World Cup Therapy แชมป์โลกกับการเยียวยาชีวิตคนอาร์เจนไตน์

#SSxKMD | เมื่ออาร์เจนตินาชนะโครเอเชีย 3-0 รอบรองชนะเลิศเวิลด์คัพ กาตาร์ 2022 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อดีตกองหน้าทีมชาติสวีเดนที่ยังโลดแล่นบนฟลอร์หญ้าในวัย 41 ปี ได้ปล่อยวลีเด็ดว่า บทถูกเขียนไว้แล้วว่า ลิโอเนล เมสซี จะครองแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรก โดยก่อนหน้านี้ “ลา อัลบิเซเลสเต” (แปลว่าลายขาวฟ้าในภาษาสเปน) แพ้เยอรมนี 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษของนัดชิงชนะเลิศปี 2014 ที่บราซิล

คำทำนายของอิบราฮิโมวิช สตาร์ทีมเอซี มิลาน เป็นจริงในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นการเขียนบทจริงๆก็เป็นฝีมือร่ายเรื่องราวของมือระดับเทพ ลองจิตนาการอารมณ์ของแฟนบอลหากอาร์เจนตินาชนะฝรั่งเศส 2-0 ในเวลาปกติจากลูกจุดโทษนาทีที่ 23 ของเมสซี และสกอร์นาทีที่ 36 ของอังเคล ดิ มาเรีย เทียบกับเหตุการณ์จริงที่คีลิยัน เอ็มบัปเป ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีตีเสมอ 2-2 ก่อนหมดเวลาราวสิบนาที ส่งให้เกมยืดเยื้ออีกครึ่งชั่วโมง ซึ่งเมสซียิงขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 108 แต่สิบนาทีให้หลัง เอ็มบัปเปตีเสมอ 3-3 ต้องไปวัดดวงด้วยลูกจุดโทษ ซึ่งอาร์เจนตินาเป็นฝ่ายชนะ 4-2 ครองแชมป์เวิลด์คัพเป็นสมัยที่สาม

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครปฏิเสธความเป็นยอดนักฟุตบอลเวิลด์คลาสของเมสซี ซึ่งการันตีด้วยบัลลงดอร์ 7 สมัย และได้รับการยกย่องให้เป็น G.O.A.T. หนึ่งในนักเตะยอดเยี่ยมตลอดกาล เขาครองแชมป์ลาลีกา 10 สมัย และชนะแชมเปียนส์ลีก 4 สมัยร่วมกับบาร์เซโลนา แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จบนเวทีนานาชาติยกเว้นโทรฟีที่ได้สัมผัสตอนเป็นดาวรุ่งอย่างแชมป์เยาวชนโลก (ยู -20) ปี 2005 และแชมป์โอลิมปิก (ยู-23) ปี 2008 แม้สามารถนำอาร์เจนตินาล้มบราซิล ชนะเลิศโกปาอเมริกา ปี 2021 หลังพบความผิดหวังในปี 2007, 2015 และ 2016 แต่เมสซีอาจต้องแขวนสตั๊ดโดยไร้เหรียญตราขั้นสูงสุดของกีฬาลูกหนัง

เวิลด์คัพที่กาตาร์จึงเป็นโอกาสสุดท้าย เมสซีเริ่มทัวร์นาเมนท์ด้วยสกอร์ช็อกโลกแพ้ซาอุดิอาระเบีย 1-2 ซึ่งว่ากันว่ากลับส่งผลดีต่ออาร์เจนตินาที่ต่อมาชนะเม็กซิโก 2-0, ชนะโปแลนด์ 2-0, ชนะออสเตรเลีย 2-1, ชนะเนเธอร์แลนด์ด้วยจุดโทษ 4-3 (120 นาทีเสมอ 2-2) และชนะโครเอเชีย 3-0 นำมาสู่นัดสุดท้ายของทัวร์นาเมนท์กับแชมป์เก่าปี 2018

ความปลื้มปีติอย่างล้นเหลือของชาวอาร์เจนไตน์ที่แสดงออกมาไม่ใช่เพียงเพราะเป็นแชมป์ที่รอคอยมานาน 36 ปีนับจากยุคทองของดีเอโก มาราโดนา หรือต้องการให้เมสซีเป็นราชันย์ที่มีมงกุฎประดับบนศีรษะอย่างสมเกียรติ

ฟุตบอลช่วยเยียวยาชีวิตขัดสนของคนอาร์เจนไตน์

กิลเลม บาลากุย คอลัมนิสต์ของบีบีซี สื่อใหญ่ในอังกฤษ เคยเขียนไว้ว่า สำหรับอาร์เจนตินาแล้ว เวิลด์คัพคือทุกสิ่ง ฟุตบอลคือทุกสิ่ง ทุกสิ่งหมุนรอบกีฬาชนิดนี้เพราะนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงให้โลกรับรู้ว่า อาร์เจนตินามีความพิเศษอย่างไร

