Disciplined Defensive Phase แผนเด็ดโครเอเชียดับเนย์มาร์-เมสซี
#SSxKMD | ซลัตโก ดาลิช เทรนเนอร์วัย 56 ให้สัมภาษณ์ว่า เขาตระหนักพิษสงของกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาดีแต่เกมรอบรองชนะเลิศ โครเอเชียจะไม่ส่งคนตามประกบลิโอเนล เมสซี แต่จะยึดแนวทางเดิมที่ใช้รับมือเนย์มาร์ในรอบควอเตอร์ไฟนัลคือ ขั้นตอนการป้องกันจะถูกวางอย่างมีระบบแบบแผนและยึดมั่นระเบียบวินัยเคร่งครัด
นอกจากทำประตูขึ้น เนย์มาร์แทบไม่สามารถทะลุทะลวงแนวรับของ Kockasti (ภาษาโครเอเทียนแปลว่าตาหมากรุก) ได้เลย แนวรุกฝั่งซ้าย วินิซิอุส จูเนียร์ และเนย์มา ซึ่งขยับเข้ามาเล่นตำแหน่งเบอร์ 10 ทำคีย์พาสรวมกันแค่ครั้งเดียว และเลี้ยงผ่านคู่แข่งเพียง 5 จาก 14 ครั้ง ทั้งสองถูกมาริโอ ปาซาลิช, โยซิป ยูราโนวิช และลูกา โมดริช วิ่งตามกดดันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนทำอะไรติดๆขัดๆไม่ลื่นไหล
ดาลิชมั่นใจว่าถ้าลูกทีมทำได้อย่างเกมชนะบราซิล คอยเฝ้าระวังอยู่ใกล้ๆเมสซี (ไม่ต้องมาร์คตามเป็นเงา) โครเอเชียก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ซึ่งความจริงแล้วในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โครเอเชียก็ใช้รูปแบบป้องกันคล้ายกันกับมิดฟิลด์และแนวรุกจนญี่ปุ่นแทบไม่มีโอกาสสร้างสรรค์เกมได้
ที่กาตาร์ ดาลิช ซึ่งเข้ามาคุมทีมชาติโครเอเชียตั้งแต่ตุลาคม 2017 แทบไม่เปลี่ยนผู้เล่น 11 คนแรกในระบบ 4-3-3 ตลอดห้านัด ผู้รักษาประตูคือ โดมินิค ลิวาโควิช, แบ็คโฟร์ได้แก่ โยซิป ยูราโนวิช, เดยัน ลอฟเรน, ยอสโก กวาร์ดิออล และบอร์นา โซซา ซึ่งพลาดเกมกับญี่ปุ่นเพราะป่วย (บอร์นา บาริซิช ลงแทน), กองกลางประกอบด้วยมาเตโอ โควาซิช, มาร์เซโล โบรโซวิช และลูกา โมดริช ส่วนฟรอนท์ทรีมีการเปลี่ยนแปลงแต่ยังใช้งานอิวาน เปริซิช กับอังเดรจ์ คามาริช ทั้งห้านัด อีกตำแหน่งใช้ผู้เล่นสี่คน
ไม่เพียงดันเพรสสูง ใช้มิดฟิลด์ไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่กลางสนาม โครเอเชียยังมีแผงหลังสี่คนที่แข็งแกร่งนำโดยลอฟเรน เซ็นเตอร์ขวาวัย 33 ซึ่งทำ 1 แอสซิสต์ ยืนคู่กับกวาร์ดิออล ซึ่งเป็นกองหลังที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในบอลโลกครั้งนี้ด้วยวัยเพียง 20 ปี กับเอกลักษณ์สวมหน้ากากป้องกันจมูกที่หักเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนแบ็คสองข้างอยู่ในวัยพีค ยูราโนวิช (27) และโซซา (24)
กวาร์ดิออล กองหลังเท้าซ้ายจากสโมสรไลป์ซิก ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากในฐานะว่าที่เซ็นเตอร์แบ็คเวิลด์คลาสในอนาคต เขาเพิ่งเล่นทีมชาติ 17 นัด (ทำ 1 ประตู) แต่มีความเชื่อมั่น ครองบอลเหนียว ชนะการดวลเกือบ 70% แต่จุดเด่นคือ การแย่งบอลคืน จ่ายบอลคอมพลีท และสัมผัสลูกมากเป็นอันดับต้นๆของนักเตะโครเอเชียในบอลโลกครั้งนี้
