“โบโน” ยอดนายทวารโมร็อกโก ฮีโร่ในเวิลด์ คัพ 2022

#SSxLaLiga | เหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมชาติโมร็อกโก เป็นทีมแรกจากทวีปแอฟริกาที่ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก คือการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น ซึ่งในเวลานี้ พวกเขาเพิ่งเสียไปเพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้น

ยาสซีน บูนู หรือที่เรารู้จักในชื่อ “โบโน” ผู้รักษาประตูเซบีย่า สโมสรในลาลีกา สเปน ถือเป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญที่พา “สิงโตแห่งแอตลาส” สร้างประวัติศาสตร์ไปได้ไกลถึงรอบตัดเชือก “เวิลด์ คัพ”

โบโน ลงสนามไป 4 จาก 5 นัดในทัวร์นาเมนท์ที่กาตาร์ เก็บคลีนชีตได้ 3 นัด ส่วน 1 ประตูที่เสียไป เป็นการทำเข้าประตูตัวเอง นั่นหมายความว่า ยังไม่มีนักฟุตบอลทีมคู่แข่งคนใด ยิงผ่านมือเขาได้เลย

ในปี 2012 โบโนได้ย้ายจากเวดัด คาซาบลังก้า สโมสรในโมร็อกโก ไปค้าแข้งในสเปน กับทีมสำรองของแอตเลติโก้ มาดริด แต่ไม่เคยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เลย และปล่อยให้เรอัล ซาราโกซ่า ยืมตัว 2 ฤดูกาล

ต่อมาในปี 2016 โบโนย้ายไปร่วมทีมกิโรน่า ในลีกรอง และช่วยทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดตั้งแต่ฤดูกาลแรก จากนั้นในปี 2019 ได้ย้ายไปอยู่กับทีมดังอย่างเซบีย่าแบบยืมตัว ก่อนจะย้ายแบบถาวรในซีซั่นต่อมา

จนกระทั่งเมื่อฤดูกาล 2021/22 โบโน ได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลาลีกา หรือ “ซาโมร่า โทรฟี่” ด้วยผลงาน เสีย 24 ประตู จากการลงเล่น 31 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ย 0.77 ประตูต่อเกม

ผู้รักษาประตูชาวโมร็อกโกรายนี้ กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ของเซบีย่าที่ได้รับรางวัลนี้ เหนือกว่าติโบต์ กูร์กตัวส์ ของเรอัล มาดริด ที่เสีย 29 ประตู จาก 36 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ย 0.81 ประตูต่อเกม

โบโน เริ่มต้นฟุตบอลโลก 2022 กับทีมชาติโมร็อกโก ด้วยการเสมอโครเอเชีย 0 – 0 ส่วนนัดที่ 2 ที่พบกับเบลเยียม เขาพลาดการลงสนามดวลกับติโบต์ กูร์กตัวส์ เพื่อนเก่าสมัยอยู่กับแอตฯ มาดริด แต่ทีมยังชนะ 2 – 0

กระทั่งนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ที่พบกับแคนาดา นายทวารวัย 31 ปี กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง เป็นโมร็อกโกที่ชนะ 2 – 1 เข้ารอบในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่ม F ไปพบกับสเปน ทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม E

รอบ 16 ทีมสุดท้าย เสมอกับอดีตแชมป์โลกปี 2010 แบบไร้สกอร์ 0 – 0 ใน 120 นาที ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และโบโนคือฮีโร่ตัวจริง เซฟ 2 จุดโทษ ช่วยให้โมร็อกโก ชนะ 3 – 0 เข้ารอบแบบเหนือความคาดหมาย

และล่าสุด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โบโน่เก็บคลีนชีตได้อีกครั้ง ในเกมที่ชนะโปรตุเกส 1 – 0 จากประตูชัยของยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ดาวยิงเพื่อนร่วมสโมสรเดียวกัน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ไม่ว่าโมร็อกโกจะได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกหรือไม่ แต่ยาสซีน บูนู คือหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทีมชาติ และจะกลายเป็นฮีโร่ที่ครองใจชาวโมร็อกโกไปตลอดกาล

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด