เหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่าย
เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายตรงตามหัวข้อ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบสถานการณ์บอลเหนือคู่แข่งแต่สกอร์ค้าง 1-0 จนถึงท้ายเกม
มันพาให้อารมณ์มันตึงเครียด จะลุกไปเข้าห้องน้ำหรือหยิบปลาทาโร่มากินก็ไม่ค่อยอยากผละหน้าจอทีวีซักเท่าไหร่
เป็นสูตรสำเร็จที่ผู้เป็นรองมักมีอาการ “ใจฟู” มีความดีดในช่วงท้ายเกม สวนทางกับทีมที่นวดเขาอยู่ตั้งนานเป็นฝ่ายล่กแทน
ต้องขอบคุณประตูทดเจ็บ 90+2 ของ ดิโอโก้ โชต้า ที่ทำให้ผมเยี่ยวได้ซักที!!
ครับโดยรวมเกมนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน “จ่าฝูงลีกเบลเยียม” ยูเนียน แซงต์ ชิลลัวส์ มาแบบเจียมเนื้อเจียมตัวใช้วิธีคุมโซนรอสวนกลับ
ทีมไหนก็แล้วแต่เลือกเล่นแบบนี้ก็ต้องเจอ “หงส์แดง” ขึงนวดเกือบๆฝ่ายเดียวครึ่งสนาม ซื้อใจเกมรับกันไป
น่าเสียดายจังหวะทีมเวิร์คที่ผมให้สวยที่สุดในเกมนี้จากลูกแทงทะลุของ เอเลียตต์ ให้ ซาลาห์ ก่อนที่ “โม” จะถวายพานลูกนิมิตรให้ นูนเญซ ยิง 6 หลา หลุดข้างเสา!!
เป็นจุดอ่อนของ “หนูน” ที่มักพลาดง่ายๆแบบนี้ประจำ การยิงประตูกับโอกาสจะแจ้งมันส่งผลแพ้ชนะได้ง่ายๆเลย จุดนี้ต้องเน้นและแก้ไขโดยด่วน
ผมชอบการจัด line up ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่มองว่าส่งตัวจริงปิดเกมแล้วค่อยพักมากกว่าจะไฟลนก้นส่งมาแก้งานในครึ่งหลังเหมือนนัดแรกกับ LASK
พักครึ่งหลังกับพักครึ่งแรก “พัก” เหมือนกันแต่อย่างหลังงานหยาบกว่าหากมองในเรื่องของเงื่อนไขเวลาที่เหลือน้อยกว่า
ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ไรอัน กราเวนแบร์ค ที่เปิดซิงประตูแรกได้แล้วแม้จะเป็นความผิดพลาดของผู้รักษาประตูที่ดันซองแตก
แต่ถ้าไม่ขยันจริงๆลูกนี้ยิงไม่ได้นะครับ เป็นเรื่องของ work rate เฉพาะบุคคล
โดยมากเป็นสัญชาตญาณของพวกกองหน้าจบสกอร์ คือเห็นอะไรพวกนี้แล้วทำให้ผมนึกถึง เอียน รัช ตำนาน “หงส์แดง” จอมเข้าฮอร์ตสไตล์ old fashion เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนร่วมทีมยิงไกลแกจะวิ่งเข้าไปรอเก็บตกทุกครั้ง
อาจจะพูดได้ว่าลูกลักษณะนี้คุณอาจวิ่งฟรี 20-30 แต่ถ้าทำเป็นนิสัยครั้งที่ 31 “หมูหก” คุณก็จกกินง่ายๆอย่างที่ “กราฟ” ปลดล็อกให้ทีมได้เปรียบก่อนหมดครึ่งแรกแค่นาทีเดียว
อีกประเด็นผมชอบเทคนิคการพลิกตัวแบบปล่อยบอลของ กราเวนแบร์ค เอามากๆ เป็นสไตล์ที่น้องแกเล่นมาตั้งแต่ อาแยกซ์
นอกจากสร้างความได้เปรียบในการเล่น play ต่อไปเนื่องจากเป็นการพลิกบอลที่หันหน้าเข้าหาประตูคู่แข่งได้ทันที
ยังทำให้ตัวประกบที่ขยับตัวแย่ง “เข้าพรวด” และหลงทิศก่อนใช้สีข้างเบียดบังลากขึ้นหน้าได้ง่ายๆเลย
เทคนิคนี้ใช้ได้กับทั้งพวกคุมโซนและเพรสไว โชคดีจริงๆที่ระบบการเล่นของ บาเยิร์น มิวนิค ไม่มีตำแหน่งให้ “กราฟ” กราบงามๆ 3 ที
คนที่ควรเอาใจช่วยเยอะๆหน่อยคือ เอ็นโด ที่การเล่นจังหวะบอลยังดูช้าและจ่ายบอลน้ำหนักทิศทางแกว่งๆ เพื่อนเอาไปเล่นต่อได้ไม่เนียนเท่าไหร่
อย่างว่าครับย้ายมาจาก สตุ๊ตการ์ต ทีมที่มักโดนชาวบ้านกดต้องตั้งรับตลอดเลยได้ใช้วิชาเต็มๆ
พอมาอยู่ “หงส์” จะอีกแบบคือเป็นบุกใส่เขา พื้นที่เล่นมีจำกัดแถมต้องคอยเซ็ตบอลที่มีคนตามมากวนใจตลอดเวลา
แต่ก็ตามสภาพครับอายุขึ้นเลข 3 ย้ายมาเป็นอะไหล่หมุนในแดนกลาง (และแบ็คขวา) เรียกว่าเป็นเงาเสียง เจมส์ มิลเนอร์ คงได้เล่นในเกมที่ไม่ใหญ่ประมาณนี้ทั้งซีซั่น
ส่วน จาเรลล์ ควอนซาห์ วันนี้เก็บเวล “สวยๆ” ไปอีก 1 เกม เรียกว่าดีวันดีคืนทุกนัดจริงๆ
เจอพวกกองหน้า+ปีกไวๆเลี้ยงจี้ใส่น้องดักทางแหย่สกัดอยู่หมัด ไม่มีประเภทล้มลุกคลุกคลานโดนกระชากหายดมก้นชาวบ้าน
โอเค อาจจะอ้างได้ว่า ยูเนียน แซงต์ ชิลลัวส์ ไม่ใช่ทีมจากลีกระดับ top แต่รุ่นพี่คนอื่นๆโดนหลอกหัวทิ่มไปคนละดอกสองดอกเหมือนกันเด้อ
ครับแม้จะเอามาเทียบกันไม่ได้เลยแต่ก็ถือว่าชัยชนะจาก ยูโรป้า พอเอามาชดเชยจากเหตุการณ์ “ใจสลาย” เมื่อสุดสัปดาห์ได้แบบกล้อมแกล้ม
ปิดท้ายด้วยวลียอดฮิต “can’t do anything” เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว มองไปข้างหน้าเพื่ออนาคตของลูกหลานครับ
ที่มา: soccersuck