ตามรอยบทบาทใหม่ของ “จอร์จี ฮาจี” กับเป้าหมายพาโรมาเนียครองแชมป์โลก
#SSxKMD | ทีมชาติโรมาเนียไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายตั้งแต่ปี 1998 ถ้านับถึงเวิลด์คัพครั้งล่าสุดที่กาตาร์ก็เป็นเวลา 24 ปี ส่วนรายการชิงแชมป์แห่งชาติทวีปยุโรป ทีมสามสีหรือ The Tricolours ได้ลงสนามรอบสุดท้ายแค่สองครั้งนับจากปี 2000 แถมตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งสองสมัย ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามครั้งใหม่กับศึกลูกหนังยูโร 2024 รอบคัดเลือก กลุ่มไอ ประเดิมแข้งกับอันดอร์ราและเบลารุส
ผลงานดีที่สุดในเวิลด์คัพของโรมาเนียเกิดขึ้นเมื่อปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา จอร์จี ฮาจี (Gheorghe Hagi) เป็นผู้ส่องแสงสว่างนำทีมไปถึงรอบแปดทีมสุดท้าย ซึ่งเสมอสวีเดน 2-2 ก่อนแพ้ดวลจุดโทษหวุดหวิด 4-5 โดยรอบแรก โรมาเนียยืนแป้นอันดับหนึ่งกลุ่มเอ ชนะโคลอมเบีย 3-1, แพ้สวิตเซอร์แลนด์ 1-4 และเฉือนเจ้าภาพ 1-0 ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย โรมาเนียชนะอาร์เจนตินา รองแชมป์เก่า 3-2 ฮาจีทำสามประตูในทัวร์นาเมนท์นี้
ที่โรมาเนีย แฟนบอลพร้อมใจกันตะโกน “Hagi for President” ขณะส่งเสียงเชียร์ทีมชาติที่กำลังสร้างผลงานยิ่งใหญ่ในเวิลด์คัพ 1994 แม้ว่าสองปีต่อมา ฮาจีไม่ได้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนียในปี 1996 แต่เชื่อหรือไม่ ชาวโรมาเนียเขียนชื่อซูเปอร์สตาร์แห่งชาติลงบนบัตรเลือกตั้งประมาณ 2-3 พันคน มากกว่าผู้สมัครบางคนด้วยซ้ำ
แม้แขวนสตั๊ดอำลาวงการไปกว่าสองทศวรรษ ฮาจี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าของและผู้จัดการทีมของสโมสรฟารูล คอนสตันตา ใน Liga I หรือ SuperLiga ลีกสูงสุดประเทศโรมาเนีย กำลังสร้างนักเตะรุ่นใหม่เพื่อพาโรมาเนียไม่ใช่เพียงไปเล่นรอบสุดท้ายเวิลด์คัพ แต่ก้าวสู่เป้าหมายยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือแชมป์ฟุตบอลโลก
ปฏิเสธโอกาสไปค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกสองครั้ง
ราวสองทศวรรษบนถนนนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่ปี 1982 ที่เอฟซี คอนสตันตา ซึ่งฟูมฟักฮาจีในฐานะนักเตะเยาวชน จนกระทั่งแขวนสตั๊ดกับกาลาตาซรายในปี 2001 ฮาจีได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกช่วงทศวรรษ 1980 ถึง 1990 เขาเคยเล่นให้สองสโมสรยักษ์ใหญ่สเปน เรอัล มาดริด (1990 – 1992) และ บาร์เซโลนา (1994 – 1996) พร้อมรับใช้ชาติ 124 นัด ทำสกอร์รวม 35 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของโรมาเนียร่วมกับเอเดรียน มูตู
แฟนบอลกาลาตาซารายในตุรกีตั้งฉายาให้ฮาจีว่า Comandante หรือ The Commander ในภาษาอังกฤษ ส่วนที่โรมาเนีย เขาถูกเรียกขานว่า Regele หรือ The King และยังมีอีกหนึ่งสมญานาม The Maradona of the Carpathians (มาราโดนาแห่งคาร์พาเธียนส์) เนื่องจากฮาจีถนัดเท้าซ้ายและยืนตำแหน่งเบอร์ 10 เป็นเพลย์เมคเกอร์ระดับโลกที่ครบเครื่องทั้งการเลี้ยง เทคนิค สายตา จินตนาการ การจ่ายบอล และการยิง ผู้คนมักนำเขาไปเปรียบเทียบกับดีเอโก มาราโดนา ตลอดชีวิตค้าแข้ง ฮาจีเคยครองอันดับสี่ของบัลลงดอร์ประจำปี 1994 และเปเล่ได้ใส่ชื่อเขาไว้ในลิสต์ 125 สุดยอดนักเตะของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อปี 2004
ฮาจียอมรับว่าเคยมีโอกาสเล่นพรีเมียร์ลีกสองครั้ง “ผมเสียใจนะที่พลาดทั้งสองครั้ง ผมชอบประเทศอังกฤษและมั่นใจว่าแฟนบอลที่นั่นจะสนุกกับสไตล์การเล่นของผม”
ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เคยพยายามเซ็นสัญญากับฮาจีช่วงทศวรรษ 1990 แต่โยฮัน ครัฟฟ์ และบาร์เซโลนา เข้ามาในปี 1994 และอีกสองปีต่อมา กาลาตาซารายยื่นเสนอโปรเจ็กต์ใหญ่ที่อยู่ใกล้บ้านเกิดของเขา
“สมัยเด็กผมชอบเควิน คีแกน เขาเป็นไอดอลคนหนึ่ง แน่นอนผมอยากเล่นให้ทีมของเขาที่นิวคาสเซิล แต่ครัฟฟ์โทรหาผมเป็นการส่วนตัวและชวนไปอยู่บาร์เซโลนา มันยากนะในการตอบปฏิเสธ ครัฟฟ์ยังบอกด้วยว่า ผมเป็นนักเตะเบอร์ 10 คนโปรดของเขาทีเดียว”
“จากนั้นคือกาลาตาซาราย พวกเขาต้องการสร้างทีมที่สามารถประสบความสำเร็จระดับทวีป แถมสโมสรยังอยู่ใกล้โรมาเนียอีก ผมคิดอยากกลับไปอยู่ประเทศบ้านเกิดเสมอหลังชีวิตนักฟุตบอล”
ฮาจีเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการในวัย 36 ปี และได้รับเกียรติมีแมตช์อำลา “เทสติโมเนียล เกม” ที่ชื่อว่า Gala Hagi เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2001 ระหว่างทีมรวมดาราโรมาเนียกับทีมรวมดารานานาชาติ
คล้อยหลังไม่กี่เดือน ฮาจีกลับเข้าสู่วงการลูกหนังอีกครั้ง ไม่ใช่นักฟุตบอลแต่เป็นผู้จัดการทีม … ผู้จัดการทีมชาติโรมาเนีย !!!
บาดแผลจากความล้มเหลวงานกุนซือทีมชาติ
วันที่ 1 กันยายน 2001 ฮาจีรับตำแหน่งใหญ่แทน ลาสซ์โล โบโลนี ซึ่งลาออกไปคุมทีมสปอร์ติง ลิสบอน ในโปรตุเกส แต่โดนปลดพ้นตำแหน่งไม่กี่เดือนต่อมาหลังจากไม่สามารถพาโรมาเนียเข้าไปเล่นเวิลด์คัพ 2002
งานแรกเป็นสองนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ฮาจีพาโรมาเนียบุกชนะฮังการี 2-0 และเสมอจอร์เจีย 1-1 ในบ้าน รั้งอันดับสอง กลุ่มแปด ตามหลังอิตาลี 4 คะแนน ได้สิทธิเตะรอบเพลย์ออฟแต่แพ้สโลเวเนียด้วยสกอร์รวม 2-3 แพ้นัดเยือน 1-2 และเสมอนัดเหย้า 1-1 เป็นสมัยแรกที่โรมาเนียไม่ได้ไปเวิลด์คัพนับตั้งแต่ปี 1986
ฮาจีกลับมาคุมทีมอีกครั้งหลังว่างเว้นเกือบสองปี เซ็นสัญญาเป็นโค้ชให้กับ บูร์ซาสปอร์ ทีมในลีกสูงสุดตุรกี ในเดือนกรกฎาคม 2003 แต่ทำงานไม่ถึงสิ้นปีก็แยกทางกับสโมสร มีสถิติชนะ 2 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 6 นัด
