ไร้ทีมมาดามร่วมดีเบต! ‘พอลลีน-คมกฤช’ ชี้เป็นนายกต้องมีเวลา

ดีเบตประมุขลูกหนังไทยกร่อย “มาดามแป้ง” ติดภารกิจ โดยมี 3 ผู้สมัคร พร้อม 1 ตัวแทน มาโชว์วิสัยทัศน์ ด้าน “พอลลีน-คมกฤช” ชี้เป็นนายกบอลต้องมีเวลาทุ่มเทเต็มที่

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผอ.ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต พร้อมด้วย ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา ได้จัดงานเสวนา “ดีเบต” เรื่องอาสาพัฒนาบอลไทย จากผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

ในงานดีเบตครั้งนี้มีผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ มาด้วยตัวเอง 3 ราย ได้แก่ “ป๊อก” วรงค์ ทิวทัศน์ อดีตเลขานุการบริษัท ไทยลีก จำกัด, “พอลลีน” พยุริน งามพริ้ง อดีตประธานกลุ่มเชียร์ไทยเพาเวอร์ และ “อ๋อ วังโอ่ง” คมกฤช นภาลัย อดีตผู้สื่อข่าวกีฬา

ส่วน ธนะศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกสมาคมฯ ชุดปัจจุบัน ส่ง ยุทธนา ทวีสรรพสุข หนึ่งในทีมงานมาร่วมดีเบตแทน ขณะที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เต็งหนึ่ง ติดธุระด่วน และไม่ได้ส่งทีมงานมาร่วม

โดย พอลลีน กล่าวถึง “มาดามแป้ง” ที่ไม่ได้มาร่วมงานว่า คนที่จะเป็นผู้นำวงการฟุตบอลไทยจะต้องทุ่มเท เรื่องเวลา เชื่อว่าทุกคนก็มีภารกิจกันทั้งนั้น เสียดายเพราะอยากฟังวิสัยทัศน์ของมาดามแป้งในฐานะตัวเก็งว่าจะทำอะไรเพื่อวงการฟุตบอลไทยบ้าง

เช่นเดียวกับ คมกฤช กล่าวบนเวทีว่า การมาร่วมงานดีเบตไม่ได้ เท่ากับว่าไม่มีเวลาจะมาบริหารฟุตบอล การเป็นนายกฯจะต้องให้เวลากับฟุตบอล 24 ชั่วโมง ไม่ใช่ทำงาน 9 โมงเช้าเลิกงาน 4 โมงเย็น ถ้าสละเวลาไม่ได้ก็ไม่ควรเป็น

ในส่วนหนึ่งของการดีเบต มีการถามว่า 100 วันแรกหลังได้รับตำแหน่งจะทำอะไร “พอลลีน” กล่าวว่า จะเริ่มงานทันที พัฒนาทุกด้าน เรื่องเงิน การพัฒนาต่างๆ ต้องจัดการผู้ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งหมด ทั้งผู้ตัดสินหรือส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ นอกจากนี้การจะฝันไปฟุตบอลโลกต้องมีการวางแผนที่ชัดเจน ดังนั้นจะต้องมีการทำแพลน 12 ปี เพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจน

ขณะที่ วรงค์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องรีบทำคือมาตรฐานฟุตบอลลีกต้องปรับให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องผู้ตัดสิน และเงินสนับสนุน ที่ปัจจุบันยังมีสโมสรโทรมาร้องเรียนเรื่องนี้อยู่แม้ตัวเองจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว ต้องทำให้สโมสรเกิดมูลค่าที่แท้จริง ให้ลีกเดินต่ออย่างมั่นคง

ส่วน ยุทธนา กล่าวว่า อันดับแรกต้องตั้งตำแหน่งสำคัญ ทั้งเลขาสมาคมฯ, ประธานไทยลีก, ประธานเทคนิค และข้อสุดท้ายคือต้องแยกเรื่องผู้ตัดสินออกจากสมาคมฯ ให้ชัดเจน เพราะถ้าไม่แยกออกมาก็จะมีการตัดสินเข้าข้างผู้มีอำนาจในสมาคมฯ ไม่อยากให้สโมสรผิดหวังกับการตัดสินต่างๆ เพราะทุกวันนี้กรรมการคือหนึ่งอุปสรรคของวงการฟุตบอลไทย

ด้าน คมกฤช กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือการวางรากฐานเยาวชนกันใหม่ เพราะถ้าทอดทิ้งเยาวชนก็อย่าฝันจะไปฟุตบอลโลก รวมถึงการปฏิรูปฟุตบอลเยาวชนบ้านเรา และที่สำคัญที่สุดตอนนี้ใกล้ตัวมากๆ คือการเตรียมทีมสำหรับชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 ที่จะชิงตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ ต้องทุ่มเทตรงนี้ รวมถึงจะต้องไม่ละเลยฟุตซอล, ฟุตบอลชายหาด ด้วย

นอกจากนั้น มีการถามถึงความสำคัญของทีมชาติ หลังจากที่ล่าสุดมีการถอนตัวของนักฟุตบอลในรายการสำคัญ ซึ่ง วรงค์ กล่าวว่า ต้องมาปรับกันที่โครงสร้างก่อน ในความเป็นจริงก็แค่ใช้วิธีการที่เป็นสากลโลกทำกัน เรียกตามฟอร์มนักเตะ ทำหนังสือไป ไม่ใช้วิธีการแบบไทยๆ ที่ถามก่อนว่าจะปล่อยใครบ้าง มันจะทำให้นักเตะมีความกระตือรือร้นที่จะทำผลงานให้ติดทีมชาติไทย

ด้าน พอลลีน กล่าวว่า ต้องเพิ่มศักดิ์ศรีทีมชาติไทย ในความจริงหลักการมันถูกกำหนดโดยฟีฟ่าอยู่แล้ว แต่ที่จะทำก็คือมีการเพิ่มค่าชดเชยให้กับสโมสรที่มีนักเตะติดทีมชาติ รวมถึงการทำประกันอาการบาดเจ็บ รักษาฟรีเต็มที่ เพราะเข้าใจว่าสโมสรคือผู้ที่เสียผลประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นต้องเสริมเรื่องนี้

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด