กระจกหกด้านส่อง “เอมิเลียโน มาร์ติเนซ” ยอดนายประตูที่คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ

#SSxKMD | ไม่ว่ารักหรือเกลียดเอมิเลียโน มาร์ติเนซ นายทวารจอมหนึบของสโมสรแอสตัน วิลลาและทีมชาติอาร์เจนตินา แต่ปฏิเสธได้ว่า “เอมิ” เป็นผู้รักษาประตูคนหนึ่งที่มีฝีมือระดับเวิลด์คลาสในทศวรรษ 2020

มาร์ติเนซเป็นหนึ่งในกุญแจดอกสำคัญที่ไขประตูพาอาร์เจนตินาครองแชมป์โลกที่รอคอยเป็นเวลา 36 ปี ซึ่งทำให้เขารับรางวัลถุงมือทองคำในฐานะผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของเวิลด์คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ และล่าสุดปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มาร์ติเนซได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำปี 2022 ของฟีฟา

ระหว่างพิธีมอบรางวัล ช่างภาพจับสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของคิลิยัน เอ็มบัปเป ยอดกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งทำแฮททริกในนัดชิงชนะเลิศก่อนแพ้อาร์เจนตินาในการดวลจุดโทษ เปรียบเทียบกับใบหน้ายิ้มแย้มชื่นชมของลิโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา เป็นหลักฐานยืนยันที่ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนฝรั่งเศสเคยตีตราประทับนายด่านวัย 30 ปีว่า The most hated Argentine.

เหตุผลไม่ใช่เพราะเคืองแค้นที่มาร์ติเนซดับความหวังฝรั่งเศสที่จะชูถ้วยเวิลด์คัพสมัยที่สองติดต่อกันหลังจากงัดฟอร์มซูเปอร์เซฟป้องกันลูกยิงของร็องดาล โกโล มูอานี ก่อนหมดเวลาพิเศษ แถมยังเซฟลูกจุดโทษของคิงส์เลย์ โกมัน แต่เป็นการโยนบอลทิ้งเพื่อก่อกวนสมาธิจนโอเรเลียง ชูอาเมนี ซัดบอลออกข้าง

หลังจากรับรางวัลถุงมือทองคำบนแท่นพิธี มาร์ติเนซยังแสดงกิริยาไม่สุภาพด้วยการเอาโทรฟีไปจ่อเป้ากางเกง ต่อจากนั้นยังเรียกร้องให้ยืนไว้อาลัยหนึ่งนาทีให้กับเอ็มบัปเปในห้องแต่งตัวนักกีฬาด้วย แค่นั้นยังไม่พอหลังกลับไปประเทศอาร์เจนตินา เขายังถือตุ๊กตาหน้าเอ็มบัปเปขณะร่วมขบวนพาเหรดฉลองความสำเร็จกลางกรุงบัวโนสไอเรสต์

ภายหลังงานประกาศผลรางวัลของฟีฟา มาร์ติเนซพยายามบรรเทาความเกลียดชังของคนฝรั่งเศสด้วยการพูดผ่าน TMC สถานีโทรทัศน์ของฝรั่งเศส ว่า “ด้วยความสัตย์ ผมรักประเทศฝรั่งเศส ผมเคยไปพักผ่อนช่วงวันหยุดที่นั่นหลายครั้ง ผมรักคนฝรั่งเศส ผมยังนอนห้องเดียวกับนักเตะฝรั่งเศสสองคนจากแอสตัน วิลลา”

“สำหรับทีมชาติฝรั่งเศส พวกเขาเกือบทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้คือ รักษาแชมป์โลก พวกเขายังชนะเลิศเนชันส์ ลีก เมื่อปี 2021เชื่อเถอะพวกเขามีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่เบื้องหน้า”

ถึงกระนั้นยังคงเป็นไปได้ว่า มาร์ติเนซยังเป็นคนอาร์เจนไตน์ที่โดนเกลียดมากที่สุดในฝรั่งเศสอยู่ดี

สองปีครึ่ง จากตัวสำรองเป็นนายประตูเวิลด์คลาส

มาร์ติเนซใช้เวลาสองปีครึ่งเปลี่ยนตัวเองจากดินกลายเป็นดาว จุดเริ่มต้นอยู่ในเดือนกันยายน 2020 เมื่อย้ายมาอยู่แอสตัน วิลลา ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (รวมแอดออน) หลังจากมีโอกาสลงเป็นตัวจริงเกมพรีเมียร์ลีกแค่ 13 นัดให้กับอาร์เซนอลระหว่างปี 2012 ถึง 2020