ย้อนกลับไปยังทศวรรษ 1970 ญี่ปุ่นและอาร์เจนตินาต่างเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่จากนั้น อาร์เจนตินากลายเป็นชาติที่สร้างความสับสนและยากต่อความเข้าใจในเชิงเศรษฐศาสตร์ ไซมอน คุซเนตส์ นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล เคยกล่าวประโยคลือลั่นว่า มีกลุ่มประเทศอยู่สี่ประเภทในโลกคือ ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศด้อยพัฒนา ญี่ปุ่น และอาร์เจนตินา ซึ่งเคยเป็นประเทศที่ร่ำรวยมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ปัจจุบัน อาร์เจนตินายังคงระส่ำระสายและขาดความมั่นควในการเงินของประเทศ เงินเฟ้อสูงลิ่ว ประชากรเกินครึ่งถือว่ายากจน นักการเมืองแบ่งแยกผู้คนออกเป็นสองขั้วที่ไม่สามารถหาจุดร่วมกันได้ มีเพียงฟุตบอลเท่านั้นที่ยังคงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถรวมใจคนทั้งชาติ ซึ่งสามารถสัมผัสได้ตลอดการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้งบรรยากาศในกรุงบัวโนสไอเรสต์และเมืองใหญ่น้อยทั่วประเทศ รวมถึงที่ประเทศกาตาร์ สิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับชาวอาร์เจนไตน์คือชัยชนะ ดังนั้นเมสซีและพลพรรคอัลบิเซเลสเตกำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ให้กับเพื่อนร่วมชาติ

ลิโอเนล สกาโลนี เฮดโค้ชวัย 44 ปี ให้สัมภาษณ์หลังชนะฝรั่งเศสว่า ตัวเขาภูมิใจมากที่มอบความสุขความรื่นเริงให้กับประเทศบ้านเกิดที่ต้องทุกข์ทรมานจากปัญหาเศรษฐกิจที่เลวร้าย “มันเป็นเกมที่บ้าเอามากๆ เราควรเป็นฝ่ายชนะในเวลา 90 หรือ 120 นาที เราสมควรได้รับชัยชนะครั้งนี้ ผมมีความสุขมากที่เห็นชาวอาร์เจนไตน์สนุกสนาน”

“สำหรับพวกเราในอาร์เจนตินา ฟุตบอลไม่ใช่แค่ฟุตบอล แต่ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป ปัญหาของพวกเราก็ไม่ได้หนีหายไปไหน แต่ความสุขที่เราส่งต่อไปยังผู้คนนั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก”

มีการประเมินว่า ชาวอาร์เจนไตน์ราวสี่หมื่นติดตามเชียร์ทีมชาติของพวกเขาที่ประเทศกาตาร์ เป็นหนึ่งในกองเชียร์ที่ทรงพลังและสร้างสีสันมากที่สุดให้กับทุกสนามที่เมสซีและเพื่อนลงแข่งขันตั้งแต่นัดแรกที่พ่ายซาอุดิอาระเบีย หากใครมีโอกาสอยู่ร่วมสนามกับกองเชียร์ทีมฟ้าขาวจะได้ยินเสียงเพลงๆหนึ่งที่พวกเขาตะโกนร้องด้วยความฮึกเหิม จนถูกเปรียบเปรยนี่คือเพลงชาติสำหรับอาร์เจนตินาในศึกลูกหนังเวิลด์คัพ กาตาร์ 2022 ซึ่งไม่ใช่แค่แฟนบอลแต่ตัวนักเตะเองก็ร้องเพลงนี้อยู่บ่อยครั้งในห้องพักนักกีฬาหลังชนะ เมสซีเคยให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์ว่า Muchachos, ahora nos volvimos a ilusiona เป็นเพลงโปรดของเขา

Muchachos บทเพลงที่รวมใจคนทั้งชาติเพื่อแชมป์โลก

ชื่อเพลงเป็นภาษาสเปนแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Guys, now we have hope once again หรือ “พรรคพวก ตอนนี้พวกเรามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง” ซึ่ง กิลแลร์โม โนเวลลิส (Guillermo Novellis) ฟรอนท์แมนของวง ลา มอสกา (La Mosca) ขึ้นต้นเพลงว่า “ฉันเกิดในอาร์เจนตินา ดินแดนของดีเอโกและลิโอเนล ของเด็กๆมัลบินาส ซึ่งฉันไม่เคยลืมเลือน”

Malvinas kids ถูกนำมาอ้างในบทเพลงเพื่ออุทิศและเชิดชูเหล่าทหารเกณฑ์หนุ่มที่ต้องออกไปสู้รบและเสียชีวิตในสงครามเกาะฟอล์กแลนด์ระหว่างอาร์เจนตินาและสหราชอาณาจักร ที่กินเป็นเวลาสิบสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนถึง 14 มิถุนายน 1982 ท้ายสุดอาร์เจนตินายอมแพ้และส่งคืนเกาะให้อยู่ในความควบคุมของสหราชอาณาจักร โดยทหารอาร์เจนตินาเสียชีวิต 649 คน ทหารฝ่ายบริติชเสียชีวิต 255 คน และชาวเกาะฟอล์กแลนด์เสียชีวิตอีกสามคน

สี่ปีต่อมา ความทรงจำที่เจ็บปวดจากสงครามเกาะฟอล์กแลนด์ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาในฤดูร้อนปี 1986 เมื่ออาร์เจนตินาและอังกฤษโคจรมาพบกันในรอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก ซึ่งทีมฟ้าขาวเฉือนชนะ 2-1 จากสองประตูที่โด่งดังของมาราโดนาจาก “หัตถ์พระเจ้า” และการเลี้ยงหลบนักเตะอังกฤษร่วมครึ่งทีม

ปี 1990 ที่อิตาลี มาราโดนาพาอาร์เจนตินาถึงรอบชิงชนะเลิศแต่แพ้เยอรมนี 0-1 ก่อนมาถึงโอกาสครั้งแรกของเมสซีในปี 2014 ที่บราซิล ซึ่งอาร์เจนตินาแพ้ต่อทีมอินทรีเหล็กด้วยสกอร์เดียวกัน จนกระทั่งปีนี้ที่กาตาร์ จะเป็นโอกาสสุดท้ายของซูเปอร์สตาร์ในวัย 35 ปี

ท่อนคอรัสของเพลงระบุอย่างชัดเจนว่านี่เป็นโอกาสที่จะชนะเลิศเวิลด์คัพสมัยที่สามของอาร์เจนตินา “พรรคพวก ตอนนี้พวกเรามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันต้องการชนะเลิศสมัยที่สาม ฉันต้องการครองแชมป์โลก และดีเอโก พวกเราเห็นคุณอยู่บนท้องฟ้า พร้อมกับดอน ดีเอโก และลา โตตา ร่วมกันเปล่งเสียงเชียร์ลิโอเนล เพื่อที่เราสามารถครองแชมป์โลกอีกครั้งหนึ่ง”

บทเพลง Muchachos, ahora nos volvimos a ilusiona ได้เชื่อมโยงมาราโดนา ซึ่งเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน 2020 และเมสซี สองวีรบุรุษนักฟุตบอลของประเทศ โดยเชื่อว่ามาราโดนากำลังเชียร์เมสซีอยู่บนสวรรค์พร้อมกับพ่อแม่ของเขาคือ ดีเอโก “ชิโตโร” (1927–2015) และดัลมา “ดอนา โตตา” (1930–2011)

ช่วงกลางของเพลงเขียนไว้ว่า “ฉันไม่สามารถอธิบาย(ความรู้สึก)ได้เพราะคุณคงไม่เข้าใจมัน เราพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ นานหลายปีที่ฉันต้องร้องไห้ แต่นั่นได้สิ้นสุดลงแล้วเพราะ(การแข่งขัน)ที่สนามมารากานา นัดชิง(โกปาอเมริกา)กับพวกบราซิล และ Daddy ชนะอีกครั้ง”

สิ้นสุดการเปรียบเทียบแข่งขันของเมสซีกับมาราโดนา

เมื่อปี 2021 เฟร์นานโด โรเมโร ครูวัย 30 ปี ได้ลงมือเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาบรรยายความรู้สึกที่มีต่อมาราโดนาและแชมป์โกปาอเมริกา ซึ่งเป็นชัยชนะเมเจอร์รายการแรกของทีมฟ้าขาวในรอบ 28 ปี โดยแปลงเนื้อร้องจากเพลง Muchachos, esta noche me emborracho ซึ่งแปลว่า “พรรคพวก คืนนี้ฉันจะดื่มให้เมาไปเลย” เพลงฮิตเมื่อปี 2003 ของลา มอสกา

ลา มอสกา มีชื่อเต็มว่า La Mosca Tse-Tse (เซทซี หรือ ซีทซี เป็นแมลงวันชนิดหนึ่งในทวีปแอฟริกา มีขนาดใหญ่ประมาณ 6-15 มิลลิเมตร ใหญ่กว่าแมลงวันในเมืองไทยมาก กัดเจ็บและสามารถกินเลือดคนหรือสัตว์ได้) ลา มอสกา เป็นวงดนตรีเก้าชิ้นแนวพังก์กับสกา-เร็กเก้ ผสมผสานซัลซาและป๊อปร็อก จากกรุงบัวโนสไอเรสต์ เริ่มโด่งดังช่วงทศวรรษ 1990

ก่อนหน้าโรเมโร เพลงนี้เคยถูกนำไปแปลงเนื้อเพลงเป็น football chant ใช้ร้องอย่างแพร่หลายกับหลายสโมสรหลายสนามในอาร์เจนตินา ซึ่งกาเบรียล กาซาซซา นักข่าวฟุตบอลชาวอาร์เจนไตน์ ให้สัมภาษณ์ว่า เพลงนี้ของลา มอสกา ถูกนำไปดัดแปลงมานานหลายปี สโมสรแรกน่าจะเป็นเรซิ่งคลับ ก่อนได้รับความนิยมแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แฟนบอลแต่ละสโมสรในอาร์เจนตินาจะมีเพลงเวอร์ชันของตัวเอง มีเนื้อเพลงเฉพาะตัว

แต่โรเมโรเป็นคนทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงชาติของทีมฟุตบอลอาร์เจนตินาในเวิลด์คัพ 2022 มีจุดเริ่มต้นจากชัยชนะเหนือบราซิลที่สนามมารากานาในกรุงริโอเดจาเนโร เริ่มแรกโรเมโรกับกลุ่มเพื่อนตั้งใจปล่อยเพลงนี้ในสนามเอสตาดิโอ โมนูเมนตัล ดาบิด อาเรญาโน กรุงบัวโนสไอเรสต์ เกมที่ทีมฟ้าขาวเตะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับโบลิเวีย แต่พวกเขาซื้อบัตรเข้าชมไม่ได้เลยต้องร้องเพลงนี้นอกสนาม ซึ่งบังเอิญทีวีช่องกีฬา TyC เห็นเข้าจึงบันทึกเทปและนำไปเผยแพร่ เพียงท่อนแรก “ฉันเกิดในอาร์เจนตินา ดินแดนของดีเอโกและลิโอเนล ของเด็กๆมัลบินาส ซึ่งฉันไม่เคยลืมเลือน” ก็จับใจทุกคนที่ได้ฟังเป็นอย่างมากจนกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว

ราวหนึ่งปีต่อมา โนเวลลิสเริ่มตระหนักถึงอิทธิพลของบทเพลงเมื่อเห็นนักเตะอาร์เจนตินาร้องเพลงนี้หลังจากชนะอิตาลี 3-0 ที่สนามเวมบลีย์ในเดือนมิถุนายน ในเกมฟินาลิสซิมา 2022 ซึ่งเป็นแมตช์ระหว่างแชมป์แห่งชาติของทวีปยุโรปกับอเมริกาใต้ นักร้องนำของลา มอสกา จึงขออนุญาตโรเมโรเพื่อนำไปบันทึกเสียงปล่อยเป็นซิงเกิลอย่างเป็นทางการก่อนหน้าฟุตบอลโลกที่กาตาร์เริ่มขึ้นไม่นานนัก

โรเมโรกล่าวถึงบทเพลงของเขาว่า “เดิมทีผมฝันแค่ร้องในกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นอะไรที่โดดเดี่ยวมากๆ แต่ผมเกิดอารมณ์ร่วมมากตอนได้ยินเด็กๆร้องบนถนนหลังแมตช์กับออสเตรเลีย ซึ่งเป็นอารมณ์เดียวกับเมื่อได้ยินกลางจัตุรัส งานปาร์ตี และแน่นอนรวมถึงตอนนักเตะร้องเพลงนี้”

ครูวัย 30 ปี เปิดใจถึงอีกเหตุผลที่เขียนเพลงนี้ว่า เพื่อละทิ้งการนำเมสซีและมาราโดนามาเปรียบเทียบแข่งขันกันที่เป็นมายาวนาน เพราะทั้งคู่ต่างเป็นของชาวอาร์เจนไตน์

มาร์ติน มาเซอร์ นักข่าวที่เกาะติดทีมอาร์เจนตินาที่กาตาร์ พูดถึงเพลงนี้ว่า “เนื้อเพลงไม่เหมือนเพลงฟุตบอล (football chant) ทั่วไป เพลงนี้ไม่ได้เกิดมาจาก(การร้อง)บนอัฒจันทร์ แต่เป็นโซเชียลมีเดียที่พาดังเป็นไวรัล มันควรได้เกรด A+ สำหรับการเล่าเรื่องหากดูจากวิธีที่ถูกสร้างสรรขึ้นมา”

แฟนบอลสามารถคลิกฟังมิวสิกวิดีโอเพลง Muchachos, ahora nos volvimos a ilusiona ได้ที่ลิงก์

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด