เหนื่อยไหมกับทีมที่เชียร์อยู่
นอกเหนือไปจากปัญหาของทีม แมนฯยูฯ ที่ทำให้แฟนบอลกินไม่ได้นอนไม่หลับ เชลซี เป็นอีกหนึ่งผู้ประสบภัยอย่างหนักไม่แพ้กัน
“สิงห์บลู” ทำได้แค่เสมอกับ บอร์นมัธ ที่ยังไม่ชนะใครในซีซั่นนี้ด้วยสกอร์ 0-0
ทั้งๆที่ “เดอะ เชอร์รี่ส์” จะว่าไปแล้วไม่มีจุดเด่นหรือความน่ากลัวใดๆแต่เล่นไปเล่นมาทำให้เกมกลับมาสูสีและต้องขอบคุณ โรเบิร์ต ซานเชส งามๆที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง
สถานการณ์จากต้นเกมที่ทีมเยือนบุกหนักร่วม 10 นาทีและเกือบขึ้นนำ (แต่ แจ็คสัน ยิงชนเสา)
แต่ท้ายที่สุดเข้าอีหรอบเดิมคือคำพูดง่ายๆคือจบสกอร์ส่งบอลเข้าประตูคือสิ่งที่ยากที่สุดของ เชลซี ณ เวลานี้ไปแล้ว
ซีซั่นก่อนเพิ่งสร้างสถิติใหม่ยิงประตูน้อยสุดในประวัติศาสตร์แค่ 38 ลูกจากการเล่น 38 เกมนั่นหมายความว่าเฉลี่ยแล้วยิงนัดละลูก ซึ่งถือว่าน้อยน่าเกลียดเหลือเกิน
ความสม่ำเสมอที่ว่านี้ส่งต่อมายังฤดูกาลใหม่กับ 5 ประตูใน 5 นัด ปัญหาลุกลามต่อเนื่องราวกับว่าจะไม่มีทางได้รับการแก้ไขในเร็วๆนี้
เกิดอะไรขึ้น โอกาสยิงประตูน้อยเกินไปเหรอ?
ก็ไม่นะ รั้งอันดับ 4 ร่วมด้วยจำนวนยิงรวมมากถึง 81 ครั้ง แต่เนื้อร้ายมันคือ “ความคม” ที่ฉุด “สิงห์” ร่วงไปอยู่ “รองบ๊วย” หากพูดถึง expected goals หรือ xG
เชลซี มีค่าตัวเลขอยู่ที่ 10.13 ในขณะที่ “บ๊วย” คือ เอฟเวอร์ตัน 7.58
ตัวเลขบอกได้ประมาณนึงแต่หลักฐานคือการเห็นคาตากับความ “เลอะเทอะ” กับพื้นที่สุดท้าย
คนจบสกอร์ของ เชลซี เวลานี้เหมือนคนอมทุกข์และแบกโลกไว้ทั้งใบ ยิ่งปัญหาหมักหมมมากเท่าไหร่การยิงทั้งเกร็งและเน้นไม่เป็นธรรมชาติ
theathletic ใช้คำว่าแข้ง “สิงห์” ดูเหมือนพวก “clumsy” มีความเซ่อซ่าฝังโดยอัตโนมัติ
ยกตัวอย่างลูกหลุดขึ้นมายิงในกรอบของ นิโคลัส แจ๊คสัน ที่วางเท้าก้มหน้าถูกต้องตามหลักสูตรแต่บอลปลิ้นผิดเป้าหมายไปหาคนดูน่าเกลียดสุดๆ
แม้ตำแหน่งการยิงไม่ถึงกับเหน่งๆแต่สามารถยกเอามาเป็นภาพรวมและบทสรุปของความเป็น เชลซี ณ เวลานี้ได้ดีที่สุด
รวมไปถึงพวกจังหวะนัวเนียในระยะเผาขนทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลังอีกนับไม่ถ้วนที่มันก็ต้องมีซักลูกสองลูกไปแล้วด้วย
ความซวยหรือโชคร้ายลูกฟรีคิกของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ใครเห็นก็ว่าเข้าแต่ยังอุตสาห์ชนสามเหลี่ยมกระเด้งผ่านเส้นแถม โควิลล์ ที่มายิงซ้ำดันล้ำหน้าซะงั้น
เดอะ แบกที่หลังแอ่นมาหลายเกมอย่าง เอนโซ แฟร์นานเดซ ที่วันนี้เล่นไม่ออกเนื่องจาก อันโดนี่ อิราโอล่า บอสใหญ่ใจถึงของเจ้าถิ่นสั่งการให้ ลูอิส คุ๊ก (MOM) ตามคุมมิดฟิลด์แชมป์โลกชนิดที่ว่าถ้าขอตัวเข้าห้องน้ำก็พร้อมจะเข้าไปนั่งขี้ด้วย
ว่ากันว่า “cutting edge” หรือความคมที่ไม่มีแล้วของเชลซี คุณสมบัติที่ไม่มีเหมือนพวก top team คือยามที่เล่นไม่ดีทำอะไรก็ติดขัดทีมเหล่านั้นมักจะค้นหาวิธีทำประตูได้ในที่สุด
“สิงห์บลู” มีนักเตะโฮลด์บอลและสายสปีดหวือหวาล้นทีมแต่ขาดประเภทไม่ต้องท่าเยอะแต่จบนิ่งๆประเภท คัลลั่ม วิลสัน, ดิโอโก้ โชต้า, อีวาน โทนีย์ หรือ อันโตนิโอ
เมาริซิโอ ปอเชตติโน่ กำลังอยู่ในสถานการณ์ “แผลกดทับ” มากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากงบที่เสริมทัพในซัมเมอร์นี้ 345.9 ล้านปอนด์กับสิ่งที่แฟนบอลเห็นในสนามไม่มีใครรับได้แน่นอน
โดยเฉพาะอย่างน้อยๆ “เสี่ยท็อดด์” เจ้าของทีมอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน
มิติบอลการส่งบอลไปมาไม่คืบหน้าและดูน่าอึดอัดแถมยังค้นหาแผนที่เหมาะสมกับสภาพทีมตอนนี้ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หนำซ้ำการให้สัมภาษณ์ของ “พอช” ถึง มูดริค ที่ลงตัวจริงหนแรกของซีซั่น (และสอบไม่ผ่าน) ยังพูดถึงการให้พยายามทำความเข้าใจเกมให้ดีกว่านี้
หลายภาคส่วนจริงๆไม่รู้จะพึ่งพาหรือแก้ไขอะไรก่อนดีเลยครับจุดนี้
ครับอาการบาดเจ็บที่ทำให้นักเตะเดี้ยงถึง 12 คนเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ เชลซี ขาดทรัพยากรดีๆไปแต่ตัวผู้เล่นที่อยู่ในสนามยังไงเสียก็เหนือกว่า บอร์นมัธ
แฟนบอลที่เดินทางมาเชียร์ระบายถึงความรู้สึกตั้งแต่ครึ่งแรกที่พร้อมใจตะโกน “บุก,บุก,บุก” ในครึ่งแรก
และมาโห่ใส่ทีมตัวเองทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดจบเกมที่ วิตาลิตี้ สเตเดี้ยม พร้อมสร้างตัวเลขใหม่ให้ “พอช” ยังต้องควานหาชัยชนะเกมเยือนออกไปเป็นนัดที่ 14 (รวมตอนคุม สเปอร์ส ด้วย)
ที่น่าชวนให้ติดตามเหลือเกินว่า เชลซี จะหนักถึงขั้นไหนเพราะอาทิตย์หน้าเล่นในบ้านตัวเองเจอ อูไน เอเมรี่ เจ้าพ่อแท็คติกส์ที่มีแข้งเทคนิควิ่งไม่มีหมดอยู่เต็มทีมไปหมด
ชักไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ระหว่างปลดล็อกยิงประตู, 3 แต้มหรือเปลี่ยนโค้ช แฟน “สิงห์” อยากเห็นอะไรก่อนกัน….
สถิติ สถิติ สถิติ
นับตั้งแต่ แกรห์ม พ็อตเตอร์ พา เชลซี ชนะเกมเยือน 2 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก (พบ พาเลซ และ วิลล่า ตุลาคม 2022) “สิงห์” เพิ่งชนะเพิ่มอีก 2 เกมจาก 16 นัดเยือนเท่านั้น (เสมอ 5 แพ้ 9)
เลสลี่ย์ อูโกชุควู เป็นนักเตะไม่ซ้ำหน้าคนที่ 37 ของ เชลซี ที่ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ปี 2023 นับเป็นสถิติตัวจริงไม่ซ้ำมากที่สุดของสโมสรในปีปฏิทินเดียวไปแล้ว
เชลซี เพิ่งยิงได้แค่ 5 ลูก เป็นสถิติใหม่ยิงน้อยที่สุดใน 5 เกมแรกของพวกเขานับตั้งแต่ฤดูกาล 1996-96 ซึ่งปีนั้นจบอันดับ 11
บอร์นมัธ ไม่แพ้ เชลซี 3 จาก 4 เกมหลังสุดในบ้าน (ชนะ 1 เสมอ 2) ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นแพ้ “สิงห์” รัวๆ 3 เกมในบ้านระหว่างปี 2015-16 ถึง 2017-18
“เดอะ เชอร์รี่ส์” ทำสถิติสุดแปลกไม่ชนะใคร 10 นัดในบ้านหากจบลงด้วยการเสมอในช่วง “พักครึ่ง” (เสมอ 8 แพ้ 2) โดยชัยชนะครั้งล่าสุดคือกด เอฟเวอร์ตัน 3-1 เมื่อเดือนกันยายน 2019 หลังเสมอช่วงพักครึ่ง 1-1
ที่มา: soccersuck