ที่ตู้ล็อคเกอร์ มาร์ติเนซติดรายการเป้าหมายที่เขามีไว้พุ่งชน หนึ่งในลิสต์คือต้องเป็นผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดในโลก ซึ่งตอนนั้นดูเหมือนเป็นเป้าหมายที่เกินความจริงไปหน่อยสำหรับนายทวารที่ไม่เคยเป็นมือหนึ่งของต้นสังกัด แถมระหว่างอยู่ในสัญญากับอาร์เซนอล เขาถูกปล่อยยืมตัวให้หกสโมสรคือ ออกซ์ฟอร์ด, เชฟฟิลด์ เวนสเดย์, รอตเธอร์แฮม, วูลฟ์แฮมป์ตัน, เกตาเฟ และเรดดิง มีสถิติเล่นบอลลีกรวมกันเพียง 16 นัด

แต่นับจากเซ็นสัญญากับวิลลา มาร์ติเนซไม่เพียงได้สองรางวัลใหญ่ของผู้รักษาประตู แต่ยังมีเหรียญชนะเลิศโคปา อเมริกา และเวิลด์คัพ คล้องคอ

นีล คัทเลอร์ อดีตโค้ชผู้รักษาประตูที่ทำงานให้วิลลามายาวนาน เป็นคนหนึ่งที่เห็นพัฒนาการของมาร์ติเนซตลอดสองปีครึ่ง เขาเป็นคนชวนนายทวารอาร์เจนไตน์มาร่วมทีมเดอะ ไลออนส์ แห่งมิดแลนด์ส ก่อนกลายเป็นเพื่อนสนิทและนักจิตวิทยาอย่างไม่เป็นทางการให้มาร์ติเนซ

คัทเลอร์ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี สปอร์ต ว่า “การเปลี่ยนตัวเองจากสถานภาพนายประตูตัวสำรองในพรีเมียร์ลีกมาชนะเลิศเวิลด์คัพภายในเวลาอันสั้นเป็นเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนใครแน่นอน แต่ก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เอมิก้าวหน้าเร็วขนาดนี้ ซึ่งเริ่มจากความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและการทำงานอย่างหนัก”

“ความตั้งใจที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองไปถึงจุดที่ต้องการนั้น มันยิ่งใหญ่มาก เขามีความปรารถนาที่ชัดเจน ซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผมพยายามอย่างมากเพื่อดึงเอมิมาที่วิลลา แต่อีกด้านหนึ่งได้สร้างปัญหาใหญ่มากแก่เขา เพราะบางครั้งเอมิก็ทำอะไรมากเกินไปซึ่งเกิดจากการขาดประสบการณ์ เขาเคยบาดเจ็บเนื่องจากฝึกซ้อมรับลูกโทษมากเกินไป”

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมาร์ติเนซกับอาร์เซนอลคือชีวิตช่วงสุดท้ายที่เอมิเรตส์ สเตเดียม เป็นช่วงที่ไวรัสโควิดระบาดและนายประตูมือหนึ่ง เบิร์นด์ เลโน บาดเจ็บ เชาได้รับโอกาสลงตัวจริง 11 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2020 ซึ่งอาร์เซนอลชนะเชลซี 2-1

แต่หลังจากลงตัวจริงในคอมมูนิตี ชิลด์ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมปีเดียวกัน ซึ่งอาร์เซนอลชนะลิเวอร์พูลจากการดวลลูกโทษ อนาคตของมาร์ติเนซเริ่มไม่มั่นคงเพราะเลโนกลับมาและต้องการตำแหน่งมือหนึ่งหรือไม่ก็ย้ายทีม นั่นทำให้มาร์ติเนซเลือกเป็นฝ่ายไป ขณะที่คัทเลอร์จับตาดูสถานการณ์ใกล้ชิด