โค้ชดาลิชใช้ประโยชน์จากกวาร์ดิออลไม่ใช่น้อย อนุญาตให้เล่นค่อนข้างอิสระ แลกเปลี่ยนตำแหน่ง และสร้างสรรค์เกมแม้เสี่ยงต่อความผิดพลาด แต่ทั้งนี้ดาลิชเชื่อมั่นในความมากประสบการณ์ของลอฟเรนที่จะเข้ามาอุดรอยรั่วได้ แต่กวาร์ดิออลก็ไม่ได้ดันตัวขึ้นสูงแต่เป็นแบ็คซ้ายที่ยืนใกล้กันอย่างโซซาหรือบาริซิชที่ทำหน้าที่นี้
บทบาทสร้างสรรค์เกมจริงๆอยู่ที่โมดริชและโควาซิช ส่วนโบรเซวิชรับผิดชอบเกมรับเป็นหลัก ไม่ได้ทำหน้าที่มิดฟิลด์ตัวรับสไตล์ ball-winning หรือ double No. 6 ที่เซ็ตอัพเกมร่วมกับเซ็นเตอร์แบ็ค
กวาร์ดิออลถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของโครเอเชีย เขาเพิ่งลงเล่นให้ชุดใหญ่ของดีนาโม ซาเกรบ เมื่อสามปีที่แล้วขณะวัย 17 ปี ราดู เบียคู ซึ่งปัจจุบันเป็นแมวมองในทวีปยุโรปให้ปาร์มาหลังจากทำงานให้โมนาโกและเลเวอร์คูเซน กล่าวกับสื่อ ESPN ว่า เขาเห็นกวาร์ดิออลครั้งแรกตอนเล่นระดับเยาวชนราวต้นปี 2019 ในตำแหน่งแบ็คซ้าย มีสรีระเหนือนักเตะวัยเดียวกัน ทำได้ดีในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วยความมุ่งมั่นและมีสมาธิ แต่ตอนนั้นถ้ามีคนบอกว่า กวาร์ดิออลจะเป็นกองหลังตัวท็อปในเวิลด์คัพ 2022 และตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค เบียคูคงไม่เชื่อ
เบียคูกล่าวต่อว่า กวาร์ดิออลขาดความเร็วที่จะเป็นแบ็คซ้ายแถวหน้า แถมส่วนสูงก็เตี้ยไปสำหรับเซ็นเตอร์แบ็คสโมสรชั้นนำ แต่กวาร์ดิออลกลับพัฒนาตัวเองได้เร็วจนกระทั่งไลป์ซิกเห็นฟอร์มในยูฟา ยูธ ลีก จึงปาดหน้าสโมสรใหญ่ๆซื้อตัวไปในเดือนกันยายน 2020 ที่ราคา 18.8 ล้านยูโร และส่งลงเล่นบุนเดสลีกานัดแรกในเดือนสิงหาคม 2021
ช่วงติดทีมชุดใหญ่ของดีนาโม ซาเกรบ กวาร์ดิออลลงเล่นทั้งแบ็คซ้ายและเซ็นเตอร์แบ็ค แต่จุดเด่นที่เบียคูเห็นระหว่าง scouting trip ปี 2019 คือ กองหลังอนาคตไกลอัดบอลได้แรงมาก เสียงดังฟังชัดขณะฝึกซ้อม รวมถึงการครอสบอลขวางสนามก็เหลือเชื่อ เขาไม่เคยเห็นกองหลังที่มีทักษะพรสูงแบบนี้จากนักเตะวัยใกล้เคียงกัน ซึ่งสไตล์ high defensive line ของไลป์ซิก ช่วยให้ฝีเท้าของกวาร์ดิออลรุดหน้าอย่างรวดเร็ว
การจับคู่ระหว่างปราการหลังอายุต่างกัน 13 ปี ลอฟเรนกับกวาร์ดิออล จะรับมือเมสซีได้ดีมากน้อยแค่ไหน เกมจะยืดเยื้อจนต้องตัดสินใจด้วยลูกโทษหรือไม่ แฟนบอลจะได้เห็นกันตั้งแต่ตีสอง คืนวันอังคารนี้
เรียบเรียง: KMD Content Team
ภาพ: The Mirror ENGLAND
ที่มา: soccersuck