ้างว่า มีนักเตะบางคนที่เป็นลูกค้าประจำ ล็อคผลการแข่งขันในเกมระดับเซเรีย อา และมีสโมสรใหญ่เข้ามาเอี่ยวด้วย

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้สโมสรเอซี มิลาน และลาซิโอ เจอบทลงโทษหนักสุด ด้วยการถูกปรับตกชั้นลงไปอยู่ในเซเรีย บี โดยเฉพาะฝ่ายหลัง โดนปรับเงินเพิ่มอีก 10 ล้านลีร์ (ลีร์ คือสกุลเงินของอิตาลีในสมัยก่อน)

ขณะที่นักฟุตบอล 20 คน ที่เกี่ยวข้องกับคดีโตโตเนโร่ ถูกแบนห้ามลงสนาม โดยผู้เล่นที่ถูกลงโทษหนักสุดคือ สเตฟาโน่ เปเยกรินี่ โดนแบนยาวถึง 6 ปี ส่วนแข้งที่ถูกลงโทษเบาสุด โดนแบน 3 เดือน

เปาโล รอสซี่ กองหน้าทีมชาติอิตาลีของเปรูจา ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย และเมื่อทางการได้ตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่ามีความผิดจริง เขาจึงถูกสั่งแบนยาว 3 ปี

อย่างไรก็ตาม รอสซี่ได้ขออุทธรณ์โทษดังกล่าว และได้ลดโทษลงไป 1 ปี คงเหลือ 2 ปี แต่ภาพลักษณ์ของเขาถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้น และไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยในการกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา

การเดิมพันของแบร์ช็อต

ปี 1981 ยูเวนตุส ได้ซื้อตัวเปาโล รอสซี่ ที่ยังอยู่ในช่วงชดใช้โทษแบน กลับคืนสู่ทีมเก่าอีกครั้ง และหลังจากที่โทษแบนสิ้นสุดลงในช่วงปลายซีซั่น 1981/82 เขาได้ลงสนามทั้งหมด 3 นัด ยิงได้ 1 ประตู

ในขณะเดียวกัน ทีมชาติอิตาลี ชุดลุยฟุตบอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน กำลังมองหากองหน้าสักคน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเกมรุกที่ทำประตูได้น้อยในรอบคัดเลือก ซึ่งยิงได้แค่ 11 ประตู จาก 8 นัด

เอ็นโซ่ แบร์ช็อต เฮดโค้ชอิตาลีในเวลานั้น ได้ตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่ ในการใส่ชื่อรอสซี่ ติดทีมไปเวิลด์ คัพด้วย ทำเอาบรรดาแฟนบอล ออกมาตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการเลือกนักเตะรายนี้

“การเลือกรอสซี่ ไปฟุตบอลโลก เปรียบเสมือนการเล่นพนันที่เทหมดหน้าตัก แต่เหตุผลที่ผมต้องตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะ 2 ปีที่ไม่มีเขา ผมหาใครมาทดแทนไม่ได้จริง ๆ” อดีตกุนซืออัซซูรี่ผู้ล่วงลับ กล่าว

ฟุตบอลโลก 1982 บนแผ่นดินกระทิงดุ รอสซี่ ลงเล่นรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 2 เริ่มต้นในรอบแบ่งกลุ่ม รอบแรก อยู่ร่วมสายกับโปแลนด์, แคเมอรูน และเปรู ดูเหมือนจะเป็นงานที่ไม่น่ายากสักเท่าไหร่

ทว่าใน 3 เกมแรก รอสซี่ไม่มีชื่อเป็นผู้ยิงประตู ขณะที่อิตาลีเสมอทั้ง 3 นัด เข้ารอบแบ่งกลุ่ม รอบสอง ด้วยผลต่างลูกได้เสียที่ดีกว่าแคเมอรูน 1 ลูก ไปเจองานหินทั้งบราซิล และอาร์เจนตินา 2 ยักษ์ใหญ่อเมริกาใต้

นัดแรก อิตาลี ชนะอาร์เจนตินา 2 – 1 รอสซี่ยังไม่มีสกอร์เช่นเดิม ส่วนนัดที่ 2 บราซิล ชนะ อาร์เจนตินา 3 – 1 ทำให้ในนัดสุดท้ายของรอบนี้ อิตาลีต้องเอาชนะบราซิลให้ได้สถานเดียว เพื่อเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม

ผู้ร้ายกลายเป็นพระเอก

4 นัดแรกของเวิลด์ คัพ 1982 ที่เปาโล รอสซี่ ทำประตูไม่ได้ เอ็นโซ่ แบร์ช็อต เริ่มที่จะตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอล เพราะเป็นคนเลือกเขาเข้ามาติดทีม ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สัมผัสเกมลูกหนังมานานร่วม 2 ปี

แต่ในที่สุด แมตช์ที่พบกับบราซิล ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างชื่อของรอสซี่ เมื่อจัดการกดแฮตทริก ช่วยอิตาลีแซงเอาชนะ 3 – 2 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปพบกับโปแลนด์ คู่ปรับเก่าจากรอบแรก

รอบตัดเชือก รอสซี่คือพระเอกตัวจริง เหมาคนเดียว 2 ประตู หักด่านโปแลนด์ ด้วยสกอร์ 2 – 0 เข้าชิงชนะเลิศกับเยอรมันตะวันตก ที่นำโดย คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้, เคลาส์ ฟิชเชอร์, พอล ไบรท์เนอร์ เป็นต้น

เมื่อฟอร์มของรอสซี่กำลังร้อนแรง อะไรก็หยุดไม่อยู่ เขาเป็นคนยิงประตูให้อิตาลีออกนำก่อน ตามด้วยมาร์โก้ ทาร์เดลลี่ และอเลสซานโดร อัลโตเบลลี่ บวกคนละลูก ส่วนเยอรมันตีตื้นได้ 1 ประตู จากไบรท์เนอร์

จบเกมนัดชิงชนะเลิศ เวิลด์ คัพ 1982 อิตาลี คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 3 หลังจากห่างหายไปนานถึง 44 ปี และคนที่ต้องได้รับเครดิตไปเต็ม ๆ คือ แบร์ช็อต ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตัดสินใจถูกต้องที่ไว้ใจรอสซี่

รอสซี่ นอกจากจะพาทีมคว้าแชมป์แล้ว ยังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม, ดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนท์ (6 ประตู) และไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพ ด้วยการคว้ารางวัล “บัลลง ดอร์” ในปีเดียวกันอีกด้วย

“สำหรับผม นั่นคือการชุบชีวิตของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ชีวิตผมเปลี่ยนไปภายใน 1 สัปดาห์ บาปของผมได้ถูกชะล้าง การยิงประตูในฟุตบอลโลก มันเหมือนปาฏิหาริย์” รอสซี่ เปิดใจหลังความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่

แม้ความสำเร็จของเปาโล รอสซี่ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว จะไม่สามารถลบล้างบาปในอดีตออกไปได้ แต่การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในครั้งนั้น ชาวอิตาลีทุกคนยังพูดถึงเขาในฐานะ “ตำนาน” จนถึงทุกวันนี้

เรียบเรียง : จักรพันธ์ ภู่ทอง

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด