The Last of City Part II
หลังสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบอลแต่ละลีกเตะเสร็จสิ้นกันไปแค่วันเดียวปรากฏมีการทิ้งระเบิดในโลกโซเชี่ยลอย่างรุนแรงจากการที่สโมสร แมนฯซิตี้ ถูกต้องข้อหาละเมิดกฏการเงินมากกว่า 100 ข้อหา!!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “เรือใบ” ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติที่สั่นคลอนอนาคตของสโมสรเพราะเกือบ 3 ปีก่อน ยูฟ่า เคยตั้งข้อหาเดียวกันแต่ด้วยมีทีมทนายสุดเขี้ยวจึงสามารถอุทธรณ์จากโทษแบนจาก UCL และปรับเงินกว่า 27 ล้านปอนด์
เหลือเพียงกลับสู่เวทียุโรปตามเดิมและถูกปรับขนหน้าแข้งไม่ร่วงแค่ 9 ล้านปอนด์
แต่หนนี้คู่กรณีเป็น “พรีเมียร์ลีก” ที่พูดแบบชาวบ้านคือไม่ชอบขี้หน้า ซิตี้ เป็นทุนเดิมที่มาทำให้ลีกที่เคยแย่งแชมป์อย่างเข้มข้นกลายเป็นลีกชาวนาโดยไม่สนสี่สนแปดใดๆ
การหลุดพ้นคดีของ ยูฟ่า เชื่อเหลือเกินว่าทำให้ผู้ดีใส่สูทผูกไทด์ในห้องแอร์ยิ่งอยากจัดหนักให้ได้รับโทษอย่างสาสม
ผมขอข้ามรายละเอียดยิบย่อยที่ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านซึ่งช่ำชองภาษาอังกฤษมากกว่าผมคงได้ตามอ่านต้นฉบับของเมืองนอกมากันเยอะแล้ว
ทั้งกว่า 100 ข้อหาเป็นช่วงเวลาระหว่างฤดูกาล 2009 จนถึง 2017-18
หลักๆเลยคือ ซิตี้ ทำตัวไม่ชอบมาพากลต่อเงินรายได้ที่สูงเกินจริงจากบรรดาสปอนเซอร์ต่างๆซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น อาบูดาบี ของท่าน ชีค มานซูร์ เจ้าของทีมนั่นเอง
ถ้าเป็นภาษาคอเกม FM ที่ “เรือใบ” ทำอยู่คือสูตรโกงเงินหรืออารมณ์หัวหมอไป add manager สโมสรรวยๆเพื่อขอซื้อ โจ โกเมซ ที่ตัวเองคุม ลิเวอร์พูล อยู่ด้วยเงิน 100 ล้านปอนด์ (ซื้อขายเสร็จ ลาออก ฮา) อะไรประมาณนั้น
สปอนเซอร์ที่มีชื่อเกี่ยวข้องและพรีเมียร์สงสัยคือ เอติฮัด แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสปอนเซอร์สนามและหน้าอกเสื้อรวมถึง Etisalat บริษัทโทรคมนาคม ที่เป็นเงินของท่านชีคมาอัดฉีดสโมสรเป็นอัฐยายซื้อขนมยาย
นอกจากนี้ที่ส่งกลิ่นเตะจมูกผู้หลักผู้ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก คือสัญญาว่าจ้างผู้จัดการทีมระหว่างฤดูกาล 2009-10 และ 2012-13 ซึ่งช่วงเวลานั้นคือ “มันโช่” โรแบร์โต้ มันชินี่
กล่าวคือมีสัญญาว่าจ้างฉบับ “จริง” จ่ายโดยสโมสร แมนฯซิตี้ กับฉบับ “ลับ” (Shadow) ซึ่งจ่ายโดย อัล จาซิร่า สโมสรลูกของ อาบู ดาบี
ตัวเลขที่ ซิตี้ จ่ายเป็นเงิน “เดือน” อยู่ที่ 1.45 ล้านปอนด์โดยสุทธิแต่บริษัทของ “มันโช่” รับเงินอีก 1.75 ล้านปอนด์ต่อ “ปี” ซึ่งสั่งจ่ายโดยสโมสร อัล จาซิร่า
ถามว่า มันชินี่ และบริษัท มีทางหนีทีไล่กับการรับเงิน “นอก” ครั้งนี้ไหม มีครับโดยมีข้ออ้างว่าเปิดคลีนิคสอนโค้ชฟุตบอลที่ อัล จาซีร่า เป็นเวลา 4 วันต่อปี
เขร้ รวยจัดเลยทำงาน 4 วันต่อปี รับ 1.75 ล้านปอนด์!!
