KDB is back เข้าฉายแล้วทุกโรง
“genius and class” คำพูดจากปากผู้บรรยายหลังสิ้นเสียงนกหวีดที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค เป็นทั้งนิยาม+การสดุดีมัดรวมกันที่มีให้ เควิน เดอ บรอยน์ ผู้เสก 2 ประตูให้ แมนฯซิตี้ พลิกกลับมาชนะ 3-2
หายหน้าหายตาจากพรีเมียร์ลีกไปร่วม 5 เดือนใช้เวลาอยู่ในสนามแค่ 5 นาทียิงประตูแรกให้ตัวเองและเป็นลูกตีเสมอให้ “เรือใบ” ที่ว่ากันกำลังอยู่ในช่วงเกมตันสุดๆ
ทดเจ็บนาทีแรก (จาก 3 นาที) วางบอลตัดด้วยน้ำหนัก “เป๊ะ” มากไปล้นออกหลังสั้นไปติด ทริปเปียร์
ที่เหลือการ “เก็บงาน” เป็นพรสวรรค์ของ ออสการ์ บ็อบบ์ เจ้าหนูดาวรุ่งชาวนอร์เวเจี้ยนวัย 20 ปี
ทั้งหมดทั้งมวลแค่การกลับมาอยู่ในสนามเกือบ 20 นาทีเราได้เห็นความ “ว้าว” จาก KBD ชิงเฮดไลน์จากสื่อไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่ใช่แค่ชัยชนะ 6 เกมติดต่อกันทุกรายการของ “ซิตี้” เท่านั้นที่กำลังน่าสะพรึงแต่มันคือการส่งสัญญาณครั้งใหญ่ของ เป๊ป กวาดิโอล่า ว่ากำลังทวงสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืนแล้ว!!
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ แมนฯซิตี้ ดูเนือยๆจากความสำเร็จที่ได้มาทุกอย่างเท่าที่โลกนี้จะผลิตโทรฟีย์ออกมา
แต่ผมสัมผัสได้ว่า ณ ตอนนี้ “เรือใบ” เหมือนเด็กที่เจอของเล่นชิ้นใหม่ ค้นพบแรงจูงใจและค้นพบตัวกระตุ้นแล้ว
KDB กลับมาเขย่าอารมณ์พวกพ้องนี่ก็ใช่แต่การสนุกกับการเป็น “ผู้ล่า” นี่สิครับที่กำลังเป็นหมุดหมายที่พวกเขาชอบใจ๊ชอบใจ
ในความเป็นจริง ซิตี้ ควรเช็กบิลชนะสบายๆเกมนี้ได้ตั้งแต่ครึ่งแรกหลังขึงเกมพับสนามทำเอาแข้ง นิวคาสเซิ่ล วิ่งไม่เจอบอล พอหัวเสียมากๆ กิมาไรส์ วิ่งมาเตะดื้อๆโดนใบเหลืองซะงั้น
ประตูไขว้ยิงสุดคลาสของ แบร์นาโด้ ซิลวา ในนาที 26 พูดได้ว่าเป็นลูกยิงประหยัดไฟที่ผมเองก็คิดว่าจบแล้วแน่ๆ
แต่จู่ๆ แมนฯซิตี้ จิตหลุดโดน “สาลิกา” ยิงเข้ากรอบ 2 หนเสีย 2 ประตูโดนแซงภายใน 2 นาที!!
มันเกิดอะไรขึ้น?