คัทเลอร์กล่าวถึงช่วงเวลานั้นว่า “เรามีรายชื่อผู้รักษาประตู ผม, โยฮัน แลงเก (ผู้อำนวยการด้านกีฬาของวิลลา) และแผนกคัดเลือก นัดประชุมกันบ่อยมาก โยฮันและทีมสเกาท์มุ่งไปที่สถิติอย่างคลีทชีนหรือเปอร์เซ็นต์การเซฟ ซึ่งชื่อเอมิอยู่ลำดับล่างๆของลิสต์เพราะลงเล่นน้อย เมื่อนำไปเทียบกับผู้รักษาประตูรายอื่นในยุโรปที่เราจับตามองอยู่”

“โชคดีที่พวกเขาเปิดรับแนวคิดของผม ซึ่งมองไปที่สไตล์การเล่นและรูปร่างสรีระ ถ้าเป็นเรื่องชีวกลศาสตร์ (bio-mechanics) นั้น เอมิจัดอยู่ระดับที่เยี่ยมมาก เขาถูกกาเครื่องหมายถูกทุกช่องเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโน้มน้าวให้ฝ่ายบริหารจ่ายเงิน 18 ล้านปอนด์เพื่อซื้อนายประตูที่ไม่ค่อยได้ลงตัวจริง แต่ผมก็ทำสำเร็จ ผมถึงขนาดเอาพาวเวอร์พอยท์มาอธิบายให้พวกเขาฟังเลย ว่าเอมิจะนำอะไรมาให้ทีมบ้าง รวมถึงแคแร็กเตอร์ของเขา”

“จากนั้นเป็นงานที่ผมต้องขายสโมสรให้เอมิบ้าง ผมคุยกับเขาทางโทรศัพท์หลายครั้งเพื่อเล่าให้ฟังว่าผมทำอะไรทำอย่างไร และอะไรที่เราจะประสบความสำเร็จร่วมกันได้ เอมิรู้ดีว่าผมจะทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาต้องการเช่นกัน นี่เป็นจุดที่ทำให้เราเชื่อมต่อกัน จนกระทั่งเอมิรู้สึกได้แล้วว่า โอเค ผมจะย้ายไปวิลลา”

ด้านสว่างของนายทวารที่ถูกมองว่าไร้สปิริตนักกีฬา

คัทเลอร์ย้ายออกจากวิลลาในเดือนตุลาคมปีที่แล้วเมื่ออูไน เอเมรี ผู้จัดการทีมคนใหม่ ย้ายเข้ามาพร้อมสตาฟฟ์โค้ชส่วนตัว รวมถึงซาบี การ์เซีย ผู้ชำนาญการด้านผู้รักษาประตู ซึ่งเคยทำงานกับมาร์ติเนซมาแล้วที่อาร์เซนอล แต่สายใยระหว่างมาร์ติเนซกับคัทเลอร์ยังเหนียวแน่น นายทวารได้โพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลว่า คัทเลอร์เป็นโค้ชชาวอังกฤษที่ดีที่สุด หรือหลังจบพิธีมอบรางวัลเวิลด์คัพ 2022 เขาก็โทรศัพท์จากสนามลูเซลไปหาคัทเลอร์

“สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้จากเอมิหลังนัดชิงชนะเลิศครั้งนั้นคือความผ่อนคลาย ผมภูมิใจกับเขาอย่างที่สุดเพราะรู้ดีว่าทุกอย่างที่เขาทุ่มเทมาตลอดชีวิตก็เพื่อสิ่งนั้น”

“เอมิทุ่มเททุกสิ่งเพื่อได้ไปเล่นฟุตบอลและคว้าแชมป์ด้วย เขามีนักโภชนาการส่วนตัวเช่นเดียวกับนักโยคะและครูสอนพิลาติส (การออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง เน้นเสริมสร้างความแข็งแรงและเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ) ผมรู้มาว่าเขาออกไปว่ายน้ำกลางดึกเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับการแข่งขันนัดต่อไป”

“งานของผมคือหาว่าอะไรจะช่วยให้เอมิเติบโต ดังนั้นผมจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตนอกเหนือฟุตบอลของเขา เช่นเดียวกับรายละเอียดทั้งในและนอกสนามฝึกซ้อม คนอาจตำหนิเรื่องที่เขาทำระหว่างดวลจุดโทษกับฝรั่งเศสหรือตอนรับรางวัลถุงมือทองคำ แต่ผมมองเขาต่างจากคนอื่น จริงๆแล้วเอมิมีนิสัยเห็นอกเห็นใจคนอื่น เขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนรอบตัว ต้องการให้คนอื่นมีความสุข อย่างที่วิลลา เขามักจัดงานเลี้ยงบาร์บีคิว พยายามชวนเพื่อนนักฟุตบอลและครอบครัวมาอยู่ร่วมกัน เพราะนั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา”