ข้อหามีอีกเยอะมากๆครับ เอาเป็นว่าเรารู้โดยรวมว่าการเงินทั้งรับและจ่ายไม่โปร่งใสซึ่งพรีเมียร์มองว่าไม่ยุติธรรมสำหรับทีมอื่นที่ใช้จ่ายภายใต้กฏ
อย่างไรก็ตามความท้าทายของทีมงานทนาย “ซิตี้” ในครั้งนี้ถือว่าไม่ง่ายเลยเพราะงานนี้ พรีเมียร์ลีก ตามสืบและเก็บข้อมูลมานานกว่า 4 ปี
และบทลงโทษครั้งนี้จะเป็นมาตรฐานลงโทษให้ทีมอื่นๆว่าจะยอมเสี่ยงหรือไม่หากถูกแค่ปรับเงินหรือปรับแต้ม (ที่ไม่มากพอ)
ครับ ณ ตอนนี้สิ่งที่แฟนบอลและผู้ติดตามข่าวนี้กำลังจับตามองว่าบทลงโทษจะหนักและช็อกซีนีม่าให้สมกับการออกมา “เล่นใหญ่” ครั้งนี้ของ พรีเมียร์ลีก
เบื้องต้นมีการคาดการณ์ที่ ซิตี้ จะต้องถูกลงโทษไว้หลายเคสเหลือเกิน
1. ปรับตกชั้น, ปรับเงิน
2. ตัดแต้ม
3. แบนจากตลาดซื้อขาย xx ปี
4. ริบแชมป์ที่ได้มา
สเตฟาน บอร์สัน อดีตที่ปรึกษาทางการเงินของ “ซิตี้” จัดหนักไม่ไว้หน้าหลังยืนกรานว่า “เรือใบ” ต้องตกชั้นสถานเดียวหากทำผิดกฏจริง
โดยส่วนตัวผมเองเดาทางไม่ออกจริงๆเพราะผลงานและคุณภาพของพรีเมียร์ในสนามยังหามาตรฐานไม่ได้
แต่ถ้าระยะยาวอยากให้ลีกมีการแข่งขันที่ยุติธรรมและมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแข่งขัน/ไม่ผูกขาดนี่คือโอกาสดีในการประกาศจุดยืนเพื่อไม่ให้มีเคสแบบนี้เกิดขึ้นอีก
อย่างไรก็ตามสำหรับพวกสาย speed ที่อยากรู้ผลไวๆอาจต้องผิดหวังเพราะเมื่อพูดถึงการต่อสู้ทางกระบวนการทางศาลต่ำๆ 2 ปีหรือมากกว่านั้นซึ่งรวมถึงการอุทธรณ์ของ ซิตี้ ด้วย (หากถูกตัดสินว่าผิดจริง)
ไฟลามทุ่งนอกจากบทลงโทษของ “เรือใบ” ที่ลิสมาข้างต้นแล้วประเด็นสำคัญคือหัวเรือใหญ่อย่าง เป๊ป กวาดิโอล่า เตรียมโบกมือลาเช่นกันหากสโมสรทำผิดจริง
อันนี้ผมอ้างอิงจากคำพูดจากสุภาพบุรุษของ เป๊ป เมื่อปีที่แล้วหลังแกยืนยันว่า “ลาออก” และ “ตัดสัมพันธ์” แน่นอนหากสโมสร “โกหก” เขาในเรื่องเงินๆทองๆจนสามารถมีให้เขาใช้จ่ายได้อย่างสนุกสนาน
The last of City part I หักปากาเซียนผ่านมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่ part II ซึ่งจะเป็นบทสรุปขอซีรีย์เข้มข้นลุ้นมันแน่นอนคนับ…
ที่มา: soccersuck