LW ดึงศักยภาพโฟเดนได้สูงสุด
#SSxKMD | ถ้าให้แฟนบอลเดาใจแกเรธ เซาธ์เกต ในการจัดผู้เล่น 11 คนแรกที่จะลงเตะรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับเซเนกัล คงได้หลายคำตอบที่ไม่เป็นเอกฉันท์ ยกเว้นผู้รักษาประตู แบ็คโฟร์ และศูนย์หน้า คงเป็นชื่อเดิมจากนัดอิหร่านและอเมริกาถ้าไม่ป่วยไม่เจ็บไม่ฟิต
เกมชนะเวลส์ เซาธ์เกตดร็อปเมสัน เมาท์, บูกาโย ซากา และราฮีม สเตอร์ลิ่ง แล้วส่งจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟิล โฟเดน และมาร์คัส แรชฟอร์ด ลงตัวจริงแทนเพื่อพักสามตัวหลักมากกว่าเหตุผลแท็คติก แม้ทั้งสามเล่นได้น่าประทับใจแต่พิจารณานิสัยของกุนซือวัย 52 เขาคงยึดผู้เล่นที่ไว้ใจมากกว่า จึงมีโอกาสมากที่เมาท์, ซากา และสเตอร์ลิ่ง จะลงตั้งแต่วินาทีแรกเกมน็อคเอาท์กับเซเนกัล
แต่โฟเดนน่าจะมีลุ้นตัวจริงเป็นอันดับหนึ่ง แม้หลายคนอาจคาดว่าดาวรุ่งจากแมนฯซิตีจะลงแทนเมาท์ตามที่กูรูในสื่อหลายค่ายให้ทรรศนะไว้ แต่มีโอกาสมากกว่าที่เซาธ์เกตจะให้โฟเดนเป็นปีกหรือกองหน้ากึ่งปีกทั้งระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะเป็น “ซ้ายหรือขวา” … อดัม เบท นักวิเคราะห์เกมของ SKY Sports ฟันธงว่า เซาธ์เกตจะใช้งานโฟเดนทางฝั่งซ้าย
เซาธ์เกตเคยพูดถึงโฟเดนว่า สตาร์วัย 22 เป็นตัวเลือกได้ 2-3 ตำแหน่งที่สามารถสร้างอิมแพ็คใหญ่ให้ทีม ซึ่งครึ่งแรกคืนวันอังคาร เซาธ์เกตให้โฟเดนเล่นฟรอนท์ไลน์ตัวขวา ส่วนตัวซ้ายเป็นแรชฟอร์ด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่นักเตะด็อกเตอร์งัดศักยภาพออกมาได้มากที่สุดในสีเสื้อแมนฯยูไนเต็ด แต่ครึ่งหลัง ทั้งสองสลับฝั่งกันและอังกฤษขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากแรชฟอร์ด นาทีที่ 50 และโฟเดน นาทีที่ 51
นับตั้งแต่ให้โอกาสครั้งแรกในเดือนกันยายน 2020 รวม 20 นัด เซาธ์เกตใช้งานโฟเดนหลากหลายทั้งกองกลาง, มิดฟิลด์ตัวรุก และปีก แต่กุนซือทรีไลออนส์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาลังเลที่จะให้โฟเดนเล่นกองกลางด้วยเหตุผลง่ายๆคือ โฟเดนไม่ได้เล่นตำแหน่งนั้นในทีมแมนฯซิตี
โฟเดนเล่นให้แมนฯซิตี 14 นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ทั้งตำแหน่ง RM, RW, LM, LW แต่เวลาส่วนใหญ่เทไปทางฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นเท้าข้างถนัดของโฟเดนคือ LW 321 นาที และ LM 257 นาที เทียบกับ RW 259 นาที และ RM 0 นาที ซึ่งสวนกระแสนิยมฟุตบอลสมัยใหม่ที่แบ็คและปีกมักเล่นฝั่งของเท้าข้างไม่ถนัด
หลังจากสองประตูแรกในเกมอังกฤษชนะไอซ์แลนด์ 4-0 เดือนพฤศจิกายน 2020 ประตูที่ 3 ที่โฟเดนทำให้อังกฤษเพิ่งเกิดขึ้นในเกมกับเวลส์เมื่อแฮร์รี เคน จ่ายบอลขวางหน้าประตูไปให้โฟเดนจบสกอร์ที่เสาไกลด้านซ้าย
ดูจาก Goal Map ที่โฟเดนทำให้แมนฯซิตีในพรีเมียร์ลีก 6 ซีซัน จากทั้งหมด 31 ประตู มีเพียง 3 ประตูที่ทำจากนอกกรอบเขตโทษ ส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดอยู่ทางด้านซ้ายของหน้าประตู นั่นเท่ากับว่า productive zone ของโฟเดนก็คือตำแหน่งที่เขาส่งลูกซุกก้นตาข่ายเวลส์นั่นเอง
LW จึงเป็นพื้นที่ที่โฟเดนแสดงศักยภาพออกมาได้มากที่สุดในแมนฯซิตี เขาทำไปแล้ว 7 ประตูในบอลลีกซีซันนี้ เทียบกับทีมชาติอังกฤษชุดนี้มี “กัปตันเคน” คนเดียว (12 ประตู) ที่ทำสกอร์มากกว่าเขา โฟเดนยังทำ 3 แอสซิสต์ นั่นเท่ากับว่านับตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20 โฟเดนทำประตูได้มากกว่าแอสซิสต์คือ 5/2, 9/5/ 9/5 และ 7/3 ยังไม่รวมฤดูกาล 2018-19 ที่เขาทำ 1 ประตูแต่ไม่มีแอสซิสต์
โฟเดนเคยกล่าวว่า เขามองตัวเองเป็น AM ในพื้นที่กลางสนามของแมนฯซิตี แต่เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ไม่ได้ใช้งานเขาในฐานะมิดฟิลด์ ซึ่งเซาธ์เกตพูดกับนักข่าวไม่กี่วันก่อนว่า สโมสรคงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำแบบนั้น
เซาธ์เกตรู้ดีว่ามีเสียงเชียร์ให้โฟเดนเล่นตำแหน่งเบอร์ 10 ในทีมชาติอังกฤษทุกนัด ซึ่งตัวเขามองว่าไม่สมเหตุผลเพราะเบอร์ 10 ต้องคุมพื้นที่และเฝ้าระวังพื้นที่อย่างมากเวลาไม่มีบอล (โฟเดนแบกภาระระดับนั้นไม่ได้)
กูรูลูกหนังของ SKY Sports มองว่านอกจากเป็นโค้ชเน้นวินัยเกมรับแล้ว เซาธ์เกตยังเป็นคนโฟกัสที่จุดแข็งของนักเตะมากกว่าจุดอ่อน ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว อันตรายของโฟเดนอยู่ที่การจบสกอร์และการสร้างโอกาสจากด้านลึก เพราะแม้ช่วงเงียบในเกมครึ่งแรก โฟเดนยังแหวกผู้เล่นเวลส์สองคนและสไลด์บอลไปให้เคน ซึ่งเกือบนำไปสู่ประตูแรก
เป็นไปได้มากที่ LW เบอร์หนึ่งในดวงใจเซาธ์เกตน่าจะยังเป็นสเตอร์ลิ่ง ส่วนตัวเลือกสำรองอาจเปลี่ยนจากแรชฟอร์ดเป็นโฟเดนแล้วก็ได้
เรียบเรียง: KMD Content Team
ภาพ: SKY Sports ENGLAND
ที่มา: soccersuck