คัทเลอร์กล่าวถึงการกระทำที่เหมือนไม่มีน้ำใจนักกีฬาของมาร์ติเนซที่กาตาร์ว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของเกมแพลน แต่เขามีส่วนผิดเช่นกันเพราะพวกเขาทำงานร่วมกันมานาน จึงทำให้เขาแสดงบุคลิกภาพและตัวตนอย่างนั้นออกไปในสถานการณ์เช่นนั้น

“แทนที่จะแสดงอารมณ์หงุดหงิดหรือหดหัวเข้าในกระดอง เราต้องการให้เขาแสดงถึงความมุ่งมั่นความเชื่อมั่น และล้อมรอบไปด้วยความเย่อหยิ่ง ซึ่งส่งผลต่อเกมหรือสถานการณ์นั้นๆในทางบวก”

“จากสถิติ มีความเป็นไปได้มากที่จุดโทษ คนยิงจะทำประตูได้ ดังนั้นประเด็นคือจะทำอย่างไรให้เขาหลุด ผมจำได้ครั้งแรกที่เราโฟกัสเรื่องไซโคคู่แข่งเป็นแมตช์วิลลากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนกันยายน 2021 บรูโน แฟร์นันเดส ยิงจุดโทษพลาดหลังจากเอมิเข้าไปพูดกับเขาว่า คริสเตียโน โรนัลโด น่าจะเป็นคนยิงนะ ผมรู้จักนักเตะดี ผู้เล่นอย่างแฟร์นันเดสนั้น เขาเป็นคนแบบทำให้ลมออกหูง่าย คุณรู้ดีว่าไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักหรอก”

เส้นทางสุดทุรกันดารกว่าถึงวันรับมอบตำแหน่งมือหนึ่ง

“เอมิ” มีชื่อเต็มว่า ดาเมียน เอมิเลียโน มาร์ติเนซ เกิดวันที่ 2 กันยายน 1992 ที่เมือง Mar del Plata ประเทศอาร์เจนตินา เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลกับทีมเยาวชนของอินดีเพนเดียนเต ก่อนได้รับเทียบเชิญให้ไปทดสอบฝีเท้าที่อะคาเดมีของอาร์เซนอลหลังจากวันเกิดปีที่ 17 ไม่นานนัก ผลรับดีเกินคาด อาร์เซนอลเสนอสัญญานักเตะระดับเยาวชนให้เขา

สมัยเล่นให้ทีมอินดีเพนเดียนเต มาร์ติเนซมีฉายาว่า “ดิบู” (Dibu) ด้วยความที่มีลักษณะหน้าตาท่าทางคล้ายกับ “ดิบูโฮ” (Dibujo) จากหนังการ์ตูนทีวีในอาร์เจนตินาเรื่อง Mi familia es un dibujo และเขาก็ยินดีให้ทุกคนเรียกเขาด้วยชื่อเล่นนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

มาร์ติเนซอยู่ในทีมเยาวชนอาร์เซนอลระหว่างปี 2010 – 2012 ก่อนถูกปล่อยตัวให้ออกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ทีมในลีกทู แบบกะทันหันเนื่องจากไรอัน คลาร์ก และเวย์น บราวน์ ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่คอนเนอร์ ริปลีย์ หมดสัญญายืมตัว นายประตูวัย 22ปี (ขณะนั้น) มีโอกาสสัมผัสบอลลีกอังกฤษครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2012 เป็นแมตช์ปิดซีซันพบกับพอร์ทเวล ซึ่งเป็นฝ่ายชนะ 3-0