ฮาจีมีผลงานดีขึ้นที่สโมสรถัดไป กาลาตาซาราย ระหว่างเดือนมีนาคม 2004 ถึงพฤษภาคม 2005 พาทีมไปไกลถึงแชมป์ตุรกีช คัพ ปี 2005 ด้วยการถล่มเฟเนร์บาห์เช 5-1 แต่สโมสรไม่ต่อสัญญาใหม่เพราะจบได้เพียงอันดับสามบนตารางลีก ฤดูกาล 2004-05 ตามหลังแชมป์ เฟเนร์บาห์เช 4 คะแนน
สเตอัว บูคาเรสต์ ยักษ์ใหญ่โรมาเนีย พยายามดึงตัวฮาจีในฤดูร้อนปี 2005 แต่สู้ค่าจ้างไม่ไหว ฮาจีจึงเซ็นสัญญากับ โพลิเทคนิกา ตีมีซัวรา แทนในเดือนพฤศจิกายน แต่ทำงานได้ซีซันเดียวก็เลิกราเพราะผลงานไม่ดีแถมแนวคิดไม่ลงรอยกับฝ่ายบริหาร
ในที่สุด ฮาจีก็ลงเอยกับ สเตอัว บูคาเรสต์ กลางปี 2007 สามารถพาทีมเข้ารอบแบ่งกลุ่ม แชมเปียนส์ลีก หลังผ่านเกมควอลิฟายด์สองรอบ แต่ทำงานได้ไม่กี่เดือน เขาก็เปิดหมวกอำลาเนื่องจากขัดแย้งอย่างรุนแรงกับจีจี เบคาลี เจ้าของสโมสร โดยยื่นใบลาออกแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังแพ้สลาเวีย ปราก 1-2 ในนัดเยือนของแชมเปียนส์ลีก
ฮาจีกลับมาที่ กาลาตาซาราย อีกครั้งในเดือนตุลาคม 2010 ทำหน้าที่แทนแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ซึ่งถูกไล่ออก เขาเซ็นสัญญาระยะสั้นเพียงหนึ่งปีครึ่ง แต่ก็อยู่ไม่ครบสัญญาเช่นเดิม โดนปลดในเดือนมีนาคม 2011 หลังกาลาตาซารายทำผลงานได้ย่ำแย่ในบอลลีก
หลังล้มเหลวมาตลอดหนึ่งทศวรรษในฐานะผู้จัดการทีม แต่จุดหักเหสำคัญกำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตของฮาจีที่ วิโตรูล คอนสตันตา (Viitorul Constanta) สโมสรใหม่ในโรมาเนียที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2009 โดยตัวของฮาจีเอง
ก่อตั้งสโมสรเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง
ฮาจีเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมเป็นคนมีบุคลิกภาพและทัศนคติที่ดี ควบคุมลูกบอลได้ดี และยังมีความเร็วด้วย ผมเติบโตในยุคเรืองรองของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ช่วงทศวรรษ 1970 ผมมีโยฮัน ครัฟฟ์ เป็นไอดอล ผมสวมเสื้อหมายเลข 10 เกือบตลอด ผมตระหนักดีว่านั่นหมายถึงการสร้างสรรประตูหรือทำสกอร์”
“ผมสวมเสื้อเบอร์ 10 ทั้งของเรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา สองสโมสรที่ดีที่สุดในโลก ผมมีความทะเยอทะยานเสมอที่จะเป็นคนเก่งที่สุด และนั่นเป็นแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตผม”
หลังประสบความสำเร็จในฐานะนักฟุตบอล ในตอนนี้เป้าหมาย “เดอะ เบสต์” ของฮาจีย้ายไปที่บทบาทผู้จัดการทีมและผู้บริหารสโมสร
ฮาจีก่อตั้งสโมสรวิโตรูล คอนสตันตา ช่วงฤดูร้อนปี 2009 ที่โอวิดิอู (Ovidiu) ในเมืองคอนสตันตา ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากกรุงบูดาเปสต์ เป็นทั้งเมืองเก่าแก่ เมืองท่าสำคัญ และเมืองตากอากาศชายทะเล ตั้งอยู่ริมทะเลดำ