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอยู่ที่การสไลด์ถึงลูกถึงคนของ แชร์ ใส่ โดกู นี่แหละครับที่ทำให้พลพรรค “ม้าน้ำ” ถึงตื่นจากความหงอและรู้ว่าควรเล่นอย่างไร
ก่อนหน้านี้เจ้าถิ่นแสดงตัวชัดเจนว่าแอบกลัว ซึ่งถ้าถามว่าการเจอกับ ซิตี้ การไปรับในแดนตัวเองไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ทุกทีมเขาก็ทำกันแบบนี้
แต่วิธีการเข้าบอลราวกับเดินตลาดนัดมันไม่ใช่ นิวคาสเซิ่ล ที่เราเคยเห็นถ้าไม่ใช้ลูกหนักเข้าช่วยไม่มีทางเอาชนะแชมป์เก่าได้หรอกครับ
สังเกตได้เลยว่าหลังพลิกแซง 2-1 ทุกๆการจ่ายของทีมเยือนจะถูกตัดบ่อยขึ้น มีการเข้าถึงเนื้อทุกตัวถี่ขึ้นและทำให้ โรดรี้ หัวร้อนเล่นนอกเกมโดนใบเหลืองก่อนจบครึ่งแรกไม่กี่วินาที
ครับย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นของบทความ เกมของ แมนฯซิตี้ ที่แม้ครองบอลเข้าทำมากขึ้นในครึ่งหลังแต่หาทางเจาะยากเหลือเกินจนกระทั่ง KBD ลงสนามทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
การค่อยๆเข้ามามีส่วนร่วมกับเกมทีละนิดไม่ว่าจะฟรีคิก (ติดกำแพง)หรือลูกเปิดเหยี่ยวพญายมจากด้านข้างที่เราเห็นจนชิน (ได้เสียวทุกลูก)
สัมผัสต่างๆรวมกันไม่น่าเกิน 5-6 ครั้งก่อนมาจัดของใหญ่คือยิงตีเสมอ คือต้องบอกว่ามันก็ไม่ใช่เป็นวิธีเข้าทำหรือเข้าเจาะที่ซับซ้อนอะไรเลยแต่ทำไมคนอื่นทำไม่ได้แต่ เดอ บรอยน์ ทำได้ล่ะ ยิงเหมือนขนม ไม่แรงเน้นทิศทาง
“คลาส” คำเดียวสั้นๆครับ
นี่ขนาดสภาพร่างกายยังบวมๆน้ำดูตันๆอยู่ด้วยนะครับเนี่ย ถ้าลีนกว่านี้ร่างโหดมาแน่นอน
แม้ เดอ บรอยน์ เป็นอริฝั่งตรงข้ามและตัวแสบแย่งแชมป์กับ ลิเวอร์พูล มาหลายปีแต่ผม respect เชิงบอลและเซนส์บอลของแกเอามากๆ
ในวัย 32 ปีที่กำลังเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพถ้าเป็นไปได้ในฐานะคนดูผมอยากเห็นนักเตะคลาสอย่าง KDB ลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
ทิ้งท้ายกันไปจับตาดูโปรแกรมใน 3 นัดข้างหน้านี้ให้ดีครับทุกท่าน “เรือใบ” พร้อมเข้าเบรกแล้วเจอทั้ง เบิร์นลีย์ (เหย้า), เบรนด์ฟอร์ด (เยือน) และ เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)
ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เจอ บอร์นมัธ (เยือน), เชลซี (เหย้า) และ อาร์เซนอล (เยือน) หนักกว่าเห็นๆพร้อมหมายเหตุกำกับ “หงส์” ยังขาด โม ซาลาห์, เอนโด รวมถึง TAA ที่กำลังรักษาตัวอยู่
ตอนแรกผมคิดว่าซักกุมภาหรือมีนาที่ทีมของ เป๊ป จะเริ่มกดสูตรแต่พอเห็น KDB เขาเล่นใหญ่ขนาดนี้ผมขออนุญาตสะดุ้งก่อนล่วงหน้า
2 แต้มที่ “จ่าฝูง” นำอยู่แทบไม่มีความหมายอะไรแล้วในสายตา “แชมป์เก่า”….
สถิติ สถิติ สถิติ
– แมนฯซิตี้ ยิงประตูชัยในนาที 90 ในพรีเมียร์ลีกที่ได้จาก 2 ตัวสำรองคือคนยิง (ออสการ์ บ็อบบ์) และคนจ่าย (เควิน เดอ บรอยน์) เป็นเพียงหนที่ 2 เท่านั้นโดยหนแรกที่ทำได้คือปี 2012 หลัง อเกวโร่ จ่ายให้ เชโก้ ยิงในเกมพบ เวสต์บรอมวิช
– KDB เป็นนักเตะ “เรือใบ” คนแรกที่ยิงประตูและแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกในฐานะตัวสำรองนับตั้งแต่ แซร์จิโอ อเกวโร่ เคยทำไว้ในเกมชนะ คาร์ดิฟฟ์ เมื่อปี 2014
– นอกจากนี้ลูกที่ เดอ บรอยน์ ทำได้ในเกมนี้ยังเป็นประตูที่ แมนฯซิตี้ ยิงใส่ นิวคาสเซิ่ล เป็นลูกที่ 100 พอดีโดย “สาลิกา” กลายเป็นทีมแรกที่ ซิตี้ ยิงทะลุหลัก 100 เช่นกัน
– แมนฯซิตี้ เป็นเพียงทีมที่ 4 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเท่านั้นที่ชนะอย่างน้อย 3 เกมเยือนติดต่อกันแม้โดนขึ้นนำไปก่อนต่อจากทีมอย่าง ลีดส์ ในปี 1999, สเปอร์ส ปี 2013 และ แมนฯยูฯ 2020 (ที่ทำได้ 6 เกมเท่ากัน)
ที่มา: soccersuck