จังหวะปล้นชัย ผีเสมอเหมือนแพ้
ผลเสมอ 2-2 ที่ คัมป์นู ในศึก ยูโรป้า ลีก รอบเพลย์ออฟทำให้แฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด เข้านอนด้วยอารมณ์ค้างคาใจสุดๆ
ไม่แพ้แต่รู้สึกเหมือนแพ้
ไม่ใช่แค่ว่าแข้ง “ปีศาจแดง” ต้องต่อสู้กับ บาร์เซโลน่า 11 คนแต่อย่างที่ เอริค เทน ฮาก บอสใหญ่พูดเอาไว้หลังจบเกมว่าผู้ตัดสินมี “ส่วนสำคัญ” กับเกมนี้เต็มๆ
มันเปลี่ยนผลการแข่งขันแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังเท้าจากชัยชนะกลับกลายเป็นผลเสมอของทีมเยือน
นาที 64 ในขณะที่ ยูไนเต็ด นำ 2-1 บรูโน่ แฟร์นานเดส แทงทะลุให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดกระชากด้วยสปีดกำลังจะเข้าเขตโทษ
ชุลส์ คุนเด้ ที่วิ่งตามมาติดๆและเหลี่ยมบอลเสียเปรียบไม่มีทางแย่งหรือแซงได้แล้วตัดสินใจเอาขาขวา/ลำตัวสะกิดจากด้านหลัง
“ดร.แรช” เสียหลักหัวทิ่มซึ่งตามหลักแล้วลูกลักษณะนี้ตัวสุดท้ายขัดขวางผู้เล่นที่กำลังหลุดไปใส่เดี่ยวกับผู้รักษาประตูคือใบแดงสถานเดียว
“พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เคยพูดเอาไว้นานมากแล้วว่านักบอลลองให้วิ่งสปีดเร็วๆแค่มีอะไรมาสะกิดนิดหน่อยคุณหัวทิ่มไม่เป็นท่า
ไม่รู้อะไรดลใจผู้ตัดสินกลับปล่อยให้เล่นหน้าตาเฉย ไม่แม้แต่จะเรียกดู VAR เพื่อเช็กให้แน่ใจว่ามันเกิดอะไรชึ้นกันแน่
และแน่นอนครับมันมีผลต่อเกมทันทีเพราะอีกเพียง 12 นาที บาร์เซโลน่า ตีเสมอ
แม้ท้ายที่สุดมันเป็นความผิดพลาดของทีมเยือนที่พยายามตั้งเกมจากแดนหลังก่อนที่ คาเซมิโร่ เป็นคนจ่ายพลาดและเป็น ราฟินญ่า ยิงประตูแบบเฮงๆ
แต่จะเกิดประตูนี้ไหม เหตุการณ์ต่างๆจะดำเนินมาในรูปแบบนี้ไหมหาก “บาร์ซ่า” เหลือผู้เล่น 10 ตัวและต้องปรับแท็คติกส์หลังจากนั้น
ครับเหนืออื่นใดในเมื่อเปลี่ยนผลการแข่งขันไม่ได้แล้วแต่สิ่งที่ไม่สามารถ “ยึดคืน” จาก แมนฯยูไนเต็ด ได้เลยคือฟอร์มการเล่นของพวกเขาที่ได้รับคำชมจากทั่วทุกสารทิศ
พอล สโคลส์ ตำนานรุ่นพี่กล่าวยกย่องว่าตอนนี้ “ปีศาจแดง” เป็นทีมที่ดูดีมีอนาคตจริงๆ (ใช้คำว่า proper team now)
ผมเห็นด้วยและอยากเสริมว่าการที่คุณจะสร้างทีมต่อกรกับคู่แข่งไม่ต้องเจาะลึกอะไรเยอะ เอาแค่การรับมือกับคู่แข่งยามออกนอกบ้านว่าเป็นอย่างไรแค่นั้นพอ ที่เหลือมันต่อยอดง่ายมาก
เหมือนต่อยมวยแหละครับ ต่อยในบ้านตัวเองมีทั้งกองเชียร์มีความฮึกเหิม ไหนจะความเอนเอียงของกรรมการ ตัวช่วยเต็มไปหมด การไปเอาชนะถึง ญี่ปุ่น หรือ อเมริกา แม่งของจริงเห็นๆ
ยูไนเต็ด สร้างปัญหาให้ บาร์ซ่า ด้วยวิธีการเพรสอย่างหนักซึ่งเราเห็นกันไม่บ่อยนักเพราะปกติทีมของ เทน ฮาก มักถนัดรอเคาเตอร์และใช้ผู้เล่นตัวรุกเร็วๆวิ่งสอดไปยังพื้นที่ว่าง
ทีมเวิร์คและความเข้าใจของผู้เล่น “ปีศาจแดง” คืออีกปัจจัยที่ทำให้เกือบเอาชนะ บาร์ซ่า โดยมีหลักฐานคือคลิปการเคาะบอลหนีการเพรสโคตร “เทพ” 7 จังหวะจนกระทั่งมีโอกาสจบสกอร์
ในขณะที่ แรชฟอร์ด หลังจบบอลโลกกลายเป็นผู้เล่นที่สะกดให้คนหยุดรอดูความ “มหัศจรรย์” ยามที่แกได้บอล ทุกๆสายตารู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นเหมือน เอ็มบัปเป้ หรือ เมสซี่ ไม่มีผิด
ทักษะ, ความมั่นใจและเทคนิคมาเต็มทุกช่องทาง การยิงมุมแคบที่ว่ากันว่าเล็กกว่ารูตูดแมวหรือการกระชากหนี ราฟินญ่า ดื้อๆจากลูกเตะมุมสั้นจนนำมาสู่ประตูแซงนำ 2-1
14 ประตูใน 16 เกมเป็นตัวเลขที่เวอร์วังปังปุริเย่สุดๆและปฏิเสธไม่ได้ว่าแท็คติกส์แนวทางการเล่นของ ETH ผลักดันให้ “แรช” กลายเป็นตัวความหวังที่จะพาทีมปลดล็อกโทรฟีย์แรกนับตั้งแต่ปี 2017 หรือเมื่อ 6 ปีที่แล้ว…
สถิติ สถิติ สถิติ
แมนฯยูฯ กวาดชัยชนะในทุกรายการีซีซั่นนี้เป็นเกมที่ 26 ซึ่งมากกว่าทุกๆทีมใน top 5 ลีกของยุโรป
มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงไปแล้ว 22 ประตูในทุกรายการให้ แมนฯยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เทียบเท่ากับทั้งฤดูกาล 2019-20 ที่เขาทำได้ 22 ประตู
ที่มา: soccersuck