El Gran Derby : เซบีย่า ปะทะ เรอัล เบติส คู่แค้นที่ยิ่งใหญ่แห่งลาลีกา
#SSxLaLiga | อันดาลูเซีย แคว้นใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสเปน การพบกันระหว่างเซบีย่า และเรอัล เบติส 2 สโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดประจำแคว้น ถูกยกให้เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เหนือกว่าเอล กลาซิโก้ ด้วยซ้ำไป
ฟุตบอลลาลีกา สเปน ในสุดสัปดาห์นี้ มีแมตช์ที่เป็นไฮไลท์สำคัญ คือศึกดาร์บี้แมตช์แห่งแคว้นอันดาลูเซีย ระหว่างเซบีย่า ที่จะเปิดถิ่นรามอน ซานเชซ ปิซฆวน พบกับเรอัล เบติส คืนวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้
เซบีย่า ถูกก่อตั้งโดยนักธุรกิจชาวอังกฤษเมื่อปี 1890 แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ได้มีแฟนบอลบางส่วนเริ่มที่จะมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ตรงกัน ส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้ในอีก 17 ปีถัดมา เรอัล เบติส ก็ถือกำเนิดขึ้น
สำหรับ 2 สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองเซบิลล์ พบกันครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 1928/29 สมัยที่อยู่ในลีกดิวิชั่น 2 ผลัดกันชนะบ้านใครบ้านมัน โดยเกมแรก เรอัล เบติส คว้าชัย 2 – 1 ก่อนที่เซบีย่า จะเอาคืนด้วยสกอร์ 3 – 0
ส่วนการพบกันครั้งแรกในลีกสูงสุด เกิดขึ้นในซีซั่น 1934/35 เซบีย่า ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา บุกเสมอ 2 – 2 ในนัดแรก ที่เอสตาดิโอ เบนิโต บียามาริน แต่นัดสอง เรอัล เบติส ออกไปถล่มถึงเอสตาดิโอ เด เนร์บิโอน 3 – 0
ชัยชนะขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอันดาลูเซีย ดาร์บี้ ทางฝั่งเซบีย่า เป็นเกมที่เปิดบ้านชนะ 5 – 0 ในฤดูกาล 1942/43 ขณะที่เรอัล เบติส คือการคว้าชัยด้วยสกอร์ 3 – 0 ในซีซั่น 1935/36, 1973/74 และ 1996/97
เกมที่ยิงประตูรวมกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์อันดาลูเซีย ดาร์บี้ เป็นเกมที่เบติส บุกไปชนะถึงรามอน ซานเชซ ปิซฆวน 5 – 3 เมื่อฤดูกาล 2017/18 และนั่นคือครั้งล่าสุดที่ “เดอะ เบติกอส” คว้าชัยนอกบ้านในศึกผ่าเมือง
ศึกดาร์บี้แมตช์เมื่อฤดูกาล 2021/22 เซบีย่า ชนะทั้ง 2 นัดที่พบกันในลาลีกา แต่เรอัล เบติส คว้าชัยในโคปา เดล เรย์ ด้วยสกอร์ 2 – 1 และก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ในที่สุด ส่วนซีซั่นที่แล้ว จบลงด้วยผลเสมอทั้ง 2 เกม
สถิติการพบกันในลีกระดับสูงสุด ทั้งหมด 104 ครั้ง เซบีย่า ชนะ 49 ครั้ง เรอัล เบติส ชนะ 30 ครั้ง และเสมอกัน 25 ครั้ง รวมถึงในลีกรองอีก 14 ครั้ง เซบีย่า ชนะ 6 ครั้ง เรอัล เบติส ชนะ 4 ครั้ง และเสมอกัน 4 ครั้ง
ในประวัติศาสตร์ของคู่ปรับแห่งอันดาลูเซีย มีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่เคยลงสนามให้กับทั้งเซบีย่า และเรอัล เบติส หนึ่งในนั้นคือ โฆอากิน ฆิมิเนซ ปอสติโก้ ตำนานกองหลังที่คว้าแชมป์กับทั้ง 2 สโมสร ในช่วงกลางทศวรรษ 1930s – 1940s
ส่วนนักเตะในยุคปัจจุบัน ที่ลงเล่นในศึกดาร์บี้แมตช์แห่งอันดาลูเซียมากที่สุด คือเฆซุส นาบาส กัปตันทีมเซบีย่า โดยเจ้าตัวได้เผชิญหน้ากับเรอัล เบติสมาแล้ว 25 นัด รวมทุกรายการ มีสถิติชนะ 11 เสมอ 8 และแพ้ 6
เมืองเซบิลล์ เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของสเปน มีประชากรมากกว่า 700,000 คน แต่จะมีเพียง 120,000 คน เท่านั้น ที่เป็นสมาชิกของทั้ง 2 สโมสร และมีโอกาสสัมผัสกับเกมที่เต็มไปด้วยความหมายสำหรับชาวเมือง
เมื่อใดที่เซบีย่า ได้พบกับเรอัล เบติส จะถูกเรียกว่า “El Gran Derby” หรือ ดาร์บี้แมตช์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพร้อมชิงความเป็นที่ 1 ของเมืองอย่างจริงจังต่างกับที่อื่น และนี่คือ 5 ประเด็นที่อาจยังไม่เคยรู้มาก่อนของเกมคู่นี้
พบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1915
เรอัล เบติส และเซบีย่า พบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1915 เป็นฝ่ายเบติสที่ชนะ 1 – 0 อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 ปีก่อนหน้านั้น ทั้ง 2 ทีม เคยพบกันอย่างไม่เป็นทางการ แต่ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่า ผลการแข่งขันในนัดนั้นเป็นอย่างไร
เซบีย่าชนะด้วยสกอร์ขาดลอย 22 – 0
เมื่อปี 1918 เซบีย่า ถล่มเรอัล เบติส ด้วยสกอร์มโหฬารถึง 22 – 0 สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะทางเบติส ส่งนักเตะสำรองยกทีม เพื่อเป็นการประท้วงกรณีที่ 2 นักเตะคนสำคัญของทีมถูกห้ามลงสนาม ด้วยเหตุผลที่ว่า อยู่ในระหว่างการเกณฑ์ทหาร
เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาแล้วทีมละ 1 ครั้ง
เรอัล เบติส และเซบีย่า เป็น 2 ใน 9 สโมสร ที่เคยคว้าแชมป์ลาลีกา ลีกสูงสุดของสเปนมาครอง ซึ่งทำได้ทีมละ 1 สมัย ในฤดูกาล 1934/35 และ 1945/46 ตามลำดับ โดยทั้งคู่เฉือนชนะรองแชมป์แค่ 1 แต้ม (สมัยนั้นใช้ระบบชนะได้ 2 คะแนน)
เคยดวลกันในเวทียุโรป ที่ยืดเยื้อถึงดวลเป้า
ศึก “เอล แกรน ดาร์บี้” เวอร์ชั่นถ้วยยุโรป เคยเกิดขึ้นครั้งเดียว ในยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2013/14 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งคู่ต่างแพ้ในบ้าน 0 – 2 ก่อนที่เซบีย่าจะชนะจุดโทษ 4 – 3 และก้าวไปคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะเบนฟิก้า ในนัดขิงชนะเลิศ
“เรเยส” ดาวซัลโวดาร์บี้แมตช์ในศตวรรษที่ 21
ในศตวรรษที่ 21 (นับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา) โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส อดีตดาวเตะเซบีย่าผู้ล่วงลับ เป็นเจ้าของสถิติยิงประตูมากที่สุด เมื่อลงเล่นใน “เอล แกรน ดาร์บี้” ด้วยจำนวน 5 ประตู (ลาลีกา 3, โคปา เดล เรย์ 1, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 1)
ทุกครั้งที่มี “เอล แกรน ดาร์บี้” บรรยากาศและสีสันของแฟนบอลจะมาแบบจัดเต็มตั้งแต่เริ่มเกม จนกระทั่งจบเกม อีกทั้งความหนักหน่วง ร้อนแรง และเข้มข้นเต็มพิกัด ก็ได้ถูกรวมไว้ในศึกที่ยิ่งใหญ่เรียบร้อยแล้ว
ที่มา: soccersuck