วิโตรูลเข้าร่วม Liga III ลีกเทียร์สามของโรมาเนีย ซีซัน 2009-10 ด้วยการสวมสิทธิ์แทนทีม CSO Ovidiu และเพียงปีเดียว ทีมฉายา Pustii lui Hagi หรือ Hagi’s Kids ก็ครองแชมป์ Liga III และเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่น Liga II ซีซัน 2010-11 พวกเขาใช้เวลาแค่สองปีครองตำแหน่งรองชนะเลิศระดับเทียร์สอง ทะยานสู่ลีกสูงสุดโรมาเนียเป็นครั้งแรกในซีซัน 2012-13
วิโตรูลจบซีซันแรกบนตาราง Liga I ด้วยอันดับ 13 อยู่เหนือโซนตกชั้นถึง 36 คะแนน ก่อนตกอยู่ในสภาพหนีโซนสีแดงระหว่างสองปีต่อมา ทีมเด็ก ๆ ของฮาจีกลับมามีชีวิตชีวิตอีกครั้งในซีซัน 2015-16 รั้งอันดับ 5 ได้สิทธิควอลิฟายด์รอบสามของยูโรปาลีก
ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นในซีซันต่อมา วิโตรูลชนะเลิศ Liga I ซีซัน 2016-17 หลังจากเฉือน CFR Cluj 1-0 ในเกมเหย้าเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2017 โดยเป็นแชมป์ลีกในยุโรปฤดูกาลนั้นที่นักเตะอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ 22.2 ปี ทีมเด็ก ๆ ของฮาจีได้เล่นควอลิฟายด์รอบสามของแชมเปียนส์ลีก ซีซัน 2017-18 แต่แพ้ต่อ APOEL สโมสรไซปรัส
ในเดือนมิถุนายน 2021 ฮาจี, จอร์จี โปเปสคู ประธานสโมสรวิโตรูล คอนสตันตา และ คีปรีอัน มาริกา เจ้าของสโมสรฟารูล คอนสตันตา (Farul Constanta) ในลีกเทียร์สอง แถลงข่าวรวมสโมสรกันโดย วิโตรูล คอนสตันตา เข้าไปรวมกับฟารูล คอนสตันตา สโมสรเก่าแก่ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1920 และใช้สิทธิของทีมวิโตรูลลงแข่งขัน Liga I ซีซัน 2021-22
ฟารูล คอนสตันตา มีชื่อเดิมว่า เอฟซี คอนสตันตา สโมสรที่ฮาจีเริ่มฝึกปรือวิชาลูกหนังตั้งแต่อายุสิบขวบ และเลื่อนขึ้นอยู่ในทีมชุดใหญ่เมื่อปี 1982 นั่นเอง
ทุ่มเงินสร้างรากฐานที่มั่นคงจากอะคาเดมี
สามปีต่อมาในเดือนกันยายน 2014 ไม่เพียงควบตำแหน่งเจ้าของและประธานสโมสร (ขณะนั้น) ฮาจียังแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการทีมของวิโตรูล คอนสตันตา เพิ่มอีกด้วย เพื่อลงไปคลุกคลีใกล้ชิดกับนักเตะหลังจากวางรากฐานสโมสรผ่านอะคาเดมีที่เขาลงทุนไปมากกว่าสิบล้านปอนด์
ทุกวันนี้ ฮาจียังสนุกสนานระหว่างฝึกซ้อมด้วยการเลี้ยงบอล เตะลูกฟรีคิก และโชว์สกิลผ่านบอล เขาเปรียบเสมือนราชันย์ในปราสาทที่มีเด็กๆเงยขึ้นไปมองความยิ่งใหญ่ในอดีตของเขาด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา
ฮาจีดึงดูดเด็กกว่าสองร้อยคนจากทั่วโรมาเนียเข้าร่วมอะคาเดมีตอนที่เพิ่งก่อตั้ง เขายังรับสตาฟฟ์เข้ามาทำงานประมาณร้อยคน และผู้เล่นจากอะคาเดมีก็เป็นนักเตะที่เล่นในนามวิโตรูล คอนสตันตา ตั้งแต่ Liga III จนกระทั่งคว้าแชมป์ Liga I ภายในเวลาเพียงแปดปี และสองปีต่อมายังครองแชมป์บอลถ้วยโรมาเนีย ซีซัน 2018-19 ตามด้วยแชมป์ซูเปอร์คัพโรมาเนีย ปี 2019
