“โตนาลี” จบครบในตัวเดียว
ในขณะที่ เชลซี และ ลิเวอร์พูล เปิดศึกประชาช็อคแย่ง มอยส์ ไคเซโด้ ของ ไบรท์ตัน ที่ราคาทะลุเวอร์วัง 115 ล้านปอนด์
แต่ถ้าเอามาเทียบฟอร์มเปิดตัวสุดหรูนัดแรกของ ซานโดร โตนาลี ที่ นิวคาสเซิ่ล ได้มาจาก เอซี มิลาน เมื่อเดือนที่แล้วราคา 70 ล้านยูโร (60.1 ล้านปอนด์) ถือว่าถูกเป็นขี้
ต่อให้แอดออนจะทะลุไปที่ 80 ล้านยูโร (68 ล้านปอนด์) แต่มันคือของฝากจากแปดริ้วที่อร่อยคุ้มค่าสุดๆ
นี่คือการซื้อขายเสริมทัพที่ทำให้ “สาลิกา” ณ เวลานี้โหดสัสกว่าฤดูกาลที่แล้วเข้าไปอีก
ในเกมเปิดสนามและ debut ของมิดฟิลด์เด็กปั้น เบรสชา ก่อนมาซบ เอซี มิลาน ต้องบอกว่าเด่นจัดมีชื่อทำประตูแรกอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 6 ก่อนถล่ม แอสตัน วิลล่า 5-1 นำฝูงตั้งแต่เกมแรก
ทีมของ อูไน เอเมรี่ ถูกจับตามองอย่างมากหลังซีซั่นแรงปลายจบอันดับ 7 และเสริมทัพในตลาดแบบจริงจังแต่สุดท้ายต้านไม่ไหว
ก่อนหน้าเสีย ไทโรน มิงส์ เซนเตอร์ตัวเก่งในนาที 31 “สาลิกา” กดนำห่างไปแล้ว 2-0 ดังนั้นการลงสนามของ เปา ตอร์เรส ที่ดูช้าและงงๆกับสไตล์การเล่นแค่เข้ามาเพิ่มเติมความฉิบหายในแนวรับที่แท็คติกส์การดันไลน์เช็กล้ำหน้าหมดสภาพในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย
ฟอร์มของนักเตะ “ม้าน้ำ” เกมนี้แฟนบอลพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคึกจัดวิ่งไม่มีหมดเหมือนมีนักเตะแอบลงสนามมาเพิ่มอีก 1 คน
ซีซั่นก่อนก็ว่าแกร่งโค่นยากแล้วแต่การแต่งตัวเพื่อรอขึ้นเวที UCL ในปีนี้ของเหล่าขุนพล นิวคาสเซิ่ล คือพูดได้เลยว่าเหมือนคนที่เสี้ยนยาอยากลองของสุดๆ
กลางของ “สาลิกา” ชุดนี้ใครจะฝ่าตีวงล้อมต้องพลิกตำราหลายหน้าหน่อยครับเพราะมีแข้ง world class ทั้ง บรูโน่ กีมาไรส์ และ ซานโดร โตนาลี รวมถึงมดงานบี้ไม่มีปล่อยอย่าง โชเอลินตอน
โตนาลี เข้ามาเติมเต็มให้กลางของ นิวคาสเซิ่ล ทรงพลังและเนียนสุดๆ มีทั้งลูกบู๊และบุ๋น การออกบอลจังหวะเดียว (และเพื่อนเอาไปเล่นต่อได้ง่ายๆ) ก่อนคู่แข่งจะปรี่มาถึงตัว
ใช้ความแกร่งและส่วนหนาของร่างกายบังและชนคอยตัดเกม เป็นตัวรับบอลจากเซนเตอร์ (deep-lying) เพื่อตั้งเกมในขณะที่เผลอแผล่บเดียวโผล่วิ่งสอดเติมเกมรุกได้อีกต่างหาก (box-to-box)
เรียกว่าเป็นหม้อหุ้งข้าวเอนกประสงค์จบครบในตัวเดียว
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามหากเล่นตามเทรนต์วิ่งเพรสและดันไลน์สูงก็ให้พึงระวังเพราะนอกจาก โตนาลี จะออกบอลจังหวะเดียวดีแล้วตายังไวอีกต่างหาก หางตามองล่วงหน้าไว้แล้วรอแค่เพื่อนส่งบอลมาให้เท่านั้น การเปิดบอลยาวโป้งเดียวข้ามหัวแนวรับให้พวก 3 ตัวบนที่มีความเร็วสูงวิ่งสอดไปเอา บอกเลยนี่จะเป็นอาวุธทำลายร้างพวกอยากลองของสุดๆครับ
