แพ้แบบยอมใจและคาใจ
เสียใจได้ครับแต่ต้องไม่กล่าวโทษใครหลัง โจเอล มาติ๊ป ผู้โชคร้ายทำเข้าประตูตัวเองในนาทีสุดท้าย 90+6 ก่อน ลิเวอร์พูล แพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาล
ในฐานะที่เคยร่วมแข่งทัวร์นาเมนท์เล็กๆและมีชื่อทำเข้าประตูตัวเองมาแล้ว บอกเลยครับความรู้สึกโคตรดิ่ง หน้าซีด อับอาย อยากเปลี่ยนตัวออกเดี๋ยวนั้นเลย
กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้นครับที่ต้องการ
พวกเราคนดูแน่นอนแทบล้มทั้งยืนแต่คนเหนื่อยและแบกรับความเครียดไว้บนบ่าคือพลพรรค “หงส์แดง” ที่เหลือผู้เล่น 9 คนและยันมาได้จนเกือบจะจบเกม
เสียใจและเจ็บปวดกว่าพวกเราเยอะดังนั้นแรง support คือสิ่งที่นักเตะต้องการมากที่สุด
ขอกราบหัวจิตหัวใจของนักเตะทุกคนที่ต่อสู้เกิน 100 ไว้ ณ นี้ครับ
ทุกคนวิ่งทดแทนผู้เล่นคนอื่นที่หายไป หนักขึ้นและหนักขึ้นทันทีที่ไม่เหลือกองหน้า 3 ประสานในสนามและต้องรับแบบวันเวย์ตั้งแต่นาทีที่ 70 เป็นต้นไป
เสียดายที่วันนี้มีเรื่องค้างคาใจนิดหน่อยคือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ยอมใช้แผนเดิมที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิ่ล นั่นคือการส่ง ดาร์วิน นูนเญซ แทนที่จะเป็น โชต้า ซึ่งผมว่าไม่ “เวิร์ค” ในเกมที่ต้องใช้ความเร็วในการสวนกลับ
โชต้า ช้าเกินไป, เก็บบอลไม่อยู่และโดนใบเหลืองแดงภายในนาทีเดียว เป็นการเล่นไม่รอบคอบสร้างงานให้เพื่อนโดยใช่เหตุ
ในทางกลับกันเราก็ต้องให้เครดิตความทุ่มเทไม่ยอมหมดความเชื่อมั่นของฝั่ง สเปอร์ส ด้วยที่ทำประตูทดเจ็บได้อีกแล้วหลังก่อนหน้านี้เคยยิงรัวๆ 90+8 และ 90+10 กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาแล้ว
การแพ้ ของ ลิเวอร์พูล ทำให้งานผมกลายเป็นดูไม่ค่อยมีสปิริตไปโดยปริยายแต่สาบานต่อหน้าเทวดาฟ้าดิน ผมได้ “ร่าง” 2 คำถามอันนี้เอาไว้ตั้งแต่พักครึ่งตอนที่สกอร์ 1-1 ถึง 2 ประเด็น “แปลกๆ” เอาไว้ดังนี้
1. ทำไมมอนิเตอร์ VAR ถึงค้างภาพ เคอร์ติส โจนส์ ย่ำใส่ บิสซูม่า ตั้งแต่กรรมการยังไม่วิ่งมาดู
ร้อยทั้งร้อยเห็นภาพนิ่งที่ว่าย่อมมีคำตอบในใจไปแล้วในทันที ดังนั้นการย้อนภาพกลับไปดูจังหวะ โจนส์ เข้าบอลเฉือนๆก่อนแฉลบไปโดนข้อเท้ามันแทบไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้ตัดสินอังกฤษที่ว่ากันว่าตามน้ำกับบรรยากาศรอบสนามและคำพูดเพื่อนฝูงมากแค่ไหน
2. VAR จับ หลุยส์ ดิอาซ์ ล้ำหน้าแต่ทำไมและทำไมถึงไม่ตีเส้นให้ชาวโลกเห็นว่ามันเหลื่อมตรงช่วงไหนทั้งๆที่การตัดสินในวันอื่นสนามอื่นเขาตีเส้นกันหมด ขึ้นขีดแดงโอเค จบๆไม่คาใจเล่นใหม่
ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือทีมงานของ Bein ได้วิเคราะห์และตีเส้นระหว่างพักครึ่งปรากฏมันไม่ล้ำ!!!
อันนี้ผมว่าเรื่องใหญ่ที่ทางคณะกรรมการพรีเมียร์ลีกต้องมีคำตอบชัดเจนว่าทำไมถึงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับคุณชูมือให้นักมวยแพ้/ชนะหลังจบ 5 ยกแต่ไม่ยอมเปิดเผยใบคะแนน มันไม่สง่าและไม่โปร่งใสครับ
ครับทิ้งท้ายกันไปผมกลับมองเห็นอนาคตของ ลิเวอร์พูล 2.0 มากขึ้นเรื่อยๆ การออกมาเยือนคู่แข่งถ้าไม่นับการเจอ เชลซี นัดเปิดสนามทีมนี้สู้ทุกทีมได้อย่างเป็นระบบ
นักเตะเลือดใหม่เข้ากับระบบเพรสซิ่งช่วยเหลือเกมรับได้ดีอย่างต่อเนื่อง
วิธีการเล่นของ โม ซาลาห์ ในวันนี้ไม่ต่างจาก คาริม เบนเซม่า ที่พักและเก็บบอลอย่างใจเย็นและบอลออกจากเท้าคือพร้อมเป็นโอกาสได้ตลอดเวลา
ผมเชื่อว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ “หงส์แดง” อ่อนแรงลงรังแต่จะ come back stronger
ผมอาจจะเป็นแฟนบอลพวกสายฮาร์ดคอร์คือเล่นเหมือนไม่ได้ซ้อมเล่นไม่สมกับเป็นนักเตะอาชีพผมก็ด่าตรงๆ ด่าบ่อยจนถูกแฟน “หงส์” ด้วยกันเอาไปแขวนที่เพจอื่นก่อนเรียกทัวร์ลงมาแล้วเมื่อเดือนก่อน
แต่สำหรับเกมนี้ขอยกให้ทั้งใจไม่ว่าผมหรือเดอะ ค็อป รักสุดๆครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
สเปอร์ส เป็นทีมแรกที่ยิงประตูชัยนาที 90 ในพรีเมียร์ลีก 2 เกมติดต่อกันในบ้านนับตั้งแต่ เบิร์นลีย์ เคยทำไว้เมื่อเดือนตุลาคม/พศจิกายน 2016
OG นาที 95.31 นาทีคือตัวเลขที่ โจเอล มาติ๊ป สร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นคนที่ทำเข้าประตูตัวเองท้ายเกมที่สุดและเป็นประตู “ตัดสิน” เกมท้ายเกมที่สุด
ลิเวอร์พูล โดน 3 ใบแดงใน 6 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกซึ่งเทียบเท่า 3 ใบแดงที่พวกเขาเคยได้ตลอดการลงเล่นมากถึง 168 เกมเลยทีเดียว
ที่มา: soccersuck