ขอบคุณภาพจาก
http://stadiumdb.com/stadiums/rou/stadionul_central_academia_hagi
เงินส่วนใหญ่ที่ได้รับสมัยเป็นผู้เล่นของฮาจีถูกนำมาลงทุนกับสโมสร ฟารูล คอนสตันตา ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่อายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในยุโรป และให้ความสำคัญอย่างสูงกับการพัฒนานักเตะเยาวชน ฮาจีถึงขนาดเปิดโอกาสในนักเตะอายุแค่ 14 ปี ลงแข่งขันในลีกสูงสุดได้
หลายปีที่ผ่านมา นักเตะวัยรุ่นของฟารูลได้รับความสนใจจากต่างชาติ ย้ายไปเล่นกับอาแจ็กซ์, ฟิออเรนตินา, ไบรท์ตัน และเรนเจอร์ส อีกทั้งเกือบครึ่งหนึ่งของทีมชาติโรมาเนียก็มาจากทีมเด็ก ๆ ของฮาจี
ฮาจีวางเป้าหมายกับอะคาเดมีไว้ว่า แต่ละปีจะต้องมีนักเตะอย่างน้อยสองคนถูกโปรโมทขึ้นไปร่วมทีมชุดใหญ่ เขาไม่ให้ความสำคัญกับตัวเลขอายุของลูกทีม “ผมโชคดีที่เคยมีครูดี ๆ ช่วยเร่งพัฒนาการด้านฟุตบอล นั่นจึงเป็นสิ่งที่ผมต้องการทำด้วยมือตัวเองด้วย อะคาเดมีเป็นวิธีหนึ่งที่ผมสามารถตอบแทนวงการฟุตบอลที่ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุญเสมอ”
อะคาเดมีของฟารูลตั้งอยู่นอกตัวเมืองคอนสตันตา สมัยก่อนเคยเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เต็มไปด้วยฝูงวัวและแกะ นอกจากนี้ฮาจียังมีแผนสร้างสนามฟุตบอลใหม่ในคอนสตันตา ความจุราวสองหมื่นคน มากกว่าสนามปัจจุบันที่ตั้งอยู่ภายในอะคาเดมีถึงสี่เท่า โดยรัฐบาลโรมาเนียร่วมลงทุนด้วยเกือบร้อยล้านปอนด์โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2025
“ผมกลับมาเมืองคอนสตันตาเพราะผมเกิดที่นี่ นี่เป็นที่ที่ของผม ฟารูลสร้างผมขึ้นมา” ฮาจีกล่าว “ผมกำลังทำงานนี้เพื่อสร้างแชมป์ ผมต้องการสร้างแชมป์โลก ผมเชื่อในสิ่งนี้ ผมเชื่อมั่นในงานที่กำลังลงมือทำ รวมถึงทักษะฝีเท้าของนักฟุตบอลโรมาเนีย”
“คุณจำเป็นต้องวางเป้าหมายให้ใหญ่ที่สุด พร้อมมีศรัทธาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า มิเช่นนั้นคุณจะไปไม่ได้ไกลเท่าไร”
เป้าหมายของฮาจีไม่ได้อยู่เพียงความสำเร็จของฟารูล แต่รวมถึงทีมชาติโรมาเนียที่เขาเคยมีบทบาทสำคัญ ยิงประตูที่สามของนัดเฉือนอาร์เจนตินา 3-2 ลอยลำเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเวิลด์คัพที่สหรัฐอเมริกา
แน่นอน ฮาจีต้องการพาโรมาเนียขึ้นไปถึงบัลลังก์เวิลด์คัพ … เป้าหมายใหญ่เกินตัวไปไหม? … ใช่! ใหญ่ที่สุดสำหรับโรมาเนีย … แต่อย่างที่ฮาจีพูดไว้ “คุณจำเป็นต้องวางเป้าหมายให้ใหญ่ที่สุด พร้อมมีศรัทธาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า มิเช่นนั้นคุณจะไปไม่ได้ไกลเท่าไร”
เรียบเรียง : ฐปน วันชูเพลา (Senior Football Writer)
ที่มา: soccersuck