5 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้ของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เฮดโค้ชแอตฯ มาดริด
#SSxLaLiga | ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ คือหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับแอตเลติโก้ มาดริด จากอดีตผู้เล่น สู่การเป็นผู้จัดการทีม และได้เปลี่ยนสโมสรแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของทวีปยุโรป
เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือแอตฯ มาดริด ลงคุมทีมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก บุกไปเยือนอินเตอร์ มิลาน ทีมเก่าของเขาสมัยเป็นนักเตะ ก่อนแพ้ไป 0 – 1
แม้ว่าแอตฯ มาดริด จะเป็นฝ่ายที่ปราชัยไปก่อนในเลกแรก แต่ในเลกที่ 2 จะได้กลับมาเล่นในถิ่นเอสตาดิโอ ซิบิตาส เมโทรโปลิตาโน่ ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา พวกเขามีสถิติเก็บชัยในบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์
ซิเมโอเน่ ย้ายจากเซบีย่า มาค้าแข้งกับ “ตราหมี” ระหว่างปี 1994-1997 จากนั้นย้ายไปอยู่กับ “เนรัซซูรี่” ระหว่างปี 1997-1999 และนี่คือ 5 เรื่องราวที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนของเฮดโค้ชชาวอาร์เจนไตน์วัย 53 ปี
เคยประกาศว่าจะติดทีมชาติอาร์เจนติน่าให้ได้
เมื่อดิเอโก้ ซิเมโอเน่ อายุได้ 17 ปี เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดยู-20 พร้อมกับอันโตนิโอ โมฮาเหม็ด เพื่อนร่วมทีมอีกคนหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ได้ขึ้นรถโดยสารสาธารณะ แต่พวกเขาไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าโดยสาร
ซิเมโอเน่ เข้าไปหาคนขับรถคันนี้ และบอกว่า “สักวันผมจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมจะติดทีมชาติอาร์เจนติน่าให้ได้ จำชื่อผมและเพื่อนของผมไว้ให้ดี อย่าลืมกันนะ แต่ขอให้ขับรถไปส่งผมและเพื่อนในตอนนี้ก่อน”
ยิงประตูนัดปิดซีซั่น พาตราหมีฉลองแชมป์ลีก
สมัยที่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ค้าแข้งอยู่กับแอตเลติโก้ มาดริด เขาคือกองกลางสไตล์ดุดัน ทำหน้าที่เป็นขุมพลังของทีม และทำลายเกมรุกคู่แข่ง พาทีมคว้า 2 แชมป์ ทั้งลาลีกา และโคปา เดล เรย์ ในฤดูกาล 1995/96
ซึ่งโมเมนต์สำคัญของซิเมโอเน่ในฤดูกาลนั้น คือการยิง 1 ประตู ในเกมสุดท้ายของซีซั่น ที่เปิดบิเซนเต้ กัลเดร่อน รังเหย้าในขณะนั้น เอาชนะอัลบาเซเต้ 2 – 0 เป็นการเถลิงแชมป์ลีกสูงสุดหลังห่างหายไป 19 ปี
ตกลงรับงานคุมแอตเลติโก้ เพราะลูกชายของเขา
ในเดือนธันวาคม ปี 2011 แอตเลติโก้ มาดริด โทรศัพท์ไปหาดิเอโก้ ซิเมโอเน่ วัย 41 ปี ในขณะนั้น โดยทางสโมสรได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการรับงานเป็นเฮดโค้ชต่อจากเกรกอริโอ มานซาโน่ ที่ทำผลงานย่ำแย่
หลังการสนทนาจบลง จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ ลูกชายของเขา เข้ามาถามว่า “พ่อจะสู้กับเมสซี่ และโรนัลโด้ ใช่หรือไม่ ?” ดิเอโก้ตอบว่า “ใช่” ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “เอล โชโล่” ตัดสินใจรับงานเป็นกุนซือในเวลาต่อมา
จากทีมธรรมดา สู่การคว้า 8 โทรฟี่ในอาชีพโค้ช
แชมป์ 8 โทรฟี่ ของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กับแอตเลติโก้ มาดริด ได้แก่ แชมป์ลาลีกา, แชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อย่างละ 2 สมัย รวมไปถึงแชมป์โคปา เดล เรย์ กับแชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย
ปัจจุบันนี้ ซิเมโอเน่ ก้าวขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชที่คุมทีม และเก็บชัยชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอตฯ มาดริด แซงหน้าหลุยส์ อราโกเนส ตำนานกุนซือผู้ล่วงลับ หลังทำหน้าที่รวมทุกรายการไปแล้ว 664 เกม ชนะ 392 เกม
ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในยอดสโมสรของทวีปยุโรป
สิ่งที่ทำให้แอตเลติโก มาดริด เป็นที่รู้จักมากขึ้น คือผลงานในรายการระดับทวีป ซึ่งดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้เข้ามายกระดับสโมสรแห่งนี้ ให้กลายเป็นทีมที่ใครๆ ก็มองข้ามไม่ได้ เมื่อพบกันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ผลงานของแอตเลติโก้ ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ยุคของซิเมโอเน่ เข้าร่วมแข่งขันมาแล้ว 11 ซีซั่นติดต่อกัน เคยเข้าชิงชนะเลิศมาแล้ว 2 ครั้ง ในปัจจุบัน “ตราหมี” มีคะแนนค่าสัมประสิทธิ์อยู่ใน 15 อันดับแรกของยูฟ่า
นับตั้งแต่ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เป็นเทรนเนอร์ให้กับแอตเลติโก้ มาดริด คุมทีมในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย 8 ครั้งที่ผ่านมา ผ่านเข้ารอบต่อไปได้ถึง 6 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่ทีมคู่แข่งจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
ที่มา: soccersuck