แฟนทีมอื่นนั่งดูแล้วเพลินตา (ปนอิจฉา) ที่มีนักเตะโคตรมิดฟิลด์ไว้ในครอบครองแถมเพิ่งอายุ 23 อายุการใช้งานยาวๆร่วม 10 ปี (แปลว่ายังพัฒนาได้อีกเยอะ)
สำหรับนิสัยส่วนตัวผมไม่ใช่เพื่อน โตนาลี จึงไม่สามารถยืนยันได้แต่ที่แน่ๆคือเจ้าตัวเคยได้ใจแฟน “ปีศาจแดงดำ” จากการที่ยอมหั่นค่าเหนื่อยจาก เบรสชา เพื่อสานฝันในวัยเด็ก
ณ เวลานั้นแฟนในโลกโซเชี่ยลพากันชื่นชมสำหรับ move ที่ยึดใจและฟุตบอลมากกว่าตัวเงิน
ครับในส่วนของกำลังสำรองที่เป็นตัวบ่งชี้ squad depth ความพร้อมของทีมซักทีมซึ่ง “สาลิกา” ปีนี้แน่นตั๊บพร้อมเปลี่ยนเกมได้ตลอดไม่ว่าจะเป็น ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (ที่ลงมายิง 1 จ่าย 1), ติโน่ ลิฟวาเมนโต้ หรือ คัลลัม วิลสัน (ยิงอีก 1)
เห็นการขยับเลเวลขึ้นมาของ นิวคาสเซิ่ล ในครั้งนี้แล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งแฟน เชลซี และ ลิเวอร์พูล ที่กำลังพยายามกระเสือกกระสนขอ “เวรคืน” พื้นที่ top 4 ยากมากถึงยากที่สุด
อดดีใจแทนไม่ได้กับเหล่าแฟน “ทูนอาร์มี่” ที่ทนทุกข์ทรมานกับ “เฮียตือ” ไมค์ แอชลีย์ มาถึง 14 ปี (2007-2021)
สภาพทีมจากแค่ปีสองปีก่อน อแล็ง แซงต์ แม็กซิแมง คือเดอะแบกที่ทีมขาดไม่ได้แต่ตอนนี้ไม่มีที่ยืนและถูกขายออกไปแล้ว นี่เป็นจุดบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่า นิวคาสเซิ่ล มาไกลในช่วงเวลาอันสั้นแค่ไหน
ครับช่วงเวลาแห่งความชื่นมื่นกับ 3 แต้มประเดิมสวยๆของ นิวคาสเซิ่ล มีได้แต่ต้องจบให้ไวเพราะนัดหน้าต้องเจอกับ “แชมป์เก่า” แมนฯซิตี้ เป็น massive challenge ของฤดูกาลที่มาไวเหลือเกิน
แพ้ชนะไม่ใช่เรื่องโลกแตก เพิ่งแค่ match day 2 แต่ถ้า เอ็ดดี้ ฮาว อยากได้อะไรจากฤดูกาลนี้คงไม่มี “มาตรวัด” ตัวไหนที่เป็นรูปธรรมมากไปกว่าเจอทีมอันดับ 1 ของโลกอีกแล้วครับ…
สถิติ สถิติ สถิติ
กับประตูในนาทีที่ 6 ของ ซานโดร โตนาลี และ มุสซ่า ดิยาบี้ ยิงในนาทีที่ 11 นี่คือประตูที่ไวที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่ 2 นักเตะทำได้ในเกม debut
คัลลัม วิลสัน ยิงประตูในนัดเปิดสนามในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 4 ปีติด มีเพียง โม ซาลาห์ (6 ปีติด นับตั้งแต่ 2017-18) เท่านั้นที่ทำได้มากกว่าเขา
เกมที่พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ส่งผลทำให้ เอเบเรชี่ เอเซ่ ของ คริสตัล พาเลซ กลายเป็นนักเตะคนที่ 4 ของพรีเมียร์ลีก (นับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04) ที่ทำสถิติ 8+7 คือยิงเข้ากรอบ 8 ครั้ง+ และสร้างโอกาสอีก 7+ ต่อจาก
แฟร็งค์ แลมพาร์ด vs สโต๊ค (2009)
นานี่ vs เบอร์มิงแฮม (2011)
ดาบิด ซิลบา vs เวสต์บรอม (2015)
ที่มา: soccersuck