ต้นซีซันถัดมา 2012-13 มาร์ติเนซถูกใส่ชื่อเป็นตัวสำรองในเกมเยือนสโตค ซิตี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2012 และพบลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 2 กันยายน จนกระทั่งวันที่ 26 กันยายน นายทวารอาร์เจนไตน์ได้โอกาสเล่นนัดแรกให้เดอะ กันเนอร์ส เป็นเกมลีกคัพ รอบสาม ซึ่งอาร์เซนอลถล่มโคเวนทรี ซิตี ทีมเยือน 6-1 และรอบต่อมา มาร์ติเนซได้เฝ้าประตูอีกครั้ง อาร์เซนอลเดินทางไปชนะเรดดิง 7-5

ฤดูกาล 2013-14 มาร์ติเนซถูกส่งให้เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ ทีมในแชมเปียนชิพ ยืมตัวแบบฉุกเฉินนาน 28 วันเมื่อวันที่ 15ตุลาคม 2013 ก่อนมีการขยายสัญญาไปจนจบซีซัน ชีวิตช่วงที่เหลือ มาร์ติเนซต้องระหกระเหินไปเล่นให้ทีมในแชมเปียนชิพได้แก่ รอตเธอร์แฮม, วูลฟ์แฮมป์ตัน และเรดดิง ยกเว้นกับเกตาเฟที่อยู่ในลาลีกา สเปน ซีซัน 2017-18 ซึ่งมาร์ติเนซได้เล่นแค่ 7 นัดรวมทุกรายการ

หลังหมดสัญญายืมตัวกับเรดดิงในซีซัน 2018-19 มาร์ติเนซก็ได้ปักหลักกับทีมชุดใหญ่อาร์เซนอลเป็นครั้งแรกในซีซัน 2019-20 ซึ่งเขาได้ลงสนามมากถึง 23 นัดรวมทุกรายการ ก่อนย้ายไปเฝ้าประตูให้วิลลาในซีซัน 2020-21 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแจ้งเกิดในอาชีพนักฟุตบอล

มาร์ติเนซเก็บคลีนชีท 4 นัดจาก 7 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ก่อนปิดซีซันแรกกับวิลลาด้วย 15 คลีนชีท โดยเดอะ ไลออนส์ จบด้วยอันดับ 11 มาร์ติเนซลงเฝ้าเสาทั้ง 38 นัด เสีย 46 ประตู ส่งผลให้เขาได้ลงตัวจริงให้ทีมอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2021 เป็นเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2022 เสมอชิลี 1-1 ก่อนกลายเป็นผู้เล่นหลักของทีมนับจากนั้น รวมทั้งสิ้น 26 นัด ณ วันนัดชิงชนะเลิศเวิลด์คัพ

หนึ่งใน wishlist ที่ติดไว้กับตู้ล็อคเกอร์ที่วิลลาคือ การเล่นให้อาร์เจนตินา คัทเลอร์กล่าวว่า “ตอนมาถึงวิลลา เขาวางเป้าหมายไว้เยอะแยะ ทุกวันเมื่อเปิดตู้ เขาก็จะกาบางข้อออกไป รวมถึงการเป็นมือหนึ่งของทีมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขามากที่ได้เล่นนัดแรกในเดือนมิถุนายน 2021”

“เขาเป็นคนประเภทขับเคลื่อนด้วยสถิติ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน การตัดลูกครอส หรือการจ่ายบอลคอมพลีทของตัวเขาเอง เขาไม่เสียประตูมากที่สุดในโคปา อเมริกา 4 จาก 6 เกม”

“บางครั้งงานของผมก็เป็นแค่นักจิตวิทยา ต้องเข้าใจอารมณ์ของเขาหรือสิ่งที่เขากำลังคิด เขากระหายที่จะเก็บคลีทชีท เขาต้องการเซฟทุกอย่าง แม้กับสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ดังนั้นอีกด้านหนึ่ง เขาต้องเรียนรู้การรับมือเมื่อไม่สมหวังหรือไม่ประสบความสำเร็จกับบางเรื่องด้วย”

แล้วอะไรคือเป้าหมายที่มาร์ติเนซวางไว้ในอนาคต โค้ชคู่บารมีตอบว่า “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในตัวเอมีคือ ความกระหาย และที่ผ่านมาเขาได้เล่นน้อย นั่นทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลอายุ 30 ปีในร่างของคนอายุ 22 ปี เขาจึงยังทำอะไรได้อีกมาก และยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้อีกหลายปี”

เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)

ที่มา: soccersuck

ความคิดเห็น

ความคิดเห็น

จำนวนคนดู:
X ปิด