แชมป์ในฝันปิดซีซั่นสวยหรู
แมนฯยูไนเต็ด ทำในสิ่งที่หลายทีมต่างใฝ่ฝันคือการคว่ำทีมอย่าง แมนฯซิตี้ ในเกมรอบชิงที่เวมบลีย์
เกมนัดเดียวที่ “เรือใบ” มักไม่เคยพลาดและต้องยอมรับว่าก่อนเกมมองเหลี่ยมไหน ยูไนเต็ด เป็นรองทุกด้านจริงๆ
พูดกันตรงๆ “ปีศาจแดง” เข้าชิงเอฟเอ คัพแค่ทำให้สปอนเซอร์ชอบ, บรรยากาศบิ๊วอัพอลังกว่าปล่อยให้ โคเวนทรี เข้ามา
มีแค่นี้จริงๆพร้อมโจทย์ข้อเดียวคืออย่าเสียประตูแรกเร็วเท่านั้นเป็นพอ
โดยจำกันไม่ลืมรอบชิง 2023 หรือปีที่แล้ว แมนฯยูฯ ถูก กุนโดกัน ยิงตั้งแต่ 12 วินาทีก่อนแพ้ไป 2-1
เรื่องรูปแบบการเล่นของทั้ง 2 ทีมชัดเจนว่ายุคนี้ ซิตี้ ครองบอลและ ยูไนเต็ด รับรอสวน
ประเด็นคือสวนอย่างไรในเมื่อ วอล์กเกอร์ ที่เคยวิ่งแซง วินิซิอุส มาแล้วตามเก็บ แรชฟอร์ด สบายๆ เช่นเดียวกับ กวาดิโอ ใหญ่และเร็วกว่า การ์นาโช่
ตำราในการเอาชนะ “เรือใบ” ในยุคเป๊ปมีไม่เยอะครับ 2 บท คืออย่าโดนก่อนและมีโอกาสต้องจบ
แต่ rare item ที่แทบไม่เกิดขึ้นเลยคือ ซิตี้ เล่นพลาดเหมือนทีมดาดๆทั่วไป การโหม่งคืนหลังของ กวาดิโอล่า ครั้งเดียวสร้างความฉิบหายและเปลี่ยนเกมนี้ไปตลอดกาล
คำถามที่มีการพูดถึงกันคือแข้งทีมชาติโครเอเชียหันหน้าเข้าหาประตู สายตามองไปที่โกล์ตัวเอง ทำไมถึงมองไม่เห็น ออร์เตก้า
โอเค ลูก 1-0 ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองมอบส้มหล่นให้โซเชี่ยลเอาไปแซะพอได้อยู่
แต่ที่ลบล้างได้อย่างหมดจดคือลูกเคาเตอร์ 2-0 ที่เล่นแค่ 4 คนจากหน้าปากประตูตัวเอง
เป็นการเข้าทำสุด classic ที่ทำให้แชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งนี้ของ “ผีแดง” หล่อทะลุแป้งเหลือเกิน
นอกเหนือไปจาก 2 ประตู เกมรับของ แมนฯยูฯ เล่นได้เกินมาตรฐาน การมี 2 เซนเตอร์อาชีพซึ่งทั้งซีซั่นมีปัญหาตำแหน่งนี้มาตลอดยิ่งมีวินัยเจาะยากมาก
มากถึงขนาดที่ว่า ซิตี้ ต้องหันมาพึ่งศาสตร์แขนงเก่าคือครอสจากริมเส้นอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว
นอกจากได้แชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 13 จี้อาร์เซนอลแค่ครั้งเดียวแล้วความพิเศษในตัวของมันคือการคว่ำ แมนฯซิตี้ “เต็ง 1” ทุกรายการบนโลกนี้
หรือถ้าจะให้สะใจมากไปกว่านั้นคือล้ม ลิเวอร์พูล ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้งๆที่ไม่น่ารอดมาได้
เอริค เทน ฮาก กับ 2 แชมป์ 2 ปีในเกาะอังกฤษ ถ้าไม่นับฟอร์มทั้งปีตัวเลขที่ว่านี้ไม่ขี้เหร่เลย แม้ข่าวลือก่อนเกมชี้ไปทางเดียวกันว่าไม่น่ารอด
ไม่อยากพูดคำนี้แต่ขอแสดงยินดีกับความสำเร็จส่งท้ายฤดูกาลได้ตั๋วไปลุยยุโรปเป็นโบนัสของ แมนฯยูฯ ด้วยจริงๆครับ…
ที่มา: soccersuck
